บทที่ 103 ปล่อยโทเทมโลหิตสลาย (2)
แม้พวกเขาจะพยายามโน้มน้าว แต่ซูเฉินก็ตั้งมั่นแล้ว
สุดท้ายเมื่อไร้ผลจึงยอมแพ้กันไป
แม้จะไม่อาจถือครองวิชาลับไว้คนเดียวได้ แต่มันก็เสริมความแกร่งขึ้นจริง ทั้งยังจะสามารถช่วยชีวิตนับไม่ถ้วนไว้ได้ ดังนั้นทุกคนจึงนับถือซูเฉินมาก เมื่อซูเฉินกล่าวว่าต้องการซื้ออุปกรณ์ทางการทหาร ทุกคนก็พร้อมจะงดเว้นให้เขาได้ทำดั่งใจหวัง
อุปกรณ์ทางการทหารนั้นไม่ธรรมดา อาจไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งโดยตรงให้ได้มากมาย แต่หากเป็นการต่อสู้ขนาดใหญ่จะมีประโยชน์มากง็งแกร
ในเมื่อซูเฉินจะออกตามหาฉือไคฮวง ดังนั้นจึงเก็บของมากไม่ได้ แม้จะซื้อครั้งนี้ไปแล้ว ก็ยังต้องหากลยุทธ์มารวบรวมทรัพยากรอื่น ๆ อีก
หลังต่อรองเล็กน้อย กระเป๋าเงินซูเฉินก็หนาขึ้น แหวนกักเก็บเพิ่มจำนวนขึ้นอีกครั้ง เขาซื้อมาหลายอย่างจนแหวนกักเก็บวงเดียวไม่อาจเก็บหมด
ในเวลาเดียวกันนั้น ในแดนฝันก็เกิดคลื่นลมขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
เป็นเพราะชื่อที่คุ้นตานัก
อวิ๋นฝูปา
หลังจากเงียบไปนานหลายปี ชื่อของเขาก็กลับมาปรากฏอยู่บนจุดสูงสุดของโถงแห่งความรู้อีกครา
ใต้คำว่า ‘โทเทมโลหิตสลาย’ คือบันทึกภาพการต่อสู้ เป็นภาพการต่อสู้ของทหารสองคนที่ทำการต่อสู้กันเมื่อก่อนหน้านั่นเอง
เมื่อรัศมีจ้าวาบขึ้นบนร่างทหารเตี้ยแล้ว กำลังก็พลันพุ่งสูง ใครได้เห็นภาพก็ตื่นเต้นนักหนา ทั้งยังราคาที่ถูกเช่นนั้นก็ยังทำให้ตกตะลึงนัก
ดังนั้นแดนฝันจงตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครา
ถึงตอนนี้ อวิ๋นฝูปาก็นับว่ารู้จักกันดีในแดนฝันแล้ว แม้จะไม่ได้ลงมืออะไรมาก แดนฝันก็มักคึกคักขึ้นมายามเขาลงมือทำสักอย่างขึ้นมา
“โทเทมโลหิตสลาย…… เป็นอักขระโทเทมลับของเผ่าคนเถื่อนชัด ๆ ก็แค่ไปขโมยมาอย่างไรเล่า” คนที่คิดว่าตนเองฉลาดเอ่ยเยาะขึ้น
“เจ้าไม่รู้อะไร วิชาลับเผ่าคนเถื่อนใช้พลังกาย ส่วนวิชานี้ใช้พลังต้นกำเนิด เห็นได้ชัดว่าพัฒนามาแล้วให้เหมาะกับเผ่ามนุษย์” คนที่ซื้อส่วนมากฉลาดกว่านัก
“ใช้ได้ดีที่สุดกับผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา ช่วยเสริมกำลังได้หลายเท่า ทั้งยังเพิ่มพลังด่านก่อเกิดลมปราณได้สองเท่า ช่วยเพิ่มพลังด่านกลั่นโลหิตได้เล็กน้อย แต่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อด่านทะลวงลมปราณนัก” ผู้คนระบุข้อจำกัดของโทเทมโลหิตสลายได้อย่างรวดเร็ว
“เหมาะกับการต่อสู้ขนาดใหญ่”
“ช่วยเสริมกำลังคนที่มีพื้นฐานพลังต่ำ”
“เสริมจุดอ่อนได้อีกต่างหาก”
ดังเช่นเจ้าหน้าที่กองกำลังกวาดล้างเผ่าคนเถื่อน ผู้ซื้อที่มีสติปัญญาล้ำเลิศนับไม่ถ้วนชี้ประโยชน์และความสำคัญของโทเทมโลหิตสลายได้ทันที
เทียบกับแต่ก่อน โทเทมโลหิตสลายในตอนนี้มีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย
หรือก็คือมันมีราคาชุดวิชาละ 1000 หินพลังต้นกำเนิด
