ตอนที่ 495 ศึกการแย่งชิง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“สามแสนหินผลึก !”

หลังจากฝูงชนฮือฮากันพักใหญ่ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากห้องแยกของเฝินชวี่และเป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

นิกายเพลิงแดงเดือดและนิกายอู่ซานไม่ขานราคาแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจในตัวลูกครึ่งเอลฟ์คนนี้

“ได้ยินมาว่านายน้อยหุบเขากรุ่นกำยานโปรดปรานสตรีโฉมงามเป็นที่สุด ในเมื่อเด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์งามทั้งรูปลักษณ์และเรือนร่างเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่เขาจะสนใจมาก”

เมื่อซวงเสวี่ยได้ยินราคาประมูลของเฝินชวี่ เขาก็ยิ้มกริ่มและกล่าวอธิบาย

นอกเหนือจากความยโสโอหังและยกตนเหนือกว่าทุกคนแล้ว เฝินชวี่ยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งซึ่งก็คือความหลงใหลในหญิงงามอย่างมิอาจห้ามใจ

ยิ่งไปกว่านั้น เขามักจะทำการจับตัวหญิงสาวสามัญชนอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าคนมากมายไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำที่อุกอาจเหล่านี้ของเขา ทว่าด้วยอิทธิพลและสถานะของเขาจึงไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรเขาแม้แต่น้อย

ความงามของลูกครึ่งเอลฟ์คนนี้ถือว่าไม่ด้อยไปกว่าฉินอวี้โม่เลย ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสายเลือดของเอลฟ์ครึ่งหนึ่งในร่าง ความบอบบางและความอ่อนช้อยของนางก็ทำให้บุรุษมากมายรู้สึกหมายปองขึ้นมา

“สามแสนหนึ่งหมื่นหินผลึก !”

ฉินอวี้โม่ขานราคาออกไปเบา ๆ เมื่อเฝินชวี่กล่าวราคาประมูลสามแสนหินผลึก ไม่มีผู้ใดสู้ราคานั้นของเขา อาจเป็นเพราะทุกคนรู้สึกว่าเด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์คนนี้ไม่คุ้มค่ากับราคาที่สูงเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ในเมื่อฉินอวี้โม่ให้สัญญากับเด็กสาวตรงหน้าผ่านทางสายตาและตัดสินใจที่จะประมูลนางนั้น นางก็จะทำดังที่ตั้งใจไว้อย่างแน่นอน

แม้ว่าลูกครึ่งเอลฟ์สามารถทำพันธสัญญากับมนุษย์ได้ แต่ความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ก็ยังน้อยเกินไป หลังจากพยายามตรวจสอบดู ฉินอวี้โม่ก็ทราบว่านางเพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนเพียงเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกครึ่งเอลฟ์ก็ไม่เป็นที่ยอมรับทั้งจากชนเผ่าเอลฟ์และเผ่าพันธ์ุมนุษย์ เพราะเหตุนั้น แม้ว่ามีการแย่งชิงในตอนแรก เมื่อเวลาผ่านไปการแข่งขันเหล่านั้นก็ไม่ได้เข้มข้นนัก

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดว่าฉินอวี้โม่จะแข่งขันประชันราคากับเขา เพราะเหตุนั้นในห้องพิเศษของเฝินชวี่จึงตกอยู่ท่ามกลางความเงียบไปชั่วขณะ

“สามแสนสองหมื่นหินผลึก !”

หุบเขากรุ่นกำยานมั่งคั่งร่ำรวยอย่างยิ่งและเฝินชวี่ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน หลังจากตวัดสายตามองไปที่ห้องแยกหมายเลขสองของฉินอวี้โม่ เขาก็เสนอราคาเพิ่มขึ้นทันที

“สามแสนห้าหมื่นหินผลึก !”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและประมูลราคาต่อไป สำหรับลูกครึ่งเอลฟ์คนนี้ นางจะต้องเอาชนะการประมูลให้จงได้ ในเมื่อเฝินชวี่ต้องการที่จะแข่งขันกับนาง แน่นอนว่านางจะทำให้เขาเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้

“สามแสนหกหมื่นหินผลึก !”

