เมื่อยกแผ่นหลังคาขึ้น อวี้เฟยเยียนก็มองเห็นเชียนเจิ้นหยาง
นี่มันดึกดื่นครึ่งค่อนคืนแล้ว ลูกชายยังอยู่ที่ตำหนักเสด็จแม่แท้ๆ ของตนเอง มันเรื่องอะไรกัน
หรือพวกเขาแม่ลูกกำลังปรึกษาว่าจะทำอย่างไรจึงจะรับช่วงต่อแผ่นดินฉินจื้อได้อย่างราบรื่น
อวี้เฟยเยียนที่พกความอยากรู้อยากเห็นเข้ามาเต็มเปี่ยม นางนอนราบลงบนหลังคา จับตาดูทุกรายละเอียดโดยมิให้คลาดสายตา
อดกล่าวไม่ได้ว่า การที่หลิวกุ้ยเฟยได้รับการโปรดปรานมาตั้งหลายปี มันก็มีเหตุผลอยู่
ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้งามหยาดฟ้ามาดิน แต่ก็อยู่เหนือผู้อื่นเพราะผิวพรรณของนาง
ผิวพรรณทั่วเรือนร่างนางขาวสว่างจ้าราวหิมะ ทั้งยังเนียนละเอียด ถึงแม้ว่าอายุอานามนางจะล่วงเลยเกินวัยกลางคนมาแล้ว แต่ทว่าผิวพรรณนางยังเต่งตึงดั่งเก่า ไม่มีร่องรอยเ**่ยวย่นใดๆ เลยแม้แต่น้อย
เวลานี้ย่างเข้าเดือนหก อากาศร้อนอบอ้าว
หลิวกุ้ยเฟยอยู่ในตำหนักบรรทมของตน สวมใส่เพียงแค่ชุดกระโปรงปล่อยชายสีฟ้าครามบางๆ ยิ่งขับให้ผิวพรรณของนางขาวใสขึ้นไปอีก
ภายในชุดกระโปรงบางเบานางสวมใส่เสื้อเอี๊ยมสีฟ้าชมพู สายตาอวี้เฟยเยียนดีนัก นางยังมองเห็นอีกว่าบนเสื้อเอี๊ยมนั้นปักลายดอกบัวสีฟ้าคู่ที่กำลังจะเบ่งบานเอาไว้
ช่างเป็นหญิงที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาเร่าร้อนยิ่งนัก!
อวี้เฟยเยียนคิดอยู่ในใจ
ในตำหนักบรรทม มีเพียงเชียนเจิ้นหยางเท่านั้น ส่วนเหล่านางกำนัลถูกไล่ให้ออกไปทั้งหมดแล้ว
นี่พวกเขาจะพูดคุยเรื่องความลับอะไรกันหรือ
“เสด็จแม่…”
เชียนเจิ้นหยางยื่นมือออกไปจับจูงมือหลิวกุ้ยเฟยเดินมาที่ข้างเตียง ร่างเขาเอนเอียงซบไปที่ร่างนาง จ้องมองด้วยสายตาเร่าร้อน
“เสด็จแม่ ครั้งนี้เป็นผลดีกับเรา ในที่สุดเจ้าเฒ่านั่นก็เป็นอัมพาต ต่อไปข้าก็สามารถอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่ได้ทุกวัน!”
ได้ยินประโยคเมื่อครู่ อวี้เฟยเยียนเกือบจะกระอักเลือดออกมา
ทว่า ภาพที่จะปรากฏต่อจากนี้ ยิ่งทำให้อวี้เฟยเยียนตกตะลึงหนักขึ้นไปอีก
หลิวกุ้ยเฟยยื่นมือออกไปลูบไล้ใบหน้าของเชียนเจิ้นหยาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเง้างอน
“เจ้านะ โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวติดกับแม่อีก รอให้เจ้าเป็นฮ่องเต้ แต่งฮองเฮาแล้ว จะทำอย่างไรเล่า…”
“ข้าจะไม่แต่งฮองเฮาคนอื่น หากว่าจะต้องแต่งตั้งฮองเฮาจริง ข้าจะแต่งตั้งเสด็จแม่เป็นฮองเฮา!”
“พูดอะไรโง่ๆ อย่างนั้นเล่า!”
