DND.
ของขวัญรึ?ซือหยูสงสัย
หยินมู่เดินนำซือหยูมาถึงส่วนลึกสุดของกรงขังสตรีงดงามสองคนถูกมัดไว้ด้วยกิ่งไม้ พวกนางขยับตัวไม่ได้เลย มีต้นอ่อนสีเขียวอยู่บนหน้าผากของแต่ละคน
หยินมู่ยิ้มอย่างประหลาดเขาหยิบเมล็ดสองเมล็ดออกมาและวางใส่มือซือหยู
“มันคืออะไรรึ?”
ซือหยูถามด้วยความสับสน
หยินมู่มองแม่นางหลิงกับกงซุนหวูซื่อที่จ้องมองเขากลับและพูดด้วยภาษามนุษย์
“มันคือต้นอ่อนของต้นปรารถนากับเมล็ดปรารถนาต้นอ่อนปรารถนาถูกปลูกในร่างพวกนางแล้ว เมล็ดเองก็อยู่ในมือเจ้า ตราบเท่าที่เจ้ามีเมล็ด เจ้าจะควบคุมทั้งร่างกายและหัวใจนางได้ พวกนางจะยินดีทำตามความปรารถนาของเจ้าอย่างเต็มใจ”
ซือหยูตัวแข็งเป็นหินรอยเส้นสีดำบนหน้าผากปรากฏขึ้นมาเมื่อมองสตรีทั้งสอง ถึงพวกนางจะงดงามน่าหลงใหลก็ตามแต่ แต่หยินมู่มีความคิดที่จะทำให้ซือหยูควบคุมตัวนางได้ยังไง?
“หืม?เจ้ากลัวว่าพวกนางจะเป็นอิสระได้รึ? เจ้าไม่ต้องห่วง มันคือต้นปรารถนาที่ข้าปลูกเองเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ต่อให้เป็นเซียนก็เอาต้นปรารถนาออกจากร่างกายพวกนางไม่ได้…”
หยินมู่กล่าว
ซือหยูพูด
“ท่านเอาต้นปรารถนาออกจากร่างกายพวกนางได้หรือไม่?ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก”
“ข้าทำผิดอะไรหรือ?”
หยินมู่พูดด้วยความตกใจ
“มนุษย์ก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่นที่มักจะเปลี่ยนคู่ผสมพันธุ์เจ้าควรจะควบคุมพวกนาง พวกนางจะได้ไม่หักหลังเจ้าไม่ใช่รึ?”
ซือหยูหน้าแดงด้วยความเขินอายสิ่งที่เผ่าไม้คิดก็คือมนุษย์นั้นเหมือนกับสัตว์ที่มักจะเกิดอารมณ์ทางเพศได้ง่าย
ถ้าหากหยินมู่ไม่พูดก็คงจะไม่เป็นไรแต่เมื่อเขาพูด สตรีทั้งสองย่อมโกรธแค้นขึ้นมาทันควัน
“เดี๋ยวก่อนนะ!เจ้าเพิ่งพูดว่าคู่ผสมพันธุ์เรอะ?”
กงซุนหวูซื่อหน้าแดงเช่นเดียวกับแม่นางหลิงทั้งคู่คิดว่าหยินมู่ใส่ผนึกบางอย่างลงในร่างกายพวกนาง แต่สุดท้าย มันก็คือของชั่วช้าสัปดน
หยินมู่สีหน้าแปลกไป
“ข้าก็ทำตามที่พวกไม้ทองแดงรายงานกลับมาเจ้าพูดเองว่าพวกนางคือแม่พันธุ์ของเจ้า ข้าเข้าใจผิดอะไรไปหรือ?”
เขาถามซือหยู
แย่แล้ว!ซือหยูอยากจะหยุดไม่ให้หยินมู่พูดต่อ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
“อ๊าาาาาาา!ไอ้แก่ลามก เจ้า…เจ้า…เจ้ามันหน้าด้าน!”