เฝินชวี่กัดฟันกรอดและกล่าวออกไป เด็กสาวในกรงงดงามดึงดูดใจเขาเป็นอย่างยิ่งและเขาอดไม่ได้ที่จะแข่งขันประมูลเพื่อนำนางมาเป็น ‘ของเล่น’ ของตน

“สี่แสนหินผลึก”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและเสนอราคาต่อไปอย่างไม่รีบร้อน

เมื่อได้ยินการเสนอราคาแข่งขันกันระหว่างเฝินชวี่และสตรีผู้สวมผ้าคลุมลึกลับ ทุกคนก็มองหน้ากันอย่างพึงพอใจราวกับกำลังชมเรื่องสนุก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็จำได้ดีว่าห้องพิเศษหมายเลขสองของฉินอวี้โม่นั้นเป็นห้องของคนจากเรือนเฟิงเสวี่ยเช่นกัน

แม้หุบเขากรุ่นกำยานเป็นขุมกำลังแกร่งกล้าและเก่าแก่ซึ่งมีพลังความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม ในฐานะขุมกำลังใหม่ เรือนเฟิงเสวี่ยก็ไม่หวาดหวั่นต่อหุบเขากรุ่นกำยานเลยสักนิด

ทุกคนเพียงต้องการชมเรื่องสนุก ๆ และรอดูว่าเรือนเฟิงเสวี่ยจะมีความสามารถมากพอที่จะแข่งขันแย่งชิงของประมูลกับขุมกำลังระดับหนึ่งอย่างหุบเขากรุ่นกำยานได้หรือไม่

เฝินชวี่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินราคาประมูล ‘สี่แสนหินผลึก’ จากฉินอวี้โม่ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ยอมแพ้และคิดที่จะเสนอราคาต่อทันที

“นายน้อยขอรับ…เราเหลือหินผลึกไม่มากนัก อีกอย่าง ‘ของสิ่งนั้น’ ก็ยังไม่ปรากฏออกมา หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่ามันจะไม่ส่งผลดีกับเรานัก”

ภายในห้องพิเศษของหุบเขากรุ่นกำยาน ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้นเพื่อปรามเฝินชวี่ไว้

พวกเขามาที่นี่ครานี้เพื่อประมูลวัตถุลึกลับ ‘ชิ้นนั้น’ ก่อนหน้านี้พวกเขาจ่ายหินผลึกไปมากถึงห้าแสนก้อนเพื่อประมูลแหวนมิติและตอนนี้พวกเขาก็เหลืองบประมาณไม่ถึงหนึ่งล้านหินผลึกแล้ว หากใช้หินผลึกไปมากเกินไปจนไม่มีหินผลึกเหลือเพื่อที่จะประมูลของสิ่งนั้น มันก็อาจจะผิดจุดประสงค์ของการมาที่นี่ในครานี้

“เข้าใจแล้ว…”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฝินชวี่ก็ชะงักไปเล็กน้อยทว่าสายตาของเขาก็มองไปที่เด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์ในกรงพร้อมกับเผยสีหน้าที่เสียดายออกมาอย่างชัดเจน

“เหอะ ครานี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ไปก่อน”

เขาแค่นเสียงเย็นชาและถอนตัวจากการประชันราคาทันที

เมื่อไม่มีเสียงขานราคาดังมาจากห้องพิเศษของเฝินชวี่อีกต่อไป ฉินอวี้โม่ก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ดูเหมือนว่าของประมูลชิ้นต่อไปคือเป้าหมายหลักของพวกเขา”

พร้อมเสียงถอนหายใจเบา ๆ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับของประมูลชิ้นต่อไปมากขึ้น สิ่งที่ทำให้ทั้งสามขุมกำลังระดับหนึ่งของดินแดนทางเหนือหยุดนิ่งและตั้งตารอจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“สี่แสนหินผลึกครั้งที่หนึ่ง”

จวินอู่ซิ่วยิ้มขณะกวาดสายตามองทุกคน ราคานี้ถือว่าเกินความคาดหมายของนางไปมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นางก็รู้สึกพึงพอใจอย่างที่สุด ถึงอย่างไรแล้วยิ่งราคาประมูลสูงเพียงใด นั่นก็หมายความว่าโรงประมูลจะมีรายได้ที่มากขึ้นเพียงนั้น แล้วนางจะไม่พอใจได้อย่างไร ?

“สี่แสนหินผลึกครั้งที่สอง”

หลังจากกล่าวต่อไปและสายตาสำรวจทั่วโรงประมูล นางก็มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดเสนอราคาสู้อีก

“สี่แสนหินผลึกครั้งที่สาม… ปิดการประมูล !”

จวินอู่ซิ่วกล่าวพร้อมรอยยิ้มและประกาศปิดการประมูลเด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์อย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น สวี่ฉู่ก็นำกรงขังที่มีลูกครึ่งเอลฟ์มุ่งหน้าตรงไปยังห้องพิเศษของฉินอวี้โม่

หลังจากได้รับหินผลึกตามราคาประมูล เขาก็มอบลูกครึ่งเอลฟ์ให้กับฉินอวี้โม่ก่อนกลับออกไป ตอนนี้เด็กสาวผู้นี้เป็นสมบัติของฉินอวี้โม่และคณะแล้ว ส่วนพวกนางจะจัดการหรือทำอย่างไรกับนางต่อไปก็ย่อมมิใช่ธุระของผู้จัดการโรงประมูล