หลิวกุ้ยเฟยผลักเชียนเจิ้นหยางไปอีกทาง
“รอให้ถึงเวลาคัดเลือกนางในเสียก่อนเถอะ เมื่อเจ้าเห็นสาวสวยแรกแย้มมากมาย เจ้าก็จะลืมแม่!”
ได้ฟังหลิวกุ้ยเฟยกล่าวเช่นนั้น เชียนเจิ้นหยางก็รีบจับมือของนางเอาไว้แน่น
“เสด็จแม่ หัวใจหม่อมฉันเต้นก็เพื่อพระองค์ ข้าเป็นลูกของเสด็จแม่ ในใจมีเพียงเสด็จแม่เท่านั้น!”
เมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนเช่นนั้นของเชียนเจิ้นหยาง หลิวกุ้ยเฟยก็รั้งศีรษะของเขาเข้ามาในอ้อมอกทันที
“แม่รู้ดี แม่ก็แค่กังวล! กระดาษห่อไฟไม่ได้ พวกเราทำเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้…”
“กลัวอะไรกันเล่า!”
เชียนเจิ้นหยางได้ยินเช่นนั้น ก็เป็นฝ่ายโอบกอดหลิวกุ้ยเฟยเสียเอง
“ข้าคิดเอาไว้แล้ว รอให้เจ้าเฒ่านั่นตาย ข้าจะประกาศว่าเสด็จแม่ทรงตรอมพระทัยสิ้นพระชนม์ตามไปด้วยอีกคน! จากนั้นข้าจะส่งท่านไปที่บ้านท่านลุง รอจนการเลือกนางในเริ่มต้นขึ้น ให้ท่านเข้าวังมาใหม่ในฐานะลูกสาวของท่านลุง ถึงตอนนั้นพวกเราก็สามารถอยู่ด้วยกันตลอดไป!”
“ทำเช่นนั้นได้จริงหรือ”
หลิวกุ้ยเฟยจับที่ปกเสื้อเชียนเจิ้นหยางแน่น
“จะไม่มีใครพบเข้าหรือ “
“ไม่หรอก เสด็จแม่ ทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของข้า…”
พูดไปพูดมา เชียนเจิ้นหยางก็เริ่มปลดกระโปรงของหลิวกุ้ยเฟย ยื่นนิ้วมือเข้าไปเตรียมปลดมันออกจากร่างของนาง
“อย่า…”
เชียนเจิ้นหยางกระทำเช่นนี้ หลิวกุ้ยเฟยอยากที่จะปัดป้อง ผลก็คือถูกเขากดลงบนเตียงขยับเขยื้อนไม่ได้
“เสด็จแม่ ช่วงเวลาที่ผ่านมาข้าคิดถึงท่านจนแทบบ้า ทรงให้หม่อมฉันเถิด!”
ปากก็ร้องขอในสิ่งที่ต้องการ มือเชียนเจิ้นหยางก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ไม่นานร่างกายของหลิวกุ้ยเฟยก็ตอบรับ
แต่ว่าทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ สีหน้าที่เคียดแค้นน่าเกลียดน่ากลัวของเชียนลั่วเฉิงก็ปรากฏขึ้นมาในหัวนาง หลิวกุ้ยเฟยขัดขืนสุดแรงเกิด ผลักเชียนเจิ้นหยางออกไปอีกทาง ตนเองชันกายลุกขึ้นนั่ง
“ไม่ได้ ข้าทำเช่นนี้ผิดศีลธรรม จะต้องตกนรก!”
“ศีลธรรม”
ได้ยินคำนั้นเข้า เชียนเจิ้นหยางถึงกับหัวเราะออกมา
“เสด็จแม่ ในเวลานี้มาพูดถึงเรื่องศีลธรรม ไม่สายไปหน่อยหรือ”
มองดูเชียนเจิ้นหยางในตอนนี้ หลิวกุ้ยเฟยรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เขาเป็นอะไรไป วันนี้แลดูผิดแผกไม่เหมือนเดิม!
