ตอนที่ 13 จุดเริ่มต้นของศาสตร์โบราณ โดย Ink Stone_Fantasy
ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์โยนกำไลเก็บวัตถุอันหนึ่งมาโดยตรงพลางถ่ายเสียงพูด “นี่คือสิ่งที่ท่านบรรพชนให้ข้ามาส่งให้ เจ้ามาเตร็ดเตร่อยู่ที่โลกทิพย์นิจนิรันดร์ก็ถือเป็นเรื่องดี บรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกาต่างก็อยู่กันที่นี่! ก็ยังนับได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย เพียงแค่ต้องระวังแผนลับที่ซ่อนเงื่อนบางอย่างเท่านั้น…สมบัติล้ำค่าที่ท่านบรรพชนส่งมาก็เพื่อให้เจ้าป้องกันตัวเอง เจ้าก็เก็บมันไว้ให้ดีๆ เถิด”
“อืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รับมาโดยมิได้ปฏิเสธ
“ใช่แล้ว สำนักของบรรพชนโลกาก็ส่งข่าวมา พวกเขาตรวจสอบ ‘จ้าวทะเลสาบชี่หู’ หัวหน้าอีกคนหนึ่งของผาจอมมารแล้ว แน่ใจว่าเขามิใช่สมาชิกของสองสำนักใหญ่ ไต่สวนดูรอบหนึ่งแล้วก็มิได้มีปัญหาแต่อย่างใด” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์พูด
“หลังจากไต่สวนแล้วเล่า ฆ่าไปแล้ว หรือปล่อยตัวไปแล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ปล่อยตัวไปแล้ว” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์พูดยิ้มๆ “ทำไมหรือ เจ้าคิดว่าเพราะจ้าวทะเลสาบชี่หูสำแดงค่ายสังหารจำนวนนับไม่ถ้วน ก็เลยสมควรถูกฆ่าอย่างนั้นหรือ น่าเสียดายนักที่ที่นี่เป็นสถานที่ของบรรพชนโลกา สามารถพบเห็นค่ายสังหารกลืนกินได้อย่างปกติยิ่ง สำนักของบรรพชนโลกาค้นพบว่าจ้าวทะเลสาบชี่หูไม่มีปัญหาอะไร ก็ย่อมปล่อยตัวไปอยู่แล้วล่ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบขมวดคิ้ว
ถ้าหากจ้าวทะเลสาบชี่หูถูกฆ่า
เช่นนั้นก็นับได้ว่าตนได้ทำตามข้อแลกเปลี่ยนที่สัญญากันเอาไว้สำเร็จแล้ว น่าเสียดายที่ตอนนี้ถูกปล่อยตัวออกมา… ในอนาคตตนยังต้องหาโอกาสจัดการจ้าวทะเลสาบชี่หู! ด้วยความสามารถในการปกป้องชีวิตของจ้าวทะเลสาบชี่หู การสังหารเขานั้นย่อมมิใช่เรื่องง่ายเลย
……
ข้อตกลงทั้งสามเรื่อง เหลือเพียงแค่จ้าวทะเลสาบชี่หูซ่อนตัวอยู่ภายในที่มั่นของผาจอมมาร เกรงว่าหลังจากการต่อสู้คราวนี้แล้วคงจะไม่ออกมาอีกในระยะเวลาอันสั้นแน่
ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงเที่ยวท่องไปทั่วทุกหนแห่งภายในโลกทิพย์นิจนิรันดร์ เขาไม่รีบร้อนที่จะกลับไปยังจักรวาลภูมิลำเนา เพราะข้อตกลงสิ้นสุดลงชั่วคราว ภรรยากำลังปลีกวิเวกบำเพ็ญ ตนก็ต้องรอคอยอย่างโง่งมอย่างนั้นหรือ ดังนั้นเขาจึงคิดวางแผนบำเพ็ญศาสตร์โบราณ และด้วยพลังยุทธ์ของตนในตอนนี้ พอบำเพ็ญขึ้นมาแล้วจะต้องมีความเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่แน่
จักรวาลภูมิลำเนาเปราะบางเกินไป หากไม่ระวัง ยุคจักรวาลหนึ่งก็อาจสิ้นสุดลง เริ่มฟูมฟักอีกยุคหนึ่งขึ้นมาได้
ดังนั้นมิอาจควบคุมได้ ก็บำเพ็ญอยู่ข้างนอกดีกว่า
“ศาสตร์โบราณ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงใคร่ครวญ
