บทที่ 499 มือกระบี่จากเมืองเจี้ยนหยวน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 499 มือกระบี่จากเมืองเจี้ยนหยวน

ฉุยเฮาเฟิงถลันกายเข้ามาประชิดตัวเจียงฟาน

หัวใจของมือกระบี่เหินหาวกระตุกวูบ เพราะการโคจรพลังของเขายังไม่เสร็จสมบูรณ์

การต่อสู้หลายกระบวนท่าก่อนหน้านี้ ตนเองต้องพลาดท่าเสียทีให้แก่ฉุยเฮาเฟิงนับครั้งไม่ถ้วน

ถ้าไม่ได้เป็นเพราะว่านายท่านเว่ยหมิงเฉินได้มอบผนึกปริศนาไว้ในร่างกายของเขา และยังสร้างค่ายอาคมสนามรบศักดิ์สิทธิ์ที่คอยเกื้อหนุนพลังในตัวเจียงฟาน มือกระบี่เหินหาวก็เกรงว่าตนเองคงต้องเสียชีวิตภายใต้คมกระบี่ของฉุยเฮาเฟิงไปนานแล้ว

และนั่นก็เป็นสิ่งที่ท่านเจ้าเมืองหนุ่มกำลังกังวลอยู่เช่นกัน

หากเจียงฟานสามารถยื้อการต่อสู้ให้ยืดเยื้อไปได้เรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นฝ่ายของฉุยเฮาเฟิงเองที่หมดพลัง และสุดท้ายก็ต้องถูกโจมตีจนถึงแก่ชีวิตในไม่กี่กระบวนท่า

ทว่าบัดนี้ระดับความเร็วของฉุยเฮาเฟิงเพิ่มสูงขึ้นมาอีกครั้ง

กระบวนท่าที่เขาใช้ออกมาก็แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

พลังกดดันจากคมกระบี่ครอบคลุมพื้นที่นับร้อยวา

พลัน ดวงตาสีดำสนิทของฉุยเฮาเฟิงเปล่งแสงสว่างเรืองรอง

เหมือนกับว่าได้มีพลังปริศนาถูกปลดปล่อยออกมา

พริบตานั้น บนพื้นดินที่แตกร้าวได้มีคันฉ่องสีดำบานหนึ่งลอยขึ้นมาจากใต้ดินโดยไม่มีสัญญาณเตือน ตัวคันฉ่องเป็นสีดำ กระจกเป็นสีขาว สามารถมองเห็นลวดลายอักขระโบราณที่ถูกเขียนเอาไว้บนด้ามจับได้อย่างชัดเจนเต็มสองตา

“แย่แล้วสิ…”

ดวงตาของเจียงฟานเป็นประกายวาวโรจน์

เขารู้แล้วว่าฉุยเฮาเฟิงกำลังใช้วิชาใด

แต่ในจังหวะนั้น…

วูบ!

ปรากฏเงาร่างคนเคลื่อนไหว

ไม่รู้มีร่างจำแลงของฉุยเฮาเฟิงกระโดดออกมาจากคันฉ่องใต้ดินตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่นทำให้บัดนี้ เจ้าเมืองคนใหม่แห่งเมืองหยุนเมิ่งแยกร่างพุ่งเข้าโจมตีเจียงฟานทางซ้ายและทางขวาพร้อมด้วยกระบี่คู่กายที่อยู่ในมือ

คมกระบี่สาดประกายแวววาว

การต่อสู้หยุดลงอย่างกะทันหัน

เจียงฟานยืนอยู่กับที่

ในอากาศมีหิมะสีดำโปรยปรายลงมาจากเบื้องบน

“นี่มัน… วิชากระบี่คันฉ่องแยกร่าง…”

เจียงฟานพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “จะ…จะ…เจ้า…เป็นมือกระบี่จากเมืองเจี้ยนหยวน…”

เสียงของมือกระบี่เหินหาวขาดหายไป

แล้วหัวของเขาก็ขาดกระเด็นหลุดออกจากลำคอ

หัวคนตกลงบนพื้นน้ำแข็งเสียงดังตุบ

ลมหายใจต่อมา หัวของเจียงฟานก็กลายเป็นเพียงน้ำแข็งก้อนหนึ่ง

ในจักรวรรดิเป่ยไห่ มีเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของมือกระบี่อยู่สามแห่ง…

หนึ่งคือเมืองไป๋หยุน

สองคือเมืองหนงเจียง

สามคือเมืองเจี้ยนหยวน

และวิชากระบี่ที่ฉุยเฮาเฟิงใช้ออกมาเมื่อสักครู่นี้ เป็นวิชาที่ชื่อว่ากระบี่คันฉ่องแยกร่าง ซึ่งมีแต่มือกระบี่จากเมืองเจี้ยนหยวนเท่านั้นถึงจะสามารถใช้งานได้

เมืองเจี้ยนหยวนเก็บวิชากระบี่ของตนเองเป็นความลับเสมอมา หากสามารถบรรลุวิชาขั้นสูงสุดได้สำเร็จ ยามใช้พลังจะเกิดหิมะสีดำโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายว่า นี่คือหิมะจากขุมนรก

เจียงฟานไม่ทันระวังตัว จึงถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว

ร่างแยกของฉุยเฮาเฟิงค่อยๆ เลือนหายไปในอากาศพร้อมด้วยหิมะสีดำบนท้องฟ้า

ส่วนร่างจริงของท่านเจ้าเมืองหมุนตัวเดินตรงไปยังซากศพของมือกระบี่เหินหาว

โผละ!