กงซุนหวูซื่อระเบิดความโกรธซือหยูหลอกเผ่าไม้และบอกว่าพวกนางมีความสัมพันธ์ประเภทนั้นต่อกัน จนตอนนี้พวกนางมีผนึกอันอัปยศอยู่ในร่างกาย
แม่นางหลิงแทบจะพ่นไฟออกมาเพราะความโกรธ
“ซือหยูเซี่ยน!ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะไม่ให้เจ้าแตะต้องข้า”
ซือหยูอับอาย
“หัวหน้าเผ่าไม้ต่างหากที่อยากจะฆ่าเจ้าข้าถูกบังคับให้ต้องบอกว่าพวกเจ้าเป็นคนสำคัญของข้า แต่พวกมันเข้าใจผิดคิดว่าเรามีความสัมพันธ์แบบนั้นต่อกัน พวกเจ้าอยากจะให้ข้าปล่อยให้พวกมันลากพวกเจ้าไปเป็นปุ๋ยหรือยังไง?”
เมื่อได้ฟังเหตุผลสตรีทั้งสองนึกย้อนกลับไปในเรื่องราวที่เกิดขึ้นและครั้งที่หัวหน้าเผ่าไม้ปล่อยพวกนางอย่างแปลกๆ ทั้งคู่จึงเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นตอนนั้น ไม่แปลกเลยที่ซือหยูจะพูดตอบพวกนางอย่างกระอักกระอ่วน
“ทำไมเจ้าไม่รีบบอกให้พวกมันเอาผนึกนี่ออกไปล่ะ”
แม่นางหลิงรู้สึกไม่สบายใจเลยเมื่อคิดว่าตัวเองถูกคนอื่นควบคุม และนางอาจจะต้องเสียร่างกายให้กับเขาทุกเมื่อ นางก็รู้สึกอยากตาย
กงซุนหวูซื่อชิงชังซือหยูมากตั้งแต่ที่นางได้รู้จักกับเขาก็ไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นกับนางเลย
หยินมู่ขมวดคิ้ว
“เจ้าหนุ่มผู้หญิงสองคนนั้นหยาบคาย ไร้เหตุผล ซ้ำร้ายยังไม่น่ารักเอาเสียเลยแม้จะเคยเป็นแม่พันธุ์ของเจ้ามาก่อน ตอนนี้เจ้าเป็นนายพวกนางแล้ว เจ้าอบรบพวกนางได้ตามต้องการ”
ซือหยูหน้าแดงด้วยความเขินอายอีกครั้งนางทั้งสองมีฐานะที่สูงส่งไม่เหมือนใครอื่น และถ้าซือหยูกล้าแตะต้องจริงๆ ปัญหาอันไม่รู้จบก็คงจะรอเขาอยู่เป็นแน่
“ท่านเอาต้นปรารถนาออกไปได้หรือไม่?พวกข้าเป็นเพียงสหายกันเท่านั้น…”
ซือหยูขอร้อง
หยินมู่ถอนหายใจ
“ต้องขออภัยข้าทำไม่ได้หรอก หากปลูกต้นปรารถนาไปแล้วก็มิอาจนำออกมาได้ แต่เมล็ดในมือเจ้ามีพิษที่จะทำให้ต้นปรารถนาแห้งตายและหายไปจากร่างกายเต็มที่ เจ้าเพียงแค่ต้องบดเมล็ดและให้พวกนางกินเข้าไป แต่สองคนนี้คิดร้ายต่อเจ้า คงจะดีกว่าถ้าเจ้าทำหลังจากถึงที่ปลอดภัย”
ซือหยูคิดเช่นเดียวกับเขา
“เอาล่ะข้าจะส่งพวกเจ้าออกจากป่า”
หยินมู่สะบัดชายเสื้อและพาทั้งสามออกไปกับเขาเขาเดินทางหลายพันลี้ข้ามทั้งป่าปีศาจร้างจนมาถึงชายป่า
หยินมู่มองตามซือหยู
“วันใดหากเจ้ามีปัญหาเจ้ากลับมาหาการคุ้มครองจากป่าปีศาจร้างได้ทุกเมื่อ”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส…”
ซือหยูตอบ
พวกเขาอยู่ใกล้กับโลกภายนอกแล้วและชายป่าปีศาจร้างก็ไม่ได้มีหมอกอำพันอีกต่อไป พวกเขาทุกคนออกเดินทาง ไม่นานซือหยูก็ได้พบกับโลกภายนอกที่ไม่ได้เจอมานาน
“เห้อ!สุดท้ายก็ได้ออกม….พวกเจ้าทำอะไร?”
