ถังซีปิดระบบด้วยความโมโห และตัดสินใจหาอาหารอร่อยๆ มาเพิ่มพลังให้ตัวเอง! 

 

 

เมื่อเห็นถังซีจู่ๆ ก็โกรธขึ้นมา เฉียวเหลียงก็มองหน้าเธอแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น” 

 

 

ถังซีฝืนยิ้ม ส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรค่ะ” 

 

 

เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว มองหน้าถังซีเขม็งราวกับจะบอกว่า ‘คุณคิดว่าผมตาบอดอย่างนั้นหรือ’ ถังซีซบศีรษะลงบนไหล่เฉียวเหลียงและกระซิบว่า “ฉันสบายดี มีบางอย่างในร่างกายฉันผิดพลาดอีกแล้ว!” จากนั้นเธอก็เงยหน้ามองเฉียวเหลียง “ฉันหิว ฉันอยากทานซุป ฉันต้องการซุปบำรุงร่างกายทุกชนิด!” 

 

 

… 

 

 

ณ อุทยานเอ็มไพร์ 

 

 

ในห้องทำงานอันกว้างใหญ่ ถังเจิ้นหวานั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำหลังโต๊ะไม้แดง กำลังอ่านเอกสารบนโต๊ะ สีหน้าท่านค่อยๆ เข้มขึ้นเรื่อยๆ ท่านมองหน้าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านด้วยท่าทางเคารพ ท่านถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “เอกสารพวกนี้เป็นของจริงเหรอ” 

 

 

ชายหนุ่มมองหน้าถังเจิ้นหวาและพยักหน้า “ใช่ครับ คุณท่าน หลังจากที่ท่านขอให้ผมตรวจสอบสาเหตุของอุบัติเหตุ แทนการตามหาคุณหนู ผมก็พบเอกสารเหล่านี้ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา อีกไม่นานเราจะสามารถค้นหาความจริงได้หากเราติดตามจากเบาะแสที่ผมพบ” 

 

 

ถังเจิ้นหวาจ้องมองเอกสารในมืออย่างไร้ความรู้สึก จากนั้นใบหน้าชราภาพของท่านก็แสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง “คนพวกนี้ไม่รู้จักพอจริงๆ” จากนั้นท่านก็มองหน้าชายหนุ่ม “ถังหลิง ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป” 

 

 

“ได้ครับ คุณท่าน” ถังหลิงพยักหน้า แล้วออกจากห้องไป ถังจงตามเขาออกไป ในเวลานั้นนั่นเองถังซีก็เข้ามาพอดี ประกายความประหลาดใจกะพริบไปทั่วดวงตาถังซีเมื่อเธอเห็นถังหลิง เห็นได้ชัดว่าถังหลิงเองก็รู้สึกประหลาดใจมากที่ได้เห็นถังซี 

 

 

ถังหลิงมองดูถังซี จากผลการสืบสวนของเขา โอกาสที่ถังซีจะรอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนั้นแทบไม่มีเลย เขาสงสัยว่าถังซีรอดมาได้อย่างไร 

 

 

ถังซีรู้แน่นอนว่าถังหลิงต้องสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนั้น แต่เธอไม่กลัวว่าถังหลิงจะเปิดเผยความจริง เพราะ… เมื่อมีคุณปู่อยู่ใกล้ๆ ไม่มีใครคุกคามเธอได้ ตราบเท่าที่คุณปู่เชื่อในตัวเธอ เมื่อนึกเช่นนี้ถังซีก็ยิ้มออกมา และกล่าวทักทายถังหลิง “ถังหลิง ได้ยินมาว่าเธอตามหาฉันในช่วงที่ฉันไม่อยู่ ขอบใจนะ” 

 

 

ถังหลิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “นั่นคือสิ่งที่ผมควรทำครับ ขอแสดงความยินดีที่คุณกลับมาอย่างปลอดภัยนะครับ คุณหนู” 

 

 

ถังซียิ้ม “ขอบใจ เอาไว้คุยกันวันหลังนะ ฉันต้องไปพบคุณปู่ก่อน” 

 

 

ถังซีเดินผ่านถังหลิง กล่าวทักทายถังจง และมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของถังเจิ้นหัว ถังจงเฝ้ามองเธอเดินเข้าไป แล้วเดินตามถังหลิงไปที่สวน เมื่อเดินเข้าไปในสวนแล้วถังหลิงก็หันกลับมามองปู่เขาทันที และถามเสียงต่ำ “ปู่ครับ ถังซีกลับมาเมื่อไหร่” 

 

 

“เมื่อคนพวกนั้นต้องการเข้ามามีอำนาจในการบริหารเอ็มไพร์กรุป” ถังจงมองหน้าหลานชายและถอนหายใจ “คุณหนูกดดันคนพวกนั้นภายในเวลาอันรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด และไล่ถังเหาออก พูดได้ว่าเธอพลิกสถานการณ์ภายในเวลาเพียงสองวัน ดูเหมือนว่าถึงแม้เธอจะอยู่ข้างนอกตลอดเวลา แต่เธอก็เฝ้าดูสถานการณ์ของเอ็มไพร์กรุปอย่างใกล้ชิด” 

 

 

ถังหลิงขมวดคิ้ว เขาเคยไปที่ทะเลแปซิฟิก เขาจึงรู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นร้ายแรงเพียงใด เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เขาเห็นเมื่อกี้คือถังซีจริงๆ แต่ถังซีดูเหมือนเดิมทุกประการ ยกเว้นเธอผอมลงมาก 

 

 