เขาใช้เท้าข้างหนึ่งกระทืบลงไปบนศีรษะที่หลุดออกจากบ่าของเจียงฟาน ซึ่งบัดนี้มันมีสภาพเป็นน้ำแข็งก้อนหนึ่ง

แล้วน้ำแข็งก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“กระบี่จากหุบเหวแห่งความมืด จักลงทัณฑ์คนชั่วช้าตลอดกาล”

ดวงตาที่ดำสนิทของฉุยเฮาเฟิงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติอย่างเชื่องช้า

จิตสังหารที่รุนแรงเหมือนสัตว์ร้ายจากขุมนรกของท่านเจ้าเมืองเลือนหายไป

เขาใช้เท้าบดขยี้เศษน้ำแข็งซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศีรษะของเจียงฟาน มุมปากปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย “เก่งจริงก็ฟื้นคืนจากความตายขึ้นมาให้ได้สิ”

ด้านนอกค่ายอาคมในขณะนี้

ทุกคนรับชมการถ่ายทอดสดด้วยความตกตะลึง

ไม่มีใครคิดเลยว่าท่านเจ้าเมืองฉุยเฮาเฟิงที่ดูมีฝีมือต่ำต้อยมากที่สุด กลับเป็นผู้ที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้รวดเร็วที่สุด

ด้วยเหตุนี้

ทุกคนจึงเข้าใจแล้วว่าท่านเจ้าเมืองคนใหม่ มีฝีมือที่แท้จริงแข็งแกร่งขนาดไหน

โดยเฉพาะมือกระบี่จากต่างถิ่น ซึ่งจ้องมองฉุยเฮาเฟิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เพราะท่านเจ้าเมืองคนนี้เป็นถึงลูกศิษย์ของเมืองเจี้ยนหยวน อันเป็นหนึ่งในสามเมืองศักดิ์สิทธิ์ของมือกระบี่ในจักรวรรดิเป่ยไห่

นี่คือเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของมือกระบี่ แต่เมืองเจี้ยนหยวนก็ขึ้นชื่อเรื่องความลึกลับเป็นที่หนึ่ง

อย่างเช่นกระบวนท่าที่มีหิมะสีดำโปรยปรายลงมาในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเจียงฟาน ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าฉุยเฮาเฟิงสามารถใช้กระบวนท่าเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร

ปัจจุบันนี้ มือกระบี่จากเมืองเจี้ยนหยวนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมีอยู่ด้วยกันหกคน ประกอบไปด้วย กระบี่เวทมนตร์ กระบี่วิญญูชน กระบี่บุปผาฟ้า กระบี่อมทุกข์ และกระบี่ทมิฬ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของมือกระบี่เหล่านี้เป็นใครกันแน่

แล้วฉุยเฮาเฟิงจะใช่หนึ่งในมือกระบี่ลึกลับหกคนนั้นหรือไม่?

หลายคนเกิดความสงสัยขึ้นในใจอย่างช่วยไม่ได้

ฉุยเฮาเฟิงลดกระบี่ลงและกำลังจะเดินออกไปนอกเขตสนามรบ

แต่เมื่อร่างของเขาเดินมาถึงจุดที่เป็นม่านพลัง ฉุยเฮาเฟิงกลับต้องหยุดชะงักอยู่กับที่ เพราะตัวเขาไม่สามารถเดินทะลุม่านพลังออกไปได้

นี่มันอะไรกัน?

เกิดอะไรขึ้น?

สีหน้าของฉุยเฮาเฟิงเปลี่ยนแปลงไปในทันที

การต่อสู้ครั้งนี้รู้ผลแพ้ชนะแล้ว เดิมทีการทำงานของค่ายอาคมก็ควรสิ้นสุดลงเมื่อคู่ต่อสู้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจบชีวิต และผู้ชนะก็สมควรเดินออกจากค่ายอาคมได้อย่างไม่มีปัญหา

แล้วทำไมเขาถึงออกไปไม่ได้?

ฉุยเฮาเฟิงชำเลืองมองกลับไปที่ซากศพไร้ศีรษะของเจียงฟาน

กระบี่เหินหาวตายไปแล้ว

ไม่มีทางฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกเด็ดขาด

แล้วปัญหาคืออะไร?

“เจ้าไม่ใช่กระบี่เทพปฐพี”

เยว่เว่ยหยางซวนเซถอยหลัง พูดออกมาในขณะที่มีเลือดไหลซึมออกจากมุมปาก

นักบวชสาวจ้องมองคู่ต่อสู้ของตนเองด้วยความตกตะลึง

ร่างกายที่เคยสูงใหญ่ของกระบี่เทพปฐพีพลันมีพลังลมปราณสีดำห่อหุ้มตั้งแต่หัวจรดเท้า รูปร่างของอีกฝ่ายไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไป แต่กลับกลายเหมือนเป็นตุ๊กตาดินเผาที่ไม่ว่าปีกกระบี่ของนางจะโจมตีสักเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายได้เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ เยว่เว่ยหยางยังถูกกระแทกหน้าอกเข้าอย่างแรงอีกด้วย…

“อิอิ ข้าไม่เคยพูดสักหน่อยนะว่าข้าคือกระบี่เทพปฐพี”

คู่ต่อสู้ของเยว่เว่ยหยางตอบกลับมา

ด้วยเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง

หากหลินเป่ยเฉินอยู่ที่นี่ เขาก็คงต้องสะดุ้งโหยงเป็นแน่แท้

เพราะนี่คือเสียงเดียวกับที่ออกมาจากปากของเซินเฟย ตอนที่เด็กหนุ่มผู้นั้นกลายร่างเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์ ระหว่างการแข่งขันค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองรอบแรก

ซึ่งเป็นเสียงที่หลินเป่ยเฉินได้ยินเพียงคนเดียวเท่านั้น