กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1035
ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ในไม่ช้ากู้ชูหน่วนก็ปล่อยเสียงกรนออกมาและหลับสนิท
ทว่าเยี่ยจิ่งหานกลับนอนไม่หลับ
เขารอคอยให้นางเป็นฝ่ายริเริ่มมาตลอด ทว่านางกลับนอนหลับไปอย่างง่ายดาย
และเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดี
ผู้หญิงคนนี้นอนหลับลงอย่างง่ายดายแม้ในห้องนอนของเขา นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยสำหรับนาง
ทว่านางกลับไม่แตะต้องหรือสัมผัสเขาเลย
เวลาก็ผ่านไปสามปีแล้ว หรือเขาแก่ลงแล้ว? ความมีเสน่ห์ของเขาลดลงแล้วหรือ?
กู้ชูหน่วนไปนอนที่หอดาบติดต่อกันอยู่หลายคืนทำให้คนในวังหลวงต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ผู้คนต่างพากันยกย่องสรรเสริญเยี่ยจิ่งหาน และหอดาบเองก็ได้กลายเป็นสถานที่ที่มีความนิยมมากที่สุดในวังหลวง
ภายในห้องนอนของเหวินเส่าอี๋
ชายชุดดำจำนวนหนึ่งคุกเข่าลงเพื่อรายงาน
“นายท่าน ฝ่าบาทและเยี่ยจิ่งหานไม่ได้มีอะไรกัน พวกเขาเพียงแค่นอนเตียงเดียวกันเท่านั้นขอรับ”
“ที่เยี่ยจิ่งหานยอมให้ฝ่าบาทนอนเตียงเดียวกับเขา เพราะฝ่าบาทใช้เหตุผลว่าช่วยเขาตามหาดวงวิญญาณขอรับ”
มือที่เรียวของเหวินเส่าอี๋ค่อยๆ ลูบสัมผัสฉินสีขาวหิมะ
แม้ว่าเขาจะตาบอด ทว่าการแสดงออกของเขานั้นดีและรู้ว่าเส้นฉินแต่ละสายอยู่ในตำแหน่งใด
เสียงอันอบอุ่นราวน้ำพุใสดังแผ่วเบา
“เยี่ยจิ่งหานเป็นคนที่ยอมให้คนอื่นฝืนใจง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”
“เอ่อ……ดูเหมือนจะไม่ใช่ การคุ้มกันของหอดาบหนาแน่น ข้าน้อย…..ข้าน้อยเข้าไปไม่ได้”
“ออกไป”
“ขอรับ”
ชายชุดดำออกไปและจากนั้นก็มีชายชุดดำอีกคนเข้ามาอยู่ตรงหน้าของเหวินเส่าอี๋
“นายท่าน ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะรู้ว่าดวงวิญญาณอีกหนึ่งดวงอยู่ที่ไหนและกำลังต่อรองกับเยี่ยจิ่งหาน ข้าน้อยทายว่าที่นิสัยของเยี่ยจิ่งหานเปลี่ยนไปอย่างมากเป็นเพราะมีฝ่าบาทอยู่ในมือ ฉะนั้นเขาจึงยอมมอบเงินตำลึงและทองคำจำนวนมากให้กับฝ่าบาท”
เหวินเส่าอี๋ไม่พูดอะไร
เหตุผลนี้ฟังขึ้นกว่าเหตุผลเมื่อสักครู่เยอะ
ทว่าเขากลับไม่เชื่อ
นอกจากกู้ชูหน่วนแล้ว มีใครบนโลกนี้ที่สามารถขึ้นเตียงเขาได้อีก?
เยี่ยจิ่งหานคิดจะทำอะไรของเขากันแน่?
“ฝ่าบาทไม่ได้มาที่นี่กี่วันแล้ว?”
“ห้าวันแล้วขอรับ ทุกครั้งที่ฝ่าบาทจะเสด็จมาก็มักมีเรื่องด่วนที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ฉะนั้น……ข้อน้อยจะให้คนไปเชิญฝ่าบาทเสด็จมาขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้าไปเอง”
ภายในห้องตำราหลวง
กู้ชูหน่วนกำลังตั้งใจอ่านฎีกาที่เสนอเข้ามา
หน้าประตูมีคนเข้ามารายงาน
“ฝ่าบาท พระสวามีต้องการเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“พระสวามี? เยี่ยจิ่งหาน?”
“ฝ่าบาทลืมไปแล้วหรือว่าพระสวามีเอกของตัวเองเป็นใคร”
น้ำเสียงที่ไพเราะและน่าฟังก็ดังขึ้น จากนั้นกู้ชูหน่วนก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของเหวินเส่าอี๋
และมีเพียงเสียงของเหวินเส่าอี๋เท่านั้นที่ไพเราะเสนาะหู ทำให้ผู้ได้ยินรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับมัน
“เสี่ยวหูเตี๋ยหรอกหรือ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร นั่งลงสิ”
“ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะยุ่งมากจริงๆ ฝ่าบาทลืมไปแล้วหรือว่าฝ่าบาทจะฝังเข็มให้กระกระหม่อมทุกวันเพื่อรักษาดวงตาให้กระหม่อม”
เหวินเส่าอี๋ดูทางไม่เห็นและทำได้เพียงเดินคลำไปข้างหน้า
กู้ชูหน่วนรีบประคองให้เขานั่งลงพร้อมกับกล่าวอย่างเสียใจ “เอ่อ…..ข้าคิดจะไปหาเจ้าอยู่หลายครั้ง แต่เรื่องในราชสำนักก็มากมายเหลือเกิน และเมื่อทำงานก็ทำให้ลืมเวลาไปเลย แต่ข้าได้สั่งให้คนส่งยาไปให้ เสี่ยวหูเตี๋ยคงได้รับยาที่ข้าส่งไปใช่ไหม”
“ยาที่ข้าให้ไปนั้นมีประสิทธิภาพไม่ต่างไปจากการฝังเข็มเลย”
“เฮอะ…..ฝ่าบาทไม่มีเวลาไปที่ตำหนักเฟิ่งอี๋ แต่กลับมีเวลาไปที่หอดาบ”
“ข้าไปที่หอดาบก็เพื่อภารกิจอย่างหนึ่ง เยี่ยจิ่งหานสอนวิชาให้ข้ามากมาย วิกฤตขาดแคลนเสบียงอาหารของรัฐปิง และตอนนี้วิกฤติของเงินในท้องพระคลังก็ดีขึ้นมากแล้ว เพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างดีสองสามปี หลังจากนั้นราษฎรก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
“อ้อ…..ฝ่าบาทหมายความว่า พระสวามีคนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรอย่างนั้นหรือ?”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
แค่ไม่ไปฝังเข็มให้ไม่กี่วันเอง
เหตุใดเขาต้องพูดจาจิกกัดเช่นนี้ด้วย?
ขณะยังคิดจะหาคำอธิบาย เยี่ยจิ่งหานก็เข็นรถเข็นเข้ามาข้างในพอดี
“พระสวามีเข้าวังมาก็นาน เจ้าเคยได้แบ่งเบาภาระของฝ่าบาทบ้างไหม ก็เป็นแค่คนไร้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ?”
เยี่ยจิ่งหาน? เขาเข้ามาก่อกวนอย่างนั้นหรือ?