ฉินอวี้โม่ขยิบตาส่งสัญญาณให้มารยาก่อนที่อสูรสาวจะเปิดกรงขังเพื่อปล่อยเด็กสาวร่างบางในนั้นออกมา

“เจ้าเป็นอิสระแล้ว ไปเถอะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ ด้วยวาจาที่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดฉินอวี้โม่จึงปล่อยนางไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่ประมูลนางมาในราคาที่สูงมาก

ลูกครึ่งเอลฟ์เองก็ตกใจเช่นกันและนางมองตรงมาที่ฉินอวี้โม่ด้วยความฉงนสงสัย

“สิ่งที่ข้าต้องการคือผู้ที่ยอมจำนนต่อข้าอย่างแท้จริง มิใช่ผู้ที่มีความคิดเป็นอื่น เจ้ามีความเคียดแค้นและชิงชังอยู่ในใจมากนัก หากเจ้าไม่จำนนต่อข้าจากใจจริง ในอนาคตเจ้าอาจทำสิ่งที่เป็นภัยต่อข้าก็เป็นได้”

ฉินอวี้โม่กล่าวออกไปตามตรง นางสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นจากเด็กสาวตรงหน้าและคาดเดาได้ว่าเคยมีเหตุการณ์และเรื่องราวที่เลวร้ายมากมายเกิดขึ้นกับลูกครึ่งเอลฟ์ผู้นี้ เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออสูรมายา ผู้ติดตามที่นางต้องการคือผู้ที่จำนนและเคารพนางอย่างแท้จริง มิใช่มีความคิดวอกแวกเป็นอื่น

“สั่วซีหย่าคารวะนายหญิง”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ ลูกครึ่งเอลฟ์ก็ลังเลเล็กน้อยก่อนคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกล่าววาจาอย่างแน่วแน่ “ข้าขอหลั่งเลือดสาบาน ณ ตรงนี้เพื่อแสดงความยอมจำนนต่อนายหญิงอย่างสุดหัวใจ ข้าจะกลายเป็นทาสรับใช้ของนายหญิงและจะไม่มีวันแปรพักตร์ตราบชั่วนิรันดร์ !”

หากเป็นก่อนหน้านี้ นางไม่มีทางจำนนต่อฉินอวี้โม่อย่างเต็มใจ ถึงอย่างไรนางก็เคยได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่มนุษย์ทำต่อชนเผ่าลูกครึ่งเอลฟ์ของพวกนาง แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะสัมผัสได้ว่าฉินอวี้โม่มิใช่สตรีธรรมดาทั่วไปและก็มองเห็นแสงแห่งความหวังจากสตรีผู้นี้ อย่างไรก็ตาม หัวใจของนางก็ยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย

ทว่าวาจาของฉินอวี้โม่เมื่อครู่ก็ได้ปัดเป่าความกังวลและความสับสนทั้งหมดไปจากใจของนาง นางเต็มใจยอมจำนนต่อนายหญิงผู้นี้อย่างแท้จริง

ไม่ว่าอย่างไรฉินอวี้โม่ก็เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตนางไว้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองแววตาและลักษณะท่าทางของฉินอวี้โม่ นางก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาก

เมื่อเห็นท่าทางของเด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์เจ้าของชื่อ ‘สั่วซีหย่า’ ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะและรอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้า ลูกครึ่งเอลฟ์คนนี้ฉลาดเฉลียวไม่น้อย นางมีวิธีตัดสินสถานการณ์ตรงหน้าและทราบว่าตนเองต้องการอะไร

“ในเมื่อเจ้าจำนนต่อข้าแล้ว จงลืมเรื่องราวในอดีตไปก่อน การที่เจ้าติดตามข้า…เจ้าต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของข้าโดยที่ไม่สองจิตสองใจเด็ดขาด”

นางจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าสั่วซีหย่ากำลังแบกรับความชิงชังที่ไร้ที่สิ้นสุดอยู่ภายในใจ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อฉินอวี้โม่เลือกที่จะรับมาเป็นผู้ติดตามแล้ว นางก็ไม่หวาดหวั่นแต่อย่างใด

แต่ทว่า… ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่ได้รับการสะสางและนางไม่ต้องการให้แผนการของตนเองต้องล่าช้าเพราะความชิงชังในหัวใจของสั่วซีหย่า เมื่อทุกอย่างเข้าที่ นางจะหาเวลาสืบถามสถานการณ์จากสั่วซีหย่าและพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถเอง

“เจ้าค่ะ นายหญิง”

