ฟ้องร้องถงเยียน

กลุ่มคนที่มีอิทธิพลเหล่านี้มีอำนาจมากพอที่จะโค่นล้มทั้งประเทศ การที่เธอกล้าคิดแผนการเพื่อใช้ประโยชน์จากพวกเขานั้นสมควรแก่การยกย่อง แต่สำหรับซิงเหอแล้วพวกเขาก็เป็นแค่หมากในแผนการของเธอเท่านั้น

 

 

หลังจากคิดแผนการได้แล้วมู่ไป๋ก็หาทนายความกลุ่มหนึ่งมาให้ซิงเหอเพื่อร่างหนังสือยื่นฟ้องไปที่ศาลทันที ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็คือถงเยียน

 

 

เธอเป็นทายาทหญิงของตระกูลถง คุณหนูที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศจีน แต่ยังมีคนกล้าฟ้องร้องเธอ!

 

 

ชั่วขณะที่หนังสือยื่นฟ้องถูกส่งออกไปศาลก็ติดต่อไปยังตระกูลถง คนที่รับโทรศัพท์คือเฉินหรู เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

 

 

“เสี่ยวเยียนของฉันแค่สั่งสอนเธอเล็กน้อยเท่านั้นและไม่ได้ทำร้ายเธอเลย แต่เธอยังกล้าฟ้องร้อง! เธอรู้หรือเปล่าว่ากำลังสู้กับใครอยู่”

 

 

คุณปู่ถงกับคุณย่าถงก็ตกใจพอๆ กัน คุณย่าถงอาจมีลูกหลานมากมายแต่ถงเยียนเป็นหลานสาวคนแรกของเธอ เธอโกรธมากเมื่อได้รู้เรื่องนี้

 

 

“ผู้หญิงคนนี้ไม่มีเหตุผลจริงๆ ในเมื่อเธอปลอดภัยดีแล้วเธอก็ควรจะปล่อยเรื่องนี้ไป แต่เธอกลับกล้าฟ้องร้องเสี่ยวเยียน เธอไม่กลัวว่าจะทำให้ตระกูลถงของเราโกรธหรือยังไง?”

 

 

ตระกูลถงไม่ใช่ตระกูลธรรมดา พวกเขาเกี่ยวดองกับตระกูลเฉิน แถมยังมีความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีและอีกหลายตระกูลที่มีอำนาจในประเทศจีน ผู้หญิงคนนั้นต้องโง่แค่ไหนกันถึงกล้าฟ้องร้องถงเยียน เธอไม่รู้หรือว่านี่จะทำเธอกลายเป็นศัตรูของหลายตระกูลที่มีอำนาจที่สุดในประเทศจีน?

 

 

คุณปู่ถงมีความรอบคอบกว่า “เธอมีตระกูลสีคอยหนุนหลังอยู่ เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา พวกเราไม่ควรประมาท”

 

 

“แล้วยังไงล่ะคะ เธอก็เป็นแค่สะใภ้ที่หย่าออกมาจากตระกูลสีแล้ว พวกเขาไม่ปกป้องเธอหรอก” เฉินหรูโต้เถียงด้วยความดูถูก “ถึงแม้ว่าเธอจะมีตระกูลสีคอยหนุนหลัง พวกเขาจะสู้กับตระกูลมากมายที่มีอำนาจได้เหรอ”

 

 

“มันจะสำคัญอะไรว่าพวกเขาทำได้หรือไม่ ความจริงก็คือเสี่ยวเยียนเป็นคนผิด แม้แต่ประธานาธิบดีก็รู้เรื่องนี้ เธอคิดว่าพวกเรายังจะปิดบังมันได้อีกเหรอ” คุณปู่ถงถอนหายใจ “ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้จุดอ่อนของพวกเราก็ถูกเปิดเผยแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ก็คือให้ผู้หญิงคนนั้นถอนฟ้อง”

 

 

“หนูจะเป็นคนไปบอกให้เธอทำแบบนั้นเดี๋ยวนี้!” เฉินหรูยืนขึ้นและประกาศอย่างได้ใจ เธอคิดว่าเธอจะสามารถไปกดดันให้ซิงเหอถอนฟ้องได้ด้วยตัวเอง

 

 

ในท้ายที่สุดปรากฏว่าซิงเหอไม่ต้องการที่จะเจอเธอด้วยซ้ำ ยามบอกเธอว่าซิงเหอยังคงชอกช้ำจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และไม่สามารถพบใครได้ มันคือคำสั่งของหมอ

 

 

เธอจึงขอพบสีมู่ไป๋

 

 

นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ “นายน้อยสีเพิ่งตื่นขึ้นมาจากสภาพไม่รู้สึกตัวและออกแรงมากเกินไปจากการเดินและวิ่งเมื่อวาน บาดแผลของเขาเลวร้ายลง พวกเราไม่สามารถปล่อยให้คุณนายเข้าไปพบเขาได้ เว้นแต่คุณนายจะเต็มใจรับผิดชอบต่อสุขภาพของเขา”

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินหรูถูกไล่ให้กลับไป ในเมือง A ไม่สิ ทั้งประเทศนี้มีใครกล้าทำกับเธอแบบนี้บ้าง?

 

 

แม้กระทั่งหลังจากที่เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลถง พวกเขาก็เคารพเธอเสมอ เธอเป็นลูกสาวของตระกูลเฉิน น้องสาวคนเดียวของท่านผู้หญิง

 

 

คนอื่นแทบรอไม่ไหวที่จะเข้ามาประจบประแจงเธอ แต่ทั้งซิงเหอและมู่ไป๋ปฏิเสธที่จะพบเธอ

 

 

ความเกลียดชังที่เฉินหรูมีต่อพวกเขามีแต่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเธอยังคงมีสติพอที่จะรู้ว่าเธอไม่สามารถบุกเข้าไปอย่างที่ใจต้องการ

 

 

ดังนั้นเธอเลยเปลี่ยนวิธี ในเมื่อมู่ไป๋ปฏิเสธที่จะพบเธอ งั้นเธอก็จะไปขอความช่วยเหลือจากท่านผู้หญิง

 

 

ถ้าท่านผู้หญิงต้องการจะพบพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมทำตาม

 

 

 

 

เฉินหรูรีบเดินทางไปที่บ้านของประธานาธิบดีทันที หลังจากที่ท่านผู้หญิงฟังเธอบ่นหล่อนก็พูดเบาๆ “มันก็ยุติธรรมแล้วที่พวกเขาฟ้องร้องเธอ ครั้งนี้เธอทำเกินไปจริงๆ”