โทเทมโลหิตสลายไม่ใช่วิชาไร้สายเลือด ดังนั้นจึงไม่ได้สลักสำคัญมาก แต่เพราะเหตุนี้ซูเฉินจึงสบายใจที่จะตั้งราคาให้เป็นปกติขึ้นมาบ้าง ทำให้มั่นใจว่าจะได้กำไรมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
แม้ราคาหินพลังต้นกำเนิดพันก้อนจะไม่ต่ำนัก แต่ก็จับต้องได้ เพราะโทเทมโลหิตสลายนั้นเหมาะกับการต่อสู้เป็นกลุ่มใหญ่ องค์กรต่าง ๆ ไม่ลังเล ยอมจ่ายให้ได้มาทันที เพราะราคาเท่านี้ก็น้ำหยดหนึ่งเท่านั้น
นอกจากกองทัพเจ็ดอาณาจักรแล้ว ยังมีหลายตระกูลหลายสำนัก และคนมีอำนาจอีกมากที่มีกองกำลังเป็นของตนเอง
อีกทั้งกลุ่มคนเหล่านี้ยังไม่เหมือนลูกค้ารายย่อยที่มักประหยัดให้มากที่สุด แต่พวกเขามักไม่สนเงินจำนวนเล็กน้อย ลองนึกภาพหากกู่เซวียนเหมี่ยนไปเจออีกสามตระกูลอื่นแล้วขอให้พวกเขาคัดลอกโทเทมโลหิตเพื่อให้เขาเอาไปแจกลูกน้องในตระกูลดู จะเป็นอย่างไรเล่า ?
ด้วยเหตุนี้ แม้โทเทมโลหิตสลายจะมีราคาแพง แต่ก็ไม่ใช่ราคาที่สูงเกินไปสักนิด
ทั่วเผ่ามนุษย์มีตระกูลสายเลือดชั้นสูงอยู่หลายแสนกระจายตัวอยู่ และย่อมต้องมีลูกน้องของตน อีกทั้งด่านก่อเกิดลมปราณและด่านกลั่นโลหิตเองก็เป็นกำลังสำคัญของตระกูลหรือกลุ่มกิจการต่าง ๆ หมายความว่าทุกตระกูลจะได้ประโยชน์จากโทเทมโลหิตสลายเป็นอย่างมาก เมื่อรวมลูกค้ารายย่อยและที่เป็นสำนักเข้าอีก จำนวนการขายโทเทมโลหิตสลายก็คงมีไม่น้อยกว่าวิชาทะลวงสู่ด่านกลั่นโลหิตโดยไร้สายเลือดแน่
อีกทั้งอวิ๋นฝูปาก็มีชื่อเสียงพอตัวแล้ว ไม่มีใครสงสัยแคลงใจอีก ดังนั้นภายในวันเดียว โทเทมโลหิตสลายก็ขายได้นับแสน วันต่อ ๆ มา แม้ความต้องการที่ลดลงจะทำให้ยอดขายลดลงตาม แต่จำนวนทั้งหมดก็ถึงยอดกว่าสามแสนได้ในไม่นาน
หมายความว่าใครก็ตามที่มีอิทธิพลเพียงเล็กน้อยซื้อวิชาลับโทเทมโลหิตสลายไป และมีรายย่อยอย่างน้อยแสนคนซื้อวิชาไปแล้ว
โทเทมโลหิตสลายจึงกระจายไปทั่วเผ่ามนุษย์อย่างบ้าคลั่ง ชื่อเสียงอวิ๋นฝูปาทะยานฟ้าขึ้นอีกครั้ง
คนนับไม่ถ้วนต่างเดาว่าอวิ๋นฝูปาเป็นใครกันแน่ แต่ครั้งนี้ความลับนั้นยากจะเก็บแล้ว
เหตุผลคือปราการลุ่มน้ำทอง
การแสดงตัวอย่างวิชาโทเทมโลหิตสลายที่ปราการลุ่มน้ำทองได้เผยตัวตนของซูเฉินแก่ทุกคน มีหลายคนรู้ว่าเขาเป็นคนสร้างโทเทมโลหิตสลายมากเกินไป และเมื่อวิชาถูกปล่อยในแดนฝัน คนในปราการลุ่มน้ำทองก็รู้ทันทีว่าซูเฉินคืออวิ๋นฝูปา ทั้งยังรู้ในที่สุดว่าอวิ๋นฝูปาที่พัฒนาวิชาทะลวงสู่ด่านสูงโดยไร้สายเลือดมาก่อนสองวิชาก็คือซูเฉินนั่นเอง
ปราการลุ่มน้ำทองจึงเกิดความโกลาหลขึ้นทันใด
ทุกคนเอาแต่พูดเรื่องนี้กันให้ควั่ก
ยิ่งมีคนรู้มาก ยิ่งเก็บความลับยาก ดังนั้นข่าวเรื่องที่ซูเฉินคืออวิ๋นฝูปาจึงแพร่ไปอย่างรวดเร็ว และยิ่งเร็วกว่าเมื่อเป็นในแดนฝัน
คนส่วนมากนั้นได้ยินชื่อ ‘ซูเฉิน’ เป็นครั้งแรก
ซูเฉินคือใคร ? เป็นคนอย่างไร ? ทำไมต้องทำเช่นนี้ ?