ซือหยูถอนหายใจยาวแต่จู่ก็รู้สึกเยือกเย็นที่แผ่นหลัง เขาหันไปหลบการจู่โจมที่เข้ามา
เขามองกลับไปใบหน้าแม่นางหลิงนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น กงซุนหวูซื่อเองก็มองเขาอย่างเยือกเย็น นางยืนกอดอกอย่างเย่อหยิ่ง
“เจ้าคิดว่าพวกข้ากำลังทำอะไรล่ะ?ความบริสุทธิ์ของพวกข้าจะต้องไม่แปดเปื้อนเพราะเจ้า ส่งเมล็ดนั่นมา ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาบอกว่าข้าป่าเถื่อน!”.novel-lucky.
แม่นางหลิงสีหน้าดูประหลาดนางพูดทั้งๆที่หน้าแดง
ซือหยูยืนตรงและถอนหายใจแรง
“พวกเจ้าก็แค่ป้าแก่ๆกับเด็กผู้หญิงที่ยังไม่รู้จักโตข้าไม่รู้จริงๆว่าพวกเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ทำไมถึงคิดว่าข้าถึงสนใจพวกเจ้า รสนิยมข้าไม่ได้เหมือนเผ่าไม้ที่รู้แต่ความต่างของบุรุษกับสตรี พวกเจ้าจะหลงตัวเองเกินไปแล้ว”
เมื่อได้ฟังสตรีทั้งสองอัปยศจนเพลิงคลั่งแทบจะปะทุออกมา
กงซุนหวูซื่อหายใจหอบด้วยความแค้นนางพูดอย่างดุร้าย
“ถ้าเจ้าดูถูกร่างกายข้าอีกครั้งข้าจะไม่อภัยให้เจ้า”
แม่นางหลิงแทบจะเป็นบ้าเมื่อได้ยินเขาเรียกนางว่าป้าแก่ถึงนางจะอยู่ในวัยนี้จริงๆ รูปลักษณ์ของนางก็ดูอ่อนเยาว์กว่าสตรีอายุสามสิบหลายคน
ซือหยูแทงจุดอ่อนของสตรีทั้งสองด้วยคำพูดไปเสียแล้ว
“ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
แม่นางหลิงตะโกนก่อนที่จะคว้ากระบี่พุ่งเข้าใส่กงซุนหวูซื่อหยิบขวดยาหลายขวดออกมาจากกระเป๋า นางพร้อมจะสั่งสอนซือหยูในทุกเมื่อ
“พวกเจ้าลืมอะไรไปใช่ไหม?”
ซือหยูยืนนิ่งและหยิบเมล็ดทั้งสองขึ้นมาอัดพลังชีวิตลงไป
เมล็ดทั้งสองปลดปล่อยความร้อนรอยพิมพ์รูปต้นอ่อนที่หน้าผากแม่นางหลิงกับกงซุนหวูซื่อเริ่มเปล่งแสงสีเขียว การเคลื่อนไหวของพวกนางช้าลง แววตาพวกนางแสดงการขัดขืน
“เต้นให้ข้าดูซิ!”