นี่คือศาสตร์การบำเพ็ญที่ดั้งเดิมที่สุด ที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิม เหล่าดวงวิญญาณที่อ่อนแอคิดอยากจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เรียนรู้จนสามารถใช้พลังฟ้าดินของโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมบ่มเพาะตนเอง ค่อยๆ เหยียบย่างไปบนวิถีของศาสตร์โบราณ! ถึงแม้ว่าในภายหลังจะมีผู้ที่พรสวรรค์ล้ำเลิศคิดค้นศาสตร์อื่นๆ ออกมาอีก แล้วแพร่หลายไปเป็นวงกว้าง อย่างเช่นระบบการบำเพ็ญสายโลหิต ระบบจอมมารดา ระบบการบำเพ็ญทิพย์ และระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุดเป็นต้น…
ทว่าต่างก็มิอาจบดบังความล้ำเลิศของศาสตร์โบราณได้เลย
การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น!
ชมดูสถานที่ใดๆ ในอากาศอันสับสนอลหม่านของมหาโลกทิพย์ทั้งห้า!
หลังจากกลายเป็นเทพอากาศแล้วก็ยังสามารถบำเพ็ญเคล็ดวิชาร่างแยกได้เช่นเดิม!
การพยากรณ์!
การแปลงร่าง!
เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ในอดีต!
กลับชาติมาเกิด!
……
ความสามารถอันเกินจินตนาการต่างๆ ที่ระบบการบำเพ็ญอื่นๆ ย่อมมิอาจทำได้ ทว่าศาสตร์โบราณกลับสามารถทำได้! ดังนั้นผู้บำเพ็ญที่แกร่งกล้าจำนวนมากต่างก็ศึกษาศาสตร์โบราณ เพราะว่า ‘พรสวรรค์’ ของศาสตร์โบราณมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากไม่มีพรสวรรค์ที่ดี ฟูมฟักมากเพียงใดก็มีขีดจำกัด ถ้าหากตนเองโชคดี มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แน่นอนว่าต้องบำเพ็ญอย่างสุดกำลัง
“พรสวรรค์ตื่นรู้ การเริ่มต้นเหนือธรรมดา” ตงป๋อเสวี่ยอิงติดตั้งค่ายกลเตือนภัยภายในส่วนลึกของภูเขาแห่งหนึ่ง ค่ายกลประกอบขึ้นจากโลกเทียม แผนภาพคลื่นจาน และความเร้นลับของอากาศ ต่อให้เป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนที่พลังยุทธ์แข็งแกร่งกว่าตน ก็ไม่แน่ว่าทางด้านวิถีระลอกคลื่นและวิถีโลกเทียมจะเทียบกับตนได้ ทางด้านห้วงอากาศ หลังจากที่ตนสามารถทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ ค่ายกลเตือนภัยเป็นส่วนประกอบที่ผ่านทะลุไปถึงใจกลางห้วงอากาศ คิดจะผ่านค่ายกลเตือนภัยไปอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงนั้นยากเย็นเหลือเกิน
เขาเริ่มต้นทดลองบำเพ็ญในทันที
ถ้าหากพลังยุทธ์อ่อนแอมาก กลายเป็นว่าก้าวแรกของศาสตร์โบราณกลับง่ายดาย
พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงแกร่งเกินไป วิญญาณและร่างกายก็แข็งแกร่งเหลือเกิน พรสวรรค์ตื่นรู้กลับกลายเป็นก้าวที่ยากเย็นอย่างที่สุด
“ปัง!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ทันใดนั้นพลังฟ้าดินอันยิ่งใหญ่ก็เริ่มถูกดูดซับเข้าไปภายในร่างกายของเขา ร่างกายของเขาผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ วิญญาณก็ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์เช่นกัน ปล่อยให้พลังฟ้าดินเข้าสู่ร่างกายภายใต้ ‘เคล็ดวิชาปลุกวิญญาณ’
เคล็ดวิชาปลุกวิญญาณยังถูกเรียกว่า ‘เคล็ดวิชาตื่นรู้’ ‘เคล็ดวิชาเบิกฟ้า’ และอีกหลายชื่อเรียก เป็นสิ่งที่เหล่าผู้อาวุโสยุคแรกของศาสตร์โบราณปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบอย่างต่อเนื่อง หลังจากประสบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว จนเป็นรูปแบบที่พัฒนาที่สุดในปัจจุบัน ภายใต้การเหนี่ยวนำของเคล็ดวิชาปลุกวิญญาณ จึงสามารถมีประสิทธิภาพในการขุดค้นพบศักยภาพของร่างกายและวิญญาณ จนตื่นรู้พรสวรรค์อันแข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาได้ในที่สุด!