เบื้องหลังคำตอบของคำถามทั้งหลายคือคำถามที่พะเนินมากกว่าเก่า คนนับไม่ถ้วนต้องการล่วงรู้ความลับเบื้องหลังพื้นเพของอวิ๋นฝูปา
ดำนั้นคำร่ำลือเกี่ยวกับต้นกำเนิดต่าง ๆ ของซูเฉินจึงแพร่ออกไป
บางคนบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะจากมณฑลหนึ่ง สร้างปาฏิหาริย์มาตั้งแต่กำเนิด ทั้งเรื่องเรียน วัฒนธรรม การบ่มเพาะพลัง และวรยุทธ์ล้วนโดดเด่น
อีกกลุ่มบอกว่าเขาเป็นทายาทจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงใหญ่ เปี่ยมด้วยพรสวรรค์โดยกำเนิด เข้าใจธรรมชาติของโลกใบนี้ ดังนั้นจึงสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้
บ้างก็เชื่อว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตอยู่ในป่า ได้ฝูงหมาป่าคอยเลี้ยงดู
บ้างกระทั่งบอกว่าจริง ๆ แล้วเขามาจากเผ่าอาร์คาน่า เป็นเพราะพวกนั้นเข้าใจความลับของธรรมชาติมากมาย ประดิษฐ์วิชาขึ้นนับพัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลเดียวที่ดูเป็นไปได้ที่ทำให้เขาทำสำเร็จเช่นนั้นได้
แต่ก็ยังมีคนอื่นที่บอกว่าเขามาจากเผ่าอื่น ที่แพร่วิชาลับเหล่านี้ออกไปก็เพื่อเป็นเหยื่อล่อให้คนหลงผิด เพราะทางที่ถูกต้องแท้จริงของเผ่ามนุษย์มีแต่การส่งผ่านสายเลือดเท่านั้น
แน่นอนว่าทฤษฎีเหล่านี้เป็นเพียงการใส่ร้ายป้ายสี อย่างไรก็มีคนอีกมาที่เพียงแต่ไม่ชอบขี้หน้าซูเฉิน
ข่าวลือคำเล่าทั้งหลายเกี่ยวกับซูเฉินจึงกระจายออกไป
และยังมีคนที่บอกว่าซูเฉินนั้นมาจากมณฑลสามเทือกเขา มีพื้นฐานครอบครัวสามัญ ทั้งยังเคยตาบอดมานานหลายปี จบมาจากสถาบันมังกรซ่อนเร้น
หากแต่ข่าวลือนี้กลับถูกข่าวไร้สาระอื่น ๆ กลบเสียมิดในไม่นาน เทียบกับข่าวลือเกินจริงแล้ว เรื่องจริงเช่นนี้มันเรียบง่ายทั่วไปเกิน ขาดความตื่นเต้นแปลกใหม่และเรื่องน่าฉงน และแม้มันจะใกล้ความจริงมากที่สุด แต่หากเผยไปแล้วไม่มีใครสนใจก็ไร้ค่า ดังนั้นจึงไม่มีใครแพร่มันต่ออีก
ความจริงจึงถูกกลับฝังไปด้วยจินตนาการเช่นนี้
ซึ่งนั่นก็ดี อย่างน้อยซูเฉินก็ไม่อยากให้คนมาสนใจตนเองมากเกินไป
หากแต่ถ้าเป็นคนที่มีใจ การจะหาความจริงนั้นไม่ยากเลย
มีหลายคนหาตัวเขาพบแล้ว และมีแม้กระทั่งบางคนที่ส่งคนประสานงานไปติดต่อเขา
คนพวกนี้หมายให้เขาเข้าพวก ข่มขู่เขา หรือกระทั่งหมายสังหารโดยตรง
แต่ไม่ว่าจะมีจุดประสงค์ใด ทั้งหมดล้วนผิดหวัง
เป็นเพราะหลังจากปล่อยโทเทมโลหิตสลายได้ไม่นาน ซูเฉินก็ออกเดินทางเข้าสู่ทุ่งหญ้าฮาเหวย