ซือหยูสั่ง
สายตาต่อต้านของทั้งคู่หายไปทันทีมันแทนที่ด้วยความอบอุ่นและความรักต่อซือหยู
เมื่อได้เห็นความรักห่วงใยจากทั้งสองซือหยูตกใจเล็กน้อยราวกับรู้สึกถึงความรักจากพวกนางจริงๆ
นางทั้งสองร่ายรำช้าๆแม่นางหลิงนั้นเป็นสตรีที่เติบโตแล้ว นางจึงมีร่างกายยั่วยวน ส่วนโค้งเว้าน่ามอง ผิวเรียบเนียนของนางนั้นน่ามองเป็นอย่างยิ่ง ส่วนกงซุนหวูซื่อนั้นน่ารักน่าทะนุถนอมราวกับกระต่ายน้อย ทุกคนที่มองเห็นนางย่อมอยากจะกอดและลูบด้วยความรัก
ซือหยูได้แต่มองพวกนางไปหลายลมหายใจขณะที่พูดเบาๆ
“พวกเจ้าสองคนอ่อนโยนแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วทำไมต้องแยกเขี้ยวอยู่ตลอดเวลาเล่า?”
ซือหยูเก็บเมล็ดกลับคืนร่างของสตรีทั้งสองหยุดร่ายรำ เมื่อทั้งสองรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ทั้งอับอายและขุ่นเคืองใจ ทั้งสองกัดฟันแน่น พวกนางอยากจะกระโจนเข้าใส่ซือหยูและใช้ฟันกระชากเขาเป็นชิ้นๆ
มันน่าอายน่าอายเกินไปแล้ว! แล้วมันก็น่ากลัวเกินไปด้วย! มันเป็นอย่างที่ชาวเผ่าไม้หน้าสีเงินพูด มันสามารถควบคุมได้ทั้งร่างกายและจิตใจ
พวกนางมิอาจต่อต้านมันได้เลยและถ้าซือหยูต้องการ พวกนางก็คงจะยินดีเสนอตัวให้เขาด้วยความเต็มใจ
พวกนางรู้แล้วว่าเรื่องนี้หนักหนาแค่ไหนจึงไม่กล้าที่จะจู่โจมซือหยูอีก
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วว่าอย่าก่อเรื่อง…”
ซือหยูหัวเราะเบาๆ
“พวกเจ้าสบายใจได้พอข้าถึงที่ปลอดภัย ข้าจะให้เมล็ดคืน แต่ข้าจะไม่ให้ตอนนี้ เพราะข้าอาจจะต้องหนีการตามล่าของพวกเจ้า”
“ไว้เจอกันใหม่ข้าขอตัวก่อน”
ซือหยูบินจากไป
เขาไปยังทุ่งร้างของชายป่าที่ยังมีร่องรอยการต่อสู้ดินแดนพรสวรรค์และตำหนักโลหิตจะต้องเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายนี้
“อ๊ะ!ท่านอาจารย์!”