สั่วซีหย่าพยักศีรษะและตกปากรับคำโดยไม่ลังเล

“พลังของเจ้าในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป เข้าไปที่คฤหาสน์เฟิงหัวของข้าเพื่อฝึกยุทธ์ก่อนเถอะ ใช้เวลานี้จดจ่อกับการฝึกฝนให้เต็มที่ ข้าหวังว่าภายในครึ่งปี เจ้าจะพัฒนาไปสู่ขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดได้”

ฉินอวี้โม่ไม่สงสัยในพรสวรรค์ของลูกครึ่งเอลฟ์คนนี้ แม้ว่าพลังของนางในเวลานี้จะยังอ่อนแอเกินไป ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจว่าเด็กสาวตรงหน้าจะกลายเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างยิ่งในสักวัน

“ข้าจะไม่ทำให้นายหญิงผิดหวัง”

น้ำเสียงของสั่วซีหย่าเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจและมุ่งมั่น หลังจากกล่าวจบ นางก็เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวด้วยการนำทางของมารยาทันที

“ดูเหมือนเจ้าจะสนใจและสงสัยเกี่ยวกับเด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์นี้มากสินะ”

ฉินเฟิงกล่าวพร้อมยิ้มบาง ๆ แน่นอนว่าเขาสัมผัสได้ถึงความสงสัยใคร่รู้ที่ฉินอวี้โม่มีต่อเด็กสาวผู้นี้อย่างชัดเจน

“ศิษย์พี่ สิ่งที่ข้าสนใจมิใช่เพียงลูกครึ่งเอลฟ์เท่านั้น หากแต่เป็นชนเผ่าเอลฟ์ที่หายสาบสูญไปนานนับพันปี รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวผู้นี้”

ฉินอวี้โม่กล่าวตอบตามความจริง ฝ่ายมารแกร่งกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และหลายขุมกำลังของอารามโชติช่วงก็เฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง ฉินมู่ยวี่—ผู้ทรยศของชนเผ่ามายาก็ทรงพลังไม่ต่างกัน อีกทั้งนางยังรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามบางอย่างที่ยังไม่ปรากฏขึ้นมา การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

สำหรับเรื่องชนเผ่าเอลฟ์และชนเผ่าอสูร ฉินอวี้โม่จะต้องสืบข้อมูลให้ได้โดยเร็วที่สุด บางทีวันหนึ่งมันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับนางและคนอื่น ๆ

ฉินเฟิงพยักศีรษะตอบรับ เขาคาดเดาความคิดของฉินอวี้โม่ได้เช่นกัน ศัตรูที่พวกเขาต้องเผชิญยังคงยากเกินที่จะหยั่งถึงและทรงพลังมากเกินไป การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างแท้จริง

แม้เมื่อพันปีก่อน กองกำลังพันธมิตรของเอลฟ์ อสูรและมนุษย์ก็ไม่สามารถทำลายฝ่ายมารได้อย่างสิ้นซาก เพียงแค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าขุมกำลังมารร้ายเหล่านั้นทรงพลังเพียงใด

บัดนี้พลังความแข็งแกร่งของหมู่มวลมนุษย์ก็อ่อนแอลงกว่าเมื่อพันปีก่อนเล็กน้อย หากฝ่ายมารฟื้นฟูความแข็งแกร่งได้ถึงระดับสูงสุด ฝ่ายมนุษย์จะไม่มีทางเอาชนะได้แน่ เพราะเหตุนั้น การผนึกกำลังรวมกันกับเอลฟ์และพวกอสูรจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำให้สำเร็จ

ซวงเสวี่ย เหมาซานและคนอื่น ๆ ก็ฟังบทสนทนาอย่างจริงจังของฉินอวี้โม่และฉินเฟิงขณะมองหน้ากันโดยไม่เอ่ยถามสิ่งใด

แม้ยังมีหลายอย่างที่พวกเขาไม่เข้าใจนัก พวกเขาก็เลือกที่จะยอมจำนนต่อฉินอวี้โม่แล้วและจะไม่มีข้อกังขาใด ๆ ในคำสั่งของผู้นำ ไม่ว่าฉินอวี้โม่ต้องการทำสิ่งใด ไม่ว่าแผนการต่อไปจะเป็นอย่างไร ตราบใดที่นางออกคำสั่ง พวกเขาก็จะทำมันอย่างเต็มที่

ฉินอวี้โม่และฉินเฟิงหยุดสนทนาเรื่องเหล่านั้นด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน การพิจารณาเรื่องบางอย่างต้องใช้เวลานานและไม่ควรรีบร้อนทำสิ่งใดลงไปอย่างไม่รอบคอบ

บนแท่นสูงกลางโรงประมูล จวินอู่ซิ่วได้นำของประมูลชิ้นสุดท้ายของงานประมูลครานี้ออกมาแล้วและมันคือสิ่งที่ทั้งสามขุมกำลังใหญ่ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง