อู๋จุนมองอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม่นางพิษน้อย เฒ่าประหลาดผู้นี้กับเจ้าฉี มีส่วนคล้ายกันมากทีเดียว”
ขณะที่พูด ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอันใด จึงหันไปมองหน้าซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีก้มหน้าตั้งใจตรวจชีพจรให้มู่หรงอวิ๋นไห่ นางนิ่งเงียบไม่พูดอันใด ทว่าอู๋จุนกลับเปลี่ยนคำพูดของตนเองใหม่ “พี่จุนหมายถึงผู้อาวุโสท่านนี้! ผู้อาวุโสมีใบหน้าคล้ายเจ้าฉีมาก”
ซูจิ่นซีไม่ได้ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของอู๋จุน
หากคนที่อยู่เบื้องหน้าเป็นฮ่องเต้มู่หรงอวิ๋นไห่แห่งแคว้นหนานหลีที่หายตัวไป เช่นนั้น ต้องมีความลับที่เก็บซ่อนไว้มากมายแน่นอน
เมื่อหลายปีก่อน ฮ่องเต้มู่หรงอวิ๋นไห่แห่งแคว้นหนานหลีหายตัวไปอย่างกะทันหัน และไม่มีผู้ใดรู้ว่าพระองค์เสด็จไปที่ใด
มีข่าวลือว่าพระองค์สิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน คนในวังหลวงกังวลถึงผลกระทบในราชสำนัก จึงไม่ยอมเปิดเผยความจริง บ้างก็ลือว่าพระองค์ทรงรู้แจ้งเรื่องกลอุบายในกลุ่มชนชั้นสูง และรู้แจ้งเรื่องทางโลกจึงออกผนวชเป็นภิกษุ บ้างก็ลือกันว่าฮ่องเต้ทรงรักใคร่สตรีนางหนึ่งมาก ทว่านางผู้นั้นไม่ชอบเล่ห์กลของคนในวังหลวงและไม่ยอมเข้าวัง ฮ่องเต้จึงเสด็จออกจากวังไปใช้ชีวิตอยู่กับนางผู้เป็นที่รัก
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร
แม้พวกเขาจะไม่รู้แน่ชัด ทว่าพวกเขาไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่า ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์จะอยู่ในสถานที่เช่นนี้ ทั้งยังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ บางเวลา สติปัญญาของเขาก็ไม่ต่างไปจากเด็กน้อย
อู๋จุนมองใบหน้าจริงจังของซูจิ่นซี โดยไม่ได้รบกวนนาง
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็อดถามไม่ได้ว่า “แม่นางพิษน้อย เกิดอันใดขึ้นหรือ? ”
ซูจิ่นซีปล่อยแขนของมู่หรงอวิ๋นไห่ ใบหน้าของนางนิ่งขรึม พลางส่ายศีรษะเล็กน้อย “ข้าก็อธิบายไม่ถูก ชีพจรของเขาไม่คงที่ เหมือนถูกคนทำร้าย”
“เจ้าหมายความว่า ที่เขาเป็นเช่นนี้เพราะฝีมือผู้อื่นหรือ? ”
“อืม! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า
สายตาอู๋จุนเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขามองไปรอบๆ ด้วยท่าทีแปลกประหลาด “แสดงว่าสถานที่แห่งนี้ ยังมีผู้อื่นอยู่ด้วย”
เวลานี้ พวกเขายังอยู่ในถ้ำ
เนื่องจากก่อนหน้าที่ถ้ำถล่มลงมา มู่หรงอวิ๋นไห่ช่วยชีวิตพวกเขาและพาพวกเขามาที่ถ้ำอีกแห่งหนึ่ง
ซูจิ่นซีสำรวจมู่หรงอวิ๋นไห่อย่างละเอียด
“ใช่แน่ เขาต้องถูกขังไว้ที่นี่แน่นอน คนที่ขังเขาไว้ต้องมั่นใจว่าเขาไม่มีทางหนีออกไปได้ จึงไม่ได้เฝ้าคุ้มกัน”
“บัดซบ ที่นี่คือที่ใดกันแน่? พวกเราเข้ามาในสถานที่เลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร? ”
“ไม่รู้! ” ซูจิ่นซีส่ายศีรษะเล็กน้อย “แต่คงหนีไม่พ้นดินแดนต้องห้ามของสกุลจง”
อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยู่ที่ดินแดนต้องห้ามของสกุลจง หลังจากพบภาพลวงตาก็มาโผล่ยังสถานที่แห่งนี้
“สิ่งที่พวกเราเห็นอยู่ตอนนี้ คงไม่ใช่ภาพลวงตากระมัง? ”
ซูจิ่นซีมองอู๋จุนด้วยแววตาประหลาดใจ ทว่าไม่ได้พูดอันใด
อู๋จุนส่งยิ้มแห้ง “แม่นางพิษน้อย เจ้าอย่ามองพี่จุนด้วยสายตาเช่นนั้น พี่จุนไม่รู้อันใดเลยจริงๆ พี่จุนไม่สันทัดเกี่ยวกับภาพลวงตาแม้แต่น้อย”
ซูจิ่นซีก็ไม่รู้เช่นกัน!
อย่างไรก็ตาม ยิ่งประสบยิ่งได้เรียนรู้ คราก่อน หลังจากพบภาพลวงตาที่หุบผาราชันพิษ นางได้เรียนรู้มาแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าไม่ได้ความรู้อันใดมากนัก
“ไม่น่าใช่ หากเป็นภาพลวงตา พวกเราคงไม่สามารถสัมผัสร่างกายของมู่หรงอวิ๋นไห่ได้ ทว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเรา ไม่เพียงมีร่างกายที่แท้จริง แต่ยังจับชีพจรได้อีกด้วย”
“ซีจือ… ซีจือ… ”
มู่หรงอวิ๋นไห่ยังร้องเรียกซูจิ่นซีเหมือนเด็กน้อย
ซูจิ่นซีมองไปรอบๆ
“ที่นี่คงใหญ่มาก ถ้ำที่ถล่มลงมาก่อนหน้านี้คงเตือนคนที่เฝ้าที่นี่แล้ว อีกไม่นาน พวกเขาต้องออกมาตามหาพวกเราแน่นอน เราต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“พี่จุนก็คิดเช่นนั้น เจ้ามีวิธีฟื้นฟูสติของเขาหรือไม่ พี่จุนคิดว่าโรคเบาปัญญาของเขาคงเป็นเพียงอาการชั่วคราว”
ก่อนหน้าที่ถ้ำจะถล่มลงมา เขายังเป็นปกติอยู่เลย ในช่วงเวลาวิกฤติยังช่วยชีวิตซูจิ่นซีกับอู๋จุนออกมาได้ แสดงว่าตอนนั้นเขายังมีสติอยู่ ส่วนเวลานี้ คงเป็นเพราะถูกกระตุ้นด้วยบางอย่าง
ซูจิ่นซีมีท่าทางจริงจัง “หากจะรักษาอาการให้กลับมาเป็นปกติชั่วคราวก็ทำได้ ทว่าจะรักษาให้หายขาด… ยังคิดไม่ออกว่าต้องใช้วิธีใด”
“เช่นนั้นก็รักษาให้หายชั่วคราวก่อนเถิด เขาต้องรู้แน่ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ไหน ส่วนเรื่องอื่น ออกไปได้ค่อยว่ากัน”
“อืม! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า ก่อนจะหยิบเข็มเหมันต์เทวะออกมาจากอกเสื้อ “เจ้าก็มาช่วยข้าอีกแรง! ”
แท้จริงแล้ว มู่หรงอวิ๋นไห่ที่มีสติปัญญาเหมือนเด็กน้อยนั้น รับมือได้ยากยิ่งกว่าตอนที่เขาดุร้ายเหมือนปีศาจเสียอีก
บางครั้งก็ไร้เดียงสาราวกับเด็ก บางครั้งก็หยาบคายและโมโหร้าย และเป็นอู๋จุนที่ต้องรับมือ ทว่าอู๋จุนยามดื้อรั้นก็มีนิสัยเหมือนเด็กเช่นกัน
เมื่อเด็กสองคนมารวมตัวกัน พูดได้ว่าเป็นหายนะล้างโลกอย่างแท้จริง
หากไม่มีซูจิ่นซีที่อยู่ด้านข้าง คอยทำให้อู๋จุน ‘หวาดกลัว’ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้น
สาเหตุที่มู่หรงอวิ๋นไห่คลุ้มคลั่งอาละวาด เป็นเพราะหลอดเลือดหลายจุดอุดตันหรือไหลย้อนกลับ แม้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทว่าซูจิ่นซีสามารถสลายการอุดตันของหลอดเลือดชั่วคราว เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น เพียงเท่านี้ก็บรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูสติให้เขาชั่วคราว
นอกจากนั้น ซูจิ่นซียังใช้เข็มเหมันต์เทวะที่ให้ผลลัพธ์เป็นสองเท่า
ผ่านไปไม่นาน ซูจิ่นซีก็ฝังเข็มให้มู่หรงอวิ๋นไห่เสร็จเรียบร้อย
ขณะที่ซูจิ่นซีดึงเข็มเหมันต์เทวะออกมาจากจุดไป๋ฮุ่ยกลางกระหม่อม และจุดชิงหมิงที่หัวตา มู่หรงอวิ๋นไห่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
แววตาของเขาไม่สับสนคลุ้มคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่ากลับกลายเป็นแววตาที่ทอประกายแจ่มใส
เมื่อเห็นเข็มเหมันต์เทวะในมือซูจิ่นซี มู่หรงอวิ๋นไห่ก็เอ่ยถามขึ้นทันที “เจ้ากับสำนักแพทย์เทียนอีมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร? ”
แน่นอน ซูจิ่นซีรู้ว่ามู่หรงอวิ๋นไห่ต้องเกิดความสงสัยเพราะเข็มเหมันต์เทวะ
“ข้ากับสำนักแพทย์เทียนอีไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกัน ทว่าข้าเคยมีมิตรภาพอันดีกับจิ่วหรง เจ้าสำนักแพทย์เทียนอี เข็มเหมันต์เทวะเป็นของขวัญที่จิ่วหรงมอบให้ข้า”
อย่างไรเสีย มีคนจำนวนไม่น้อยที่ทราบว่าพระชายาของโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิงกับจิ่วหรง เจ้าสำนักแพทย์เทียนอีเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน ซูจิ่นซีไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้แน่นอน
อู๋จุนพิจารณามู่หรงอวิ๋นไห่อย่างละเอียด พลางโบกมือไปมาเบื้องหน้าเขา “ไม่บ้าแล้วหรือ? ”
มู่หรงอวิ๋นไห่ถลึงตามองอู๋จุนอย่างดุดัน อู๋จุนชักมือกลับทันที ทว่าไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ไม่บ้าก็ดี แสดงว่าได้สติกลับมาแล้ว ทรมานข้าเกือบตาย”
อู๋จุนพูดพลางหันหลังกลับและกระโดดไปที่ก้อนหินด้านข้างอย่างสง่างาม เขายกสองมือรองท้ายทอยต่างหมอนและนอนลงไป
“แม่นางพิษน้อย เรื่องหลังจากนี้ต้องให้เจ้าจัดการแล้ว ถามเขาให้แน่ชัด พวกเราจะได้ออกไปโดยเร็วที่สุด คนพวกนั้น อีกไม่นานต้องหาที่นี่เจอแน่นอน พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว”
เรื่องเหล่านี้ ซูจิ่นซีย่อมเข้าใจดี
อย่างไรเสีย มู่หรงอวิ๋นไห่ก็เป็นผู้ปกครองแคว้น และเป็นผู้อาวุโส ทั้งเขายังช่วยชีวิตอู๋จุน ดังนั้นซูจิ่นซีจึงให้ความเคารพโดยการไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้
“ท่านผู้อาวุโส ข้าขอบังอาจถาม ท่านคือเจ้าผู้ครองแคว้นหนานหลีใช่หรือไม่? ” นางถามอย่างตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม
มู่หรงอวิ๋นไห่มีท่าทีประหลาดใจ
“เจ้าทราบได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ตอนที่ควบคุมตนเองไม่ได้ ฝ่าบาทแทนพระองค์ว่าฮ่องเต้! ”
มีแสงสว่างวาบในแววตาของมู่หรงอวิ๋นไห่
“ฝ่าบาททรงบอกพวกเราได้หรือไม่ว่า เหตุใดพระองค์ถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วสถานที่แห่งนี้คือที่ใด? เนื่องจากถ้ำก่อนหน้านี้ถล่มลงมาเสียงดัง คนที่เฝ้าอยู่ต้องทราบเรื่องแล้วเป็นแน่ หากพวกเขาพบว่าพระองค์ไม่ได้ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังเหล่านั้น พวกเขาต้องออกตามหาพระองค์อย่างแน่นอน ดังนั้น พวกเราต้องหาทางออกไปโดยเร็ว”