เสียงตะโกนดังจากที่ห่างไกล
เป็นเสียงของอาจารย์เกาเขามีจ้าวเทวะระดับสี่ตามมาถึงสามคน และดูจากวิชาเคลื่อนไหวแล้ว ทั้งสามเชี่ยวชาญในการหลบหนี พวกเขาตามอาจารย์เกามาติดๆ
ซือหยูหายตัวไปสองวันสองคืนในป่าปีศาจร้างไม่ควรจะมีโอกาสรอดเหลืออยู่เลย ดังนั้นอาจารย์เกาจึงกลายเป็นปราชญ์ภาษาไม้คนเดียวในดินแดนพรสวรรค์ เขาย่อมถูกปกป้องในระดับนี้อยู่แล้ว
“ท่านอาจารย์ปลอดภัยใช่ไหม?พวกเขาคิดว่าท่านจะไม่กลับมาอีกแล้ว”
ใบหน้าอาจารย์เกายินดีเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่คิดเลยว่าท่านอาจารย์จะออกจากป่าปีศาจร้างมาได้มันอัศจรรย์ยิ่งนัก”
ซือหยูร่อนลงและตอบ
“ข้าเคราะห์ดีไม่ได้บาดเจ็บอะไร ตอนที่ข้าหายไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
“ไม่นานหลังท่านตกไปที่ป่าปีศาจร้างปีศาจเด็ดดาวหยุดจู่โจมพร้อมนำคนดินแดนมีดสวรรค์ออกไปกับเขา แต่นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่ไม่คิดจะปล่อยพวกมันไป หลังจากกลับเมืองเทียนหยา พวกเขาเรียกคนจากดินแดนพรสวรรค์ทั้งหมดเข้าจู่โจมคนดินแดนมีดสวรรค์”
“ปีศาจเด็ดดาวไม่ตอบโต้และนำคนดินแดนมีดสวรรค์กลับพวกมีดสวรรค์ต่อสู้ขณะที่ถอย พวกมันทิ้งเมืองเทียนหยาและร้านทั้งหมดในหลายปีที่สะสมมาเอาไว้ตามข้อตกลง”
หลังจากปีศาจเด็ดดาวบรรลุเป้าหมายในการสังหารซือหยูเขาก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องต่อสู้อีก พวกเขาอาจจะกำลังวางแผนสังหารอาจารย์เกาอยู่
“ท่านอาจารย์กลับเมืองเทียนหยากับข้าเถอะ นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่จะต้องดีใจแน่ที่รู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่…”
อาจารย์เกากล่าว
ทั้งคู่จะไม่ดีใจได้อย่างไรถ้าหากซือหยูยังมีชีวิตรอด?เพราะตราบที่ซือหยูยังมีชีวิต พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องการค้าในเมืองเทียนหยาอีก
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!”
ซือหยูส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
“ปีศาจเด็ดดาวเต็มใจออกจากเมืองก็เพราะคิดว่าข้าตายถ้ามันรู้ว่าข้ารอดกลับมา…เจ้าคิดว่ามันจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ?”
แน่นอนว่าเขาย่อมต้องแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้สังหารซือหยู
“ข้าจะไม่ปรากฏตัวที่เมืองเทียนหยาก่อนกลับตำหนักโลหิตเจ้าห้ามบอกเรื่องที่ข้ายังมีชีวิตอยู่กับใคร อาจารย์เกา โปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไปก่อน บอกจ้าวเทวะที่มากับเจ้าให้ทำเหมือนกันด้วย”
ซือหยูประสานหมัด
อาจารย์เกาตบหัวตัวเอง
“ข้าช่างโง่เขลานักท่านอาจารย์ เป็นท่านที่ไตร่ตรองถี่ถ้วนเสมอ”
“ฮ่าๆๆอาจารย์ซือวางใจได้ ความปลอดภัยของท่านยึดโยงกับอนาคตของเมืองเทียนหยา พวกเราจะประมาทได้อย่างไร? เราจะรายงานรองผู้จัดการใหญ่หลังท่านกลับตำหนักโลหิตแล้ว”
“ขอบคุณพวกเจ้ามากข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ข้าจะรอที่นี่ พวกเจ้ากลับไปก่อน”
ซือหยูผายมือให้พวกเขา
อาจารย์เกากับคนที่เหลืออำลาซือหยูและบินกลับเมืองเทียนหยาด้วยความดีใจ
ซือหยูกลับเข้าไปในป่าปีศาจร้างอีกครั้งเขาหยิบหยกสื่อสารขึ้นมา
“แปลกนักโรงประมูลเทียนหยาไม่อยากได้สมบัติภูติงั้นหรือ? หรือว่าพวกนั้นยังไม่ตัดสินใจเพราะแม่นางหลิงติดอยู่ในป่าปีศาจร้าง?”
ซือหยูครุ่นคิดและรอในป่าอย่างอดทน
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันเสียงดังมาจากหยกสื่อสาร เขาได้รับการติดต่อกลับมาแล้ว!