แน่นอนว่าก็มีผู้ฝึกศาสตร์โบราณที่ตื่นรู้พรสวรรค์มากกว่าหนึ่งชนิด
มีพรสวรรค์มากก็มิได้หมายความว่าจะกล้าแกร่ง ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือต้องดูว่าจะสามารถเดินอยู่บนเส้นทางแห่งพรสวรรค์ของตนได้นานเพียงใด
ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ… ไร้ซึ่งความโศกศัลย์ใดๆ…
เต็มไปด้วยความเวิ้งว้างว่างเปล่า…
มิอาจรู้สึกได้ถึงร่างกาย วิญญาณปล่อยวางอย่างหาใดเปรียบ ระยะทางที่รับสัมผัสแผ่ขยายไม่หยุดหย่อน รับสัมผัสได้ถึงป่าเขาอันลึกล้ำที่ตนอาศัยอยู่แห่งนี้ ทั้งยังรับสัมผัสถึงผืนหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ด้านนอกภูเขาลึก การรับสัมผัสของวิญญาณแผ่ขยายไม่หยุด แผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง แผ่ขยายไปทั่วทุกทิศทุกทาง… ระยะทางที่วิญญาณรับสัมผัสได้ไกลกว่าอาณาบริเวณของเคล็ดวิชาลับใดๆ ที่ตนสำแดงจะสามารถตรวจสอบได้
สำแดงแผนภาพคลื่นจานก็ยังไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของอาณาบริเวณที่สำแดงตอนนี้เลย
แต่ยามที่สำแดงเคล็ดวิชาปลุกวิญญาณนั้นจดจ่ออย่างสมบูรณ์ ขุดค้นพบศักยภาพของร่างกายและวิญญาณ ในเวลานี้วิญญาณคล้ายจะหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับฟ้าดิน นี่จึงจะสามารถรับสัมผัสได้อย่างกว้างไกลหาใดเปรียบ ใช้งานในยามต่อสู้
“พรึ่บ”
ราวกับอยู่กลางทะเลทรายอันแห้งแล้งแล้วมีน้ำพุสายหนึ่งพรั่งพรูออกมาในทันใด
และราวกับท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิดแล้วมีตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งส่องสว่างขึ้นมาโดยพลัน
ศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในร่างกายและวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงถูกขุดค้นพบออกมา ก่อร่างเป็นพรสวรรค์อันสมบูรณ์แบบชนิดหนึ่ง
“ฟิ้ว…”
กลางหุบเขาลึก ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในเรือนไม้มากว่าหมื่นปีแล้วพลันแผ่กำจายกลิ่นอายสีแดงจางๆ ออกมา แผ่ปกคลุมไปทั่วทุกทิศทุกทาง กลิ่นอายนี้แฝงไว้ด้วยพลังดึงดูดอันแกร่งกล้ายิ่ง เมื่อใดที่ได้กลิ่น ผู้ที่ระดับจิตใจอ่อนแอสักหน่อยก็อาจจมดิ่งลงไปท่ามกลางเขตลวงโดยไม่รู้ตัว
ตงป๋อเสวี่ยอิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ
“ตื่นรู้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มต้นตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของวิญญาณและร่างกายของตนในทันทีแล้วก็อดที่จะตกตะลึงอยู่บ้างมิได้ “เคล็ดปีศาจหรือ”
วิญญาณและร่างกายของตนต่างก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย กลิ่นอายที่ร่างกายแผ่กำจายออกมานั้นมีพลังดึงดูด กลิ่นอายที่วิญญาณปล่อยออกมาสามารถดึงดูดคนให้เข้ามาสู่เขตลวงได้!
ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ซึ่งหน้าแต่อย่างใด เป็นวิธีการของเขตลวงเพียงอย่างเดียวล้วนๆ
“ฮ่าฮ่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงอดที่จะส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะมิได้ “ดูท่าทางข้าจะมีพรสวรรค์ทางด้านโลกเทียมอย่างแท้จริง แม้กระทั่งบำเพ็ญศาสตร์โบราณ สุดท้ายก็ยังคงปรากฏพรสวรรค์เช่นนี้อยู่ดี”
“อืม ต่อไปจะบำเพ็ญอย่างไรดีหนอ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงครุ่นคิด
แน่นอนว่าพรสวรรค์
ก็จำเป็นต้องครุ่นคิดหนทางต่อไปในอนาคตแล้ว มีหนทางมากมายหลายสาย วันหน้าหากบ่มเพาะเป็นอย่างดี พลังยุทธ์ก็ย่อมต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
“พรสวรรค์นี้ เพราะว่าเชี่ยวชาญการควบคุมเขตลวงโดยกำเนิด วิญญาณก็ต้องแกร่งกล้ากว่าผู้ที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเงียบๆ “เช่นนั้นก็เลือก ‘เคล็ดวิชาสืบทอดของปีศาจชาด’ ก็แล้วกัน”
ปีศาจชาดเป็นชื่อของสัตว์ประหลาด
เป็นสัตว์ประหลาดที่เชี่ยวชาญการควบคุมเขตลวง เคล็ดวิชาสืบทอดของปีศาจชาด เป็นเคล็ดวิชาสืบทอดศาสตร์หนึ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นพบในตำราจำนวนนับไม่ถ้วนที่จักรพรรดิเก้าเมฆาทิ้งเอาไว้ ถึงแม้จะนับเป็นระดับกลางในบรรดาสิ่งเหล่านั้น แต่กลับเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด เคล็ดวิชาสืบทอดศาสตร์นี้เมื่อบำเพ็ญไปถึงจุดสูงสุดแล้วสามารถไปถึงขั้นอลวนได้! สำหรับ ‘เทพจักรวาล’ ที่สูงกว่านั้นหรือ ตั้งแต่วันเวลาของโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมจนถึงปัจจุบัน มีเทพจักรวาลทั้งหมดมากน้อยสักเท่าใดกัน
แล้วศาสตร์โบราณนั้นจะมีอยู่ทั้งหมดสักเท่าใดกัน ในบรรดาเคล็ดวิชาสืบทอดของศาสตร์โบราณ ที่สามารถไปถึงระดับเทพจักรวาลได้นั้นมีน้อยเหลือเกิน ที่ตนรู้ก็มีอยู่เพียงสามชนิดเท่านั้น ช่างไม่เหมาะสมกับตนเอาเสียเลย
“ในบรรดาเทพจักรวาล มีอยู่เป็นจำนวนมากที่ตนเป็นผู้เบิกทาง อย่างเช่นพวกบรรพชนทิพย์และบรรพชนชาง ต่อให้เคล็ดวิชาสืบทอดของปีศาจชาดเป็นเพียงแค่เคล็ดวิชาสืบทอดระดับขั้นอลวน ในอนาคตข้าก็สามารถเบิกทางด้วยตนเองได้ ทำให้มันยกระดับไปถึงระดับเทพจักรวาลให้ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
เขายังคงพออกพอใจในเคล็ดวิชาสืบทอดศาสตร์นี้เป็นอย่างยิ่ง
เหมาะสมกับตนเองที่สุด และมีส่วนช่วยเหลือตนมากที่สุด
……………………………………………..