“อย่ากังวลมากเกินไป แค่ทำตามที่คุณท่านสั่ง คนพวกนั้นไม่ยอมปล่อยคุณท่านแน่ ตราบใดที่พวกเขาต้องยอมวางมือจากคุณหนู เราไม่อาจปล่อยให้คุณท่านตกอยู่ในอันตรายได้” ถังจงเงยหน้ามองถังหลิงด้วยความรัก แล้วถอนหายใจ “ปู่ขอโทษ ที่ทำให้เธอต้องเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้” 

 

 

ถังหลิงขมวดคิ้ว “ปู่ครับ พูดอะไรอย่างนั้น คุณท่านช่วยชีวิตปู่และอุปการะเลี้ยงดูผมให้ได้รับการศึกษาที่ดี ท่านเป็นผู้มีพระคุณของเรา เราควรรับใช้ท่านน่ะถูกแล้วครับ ปู่ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผมจะไปแล้ว” 

 

 

“ไปเถอะ ขับรถบนท้องถนนระมัดระวังด้วยนะ” หลังจากมองตามถังหลิงออกไปแล้ว ถังจงก็ถอนหายใจ แล้วหันกลับมา แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นถังซียืนกอดอกพิงเสาโรมันอยู่ เขาลังเล แล้วก้าวเดินต่อไป “คุณหนู ไม่ได้ไปหานายท่านหรอกหรือครับ” 

 

 

“ไปสิ ฉันกำลังจะไปพบคุณปู่ แต่พอดีฉันนึกขึ้นมาได้ว่า ถังหลิงต้องสอบสวนเรื่องอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนั้นแน่ ฉันก็เลยอยากถามเขาเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุก่อน” ถังซียืดตัวขึ้น มองหน้าถังจงแล้วยิ้ม “แต่ในเมื่อถังหลิงไม่อยู่แล้ว คุณช่วยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม พ่อบ้านถัง” 

 

 

ถังจงขมวดคิ้ว นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “ผมไม่สะดวกที่จะเล่าเรื่องนี้ให้คุณหนูฟังครับ คุณหนูถามจากนายท่านดีกว่านะครับ หากคุณหนูต้องการทราบ” 

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปาก “ให้ฉันเดาไหม การตายของฉัน… อุบัติเหตุทางอากาศครั้งนั้น เกี่ยวข้องกับพวกลุงๆ อาๆ ของฉันใช่ไหม” 

 

 

ถังจงมองเธอด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูทราบเรื่องนี้ได้อย่างไรครับ” 

 

 

ถังซียิ้ม “ก็เพราะก่อนที่ฉันจะออกเดินทาง ฉันพบหลักฐานการยักยอกของพวกเขา และฉันขู่ให้พวกเขาลาออกจากบริษัทด้วยตัวเองเสียก่อนน่ะสิ” 

 

 

“จริงหรือครับ…” 

 

 

เมื่อเห็นถังจงดูเหมือนตกใจกับคำพูดของเธอมาก ถังซีก็หัวเราะ กล่าวว่า “ฉันล้อเล่น ถ้าฉันมีหลักฐานการยักยอกของพวกเขาจริงๆ ฉันจะไปต่างประเทศในช่วงเวลาวิกฤตอย่างนั้น และให้โอกาสพวกเขาฆ่าฉันได้ยังไงล่ะ” ถังซีกล่าวและโบกมือให้ถังจง “เอาล่ะ ฉันจะไปหาคุณปู่ พ่อบ้านถังช่วยให้คนรับใช้ตุ๋นซุปไก่ดำให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันอยากทาน” 

 

 

เฉียวเหลียง ‘บอดีการ์ด’ ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เธอถึงกับอึ้ง “…” 

 

 

ถังจงไปบอกให้คนรับใช้ตุ๋นซุปให้ถังซี ส่วนถังซีเดินไปยังห้องทำงานคุณปู่ เฉียวเหลียงอดจ้องมองเธอไม่ได้ ถังซีสัมผัสได้ว่าการจ้องมองของเขาดูน่าขนลุกเล็กน้อย เพราะเขามองเธอราวกับมองคนแปลกหน้า เธอจึงหันมาสบตาเขาและคำราม “ทำไมคุณถึงมองฉันแบบนี้” 

 

 

“วันนี้คุณทานซุปไปห้าหม้อแล้วนะ ซุปหอยเป๋าฮื้อ ซุปไก่ตุ๋นโสม ซุปคากิ ซุปเต่า และซุปปลาไน แล้วตอนนี้คุณยังอยากทานซุปไก่ดำอีก อย่างนั้นเหรอ” 

 

 

เขาประหลาดใจมาก เพราะวันนี้กระเพาะถังซีดูเหมือนจะไม่เต็มเสียที เธอทานซุปเหล่านั้นจนหมด ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังทานเนื้อทั้งหมดที่อยู่ในซุปเหล่านั้นด้วย และตอนนี้เธอก็ยังอยากทานซุปไก่ดำอีก… เขาค่อนข้างเป็นห่วงเธอ 

 

 

ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองเฉียวเหลียง “ฉันต้องบำรุงร่างกายไง ไม่เข้าใจเหรอ ซุปพวกนี้เป็นซุปที่ช่วยบำรุงร่างกาย และฉันคิดว่าต้องดีต่อสุขภาพฉันแน่ๆ” 

 

 

“อะไรที่มากเกินไปจะกลายเป็นผลเสียนะ” เฉียวเหลียงกล่าวชัดๆ ทีละคำ 

 

 

ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองหน้าเฉียวเหลียง “หรือคุณจะไปบอกพ่อบ้านถัง ว่าไม่ให้ต้มซุปให้ฉันล่ะ…”