“หลิวซื่อ ท่านเป็นแม่บังเกิดเกล้าของข้าจริงหรือ…”
คำพูดเชียนเจิ้นหยางทำเอาหลิวกุ้ยเฟยถึงกับหน้าถอดสี
เหตุใดจู่ๆ เขาจึงกล่าวเช่นนี้
เชียนเจิ้นหยางรู้อะไรเข้าแล้วหรือ
เห็นสีหน้าท่าทีของหลิวกุ้ยเฟยแล้ว เชียนเจิ้นหยางก็หัวเราะขึ้นมา
“เสด็จแม่ทรงคิดว่าหม่อมฉันเป็นไอ้โง่หรืออย่างไร ในปีนั้นเพื่อที่จะคงไว้ซึ่งรูปร่างที่งดงาม เสด็จแม่ทรงเสวยหญ้าฝรั่น จึงมิอาจมีลูกได้ ดังนั้นสกุลหลิวจึงส่งหลานสาวจากบ้านนอกมาเป็นนางกำนัลข้างกายเสด็จแม่ จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อช่วยเสด็จแม่ให้กำเนิดทายาทเพื่อฐานะที่มั่นคง…เรื่องราวเหล่านี้ ยังต้องให้หม่อมฉันย้ำเตือนเสด็จแม่ด้วยหรือ”
“ผ่าง” เรื่องที่หลิวกุ้ยเฟยเป็นกังวลมาโดยตลอดในที่สุดก็เกิดขึ้น
เจ้ารู้เรื่องนี้เมื่อไหร่กัน
หลิวกุ้ยเฟยเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“ตั้งแต่ที่ข้าเริ่มอยากครอบครองเสด็จแม่นั้น ข้าก็เริ่มสืบเรื่องราวทุกอย่าง! จะว่าไป เสด็จแม่ยังติดค้างชีวิตแม่บังเกิดเกล้าของหม่อมฉันหนึ่งชีวิต รวมทั้งสกุลหลิวด้วยที่ติดค้างหนี้ชีวิตแม่บังเกิดเกล้าของหม่อมฉัน!”
เชียนเจิ้นหยางปากก็พร่ำไป มือก็ปลดเอี๊ยมตัวน้อยของหลิวกุ้ยเฟยไปด้วย
ดังนั้นเสด็จแม่อย่าได้พูดเรื่องศีลธรรมกับหม่อมฉัน ท่านไม่ได้เป็นแม่บังเกิดเกล้าของหม่อมฉัน ศีลธรรมจำกัดพวกเราเอาไว้ไม่ได้!”
“ไม่ ไม่…”
หลิวกุ้ยเฟยถอยร่นไปด้านหลัง
“เจ้าเรียกข้าว่าแม่ เจ้าและข้าอย่างไรก็เป็นแม่ลูกกัน…”
“เหลวไหลทั้งเพ!”
เชียนเจิ้นหยางเป็นดั่งธนูที่วางบนคันศรแล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้หลิวกุ้ยเฟยหนีไปได้
อย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย มีเรี่ยวแรงมากกว่าหลิวกุ้ยเฟยอยู่แล้ว ไม่นานเขาก็ ‘สยบ’ หลิวกุ้ยเฟยเอาไว้ได้
“หากว่าเสด็จแม่กลัวบาปกรรม ก็ควรจะปฏิเสธข้าตั้งแต่แรก! มาพูดเอาตอนนี้ สายไปเสียแล้ว ข้าเกิดในนรกมาตั้งแต่ต้น แต่เสด็จแม่มิต้องกลัวนะพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้ต้องลงนรก ข้างกายของเสด็จแม่ก็ยังมีหม่อมฉัน!”
ประโยคเดียวว่า ‘สายไป’ ของเชียนเจิ้นหยาง ทำให้หลิวกุ้ยเฟยเลิกขัดขืนโดยสิ้นเชิง
พวกเขาทำเรื่องเช่นนี้ สวรรค์ไม่ต้องการตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!
“เสด็จแม่ ทรงสิริโฉมงดงามเหลือเกิน…”
เชียนเจิ้นหยางจูบซับน้ำตาที่ปลายหางตาของหลิวกุ้ยเฟย แล้วยื่นมือที่เปื้อนสายธารหล่อลื่นที่เหนียวข้นไปตรงหน้าของนาง
“ท่านดูสิ เปียกชื้นไปหมดแล้ว เสด็จแม่ ร่างกายท่านนั้นซื่อสัตย์ที่สุด!”
“อย่ามอง…”
หลิวกุ้ยเฟยยื่นมือออกไปเพื่อจะปิดตาเชียนเจิ้นหยาง ทว่าถูกมือใหญ่ของเขาพันธนาการมือทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะ
“น่าเสียดายจริงๆ ที่ท่านมิใช่แม่บังเกิดเกล้าของข้า! หากท่านเป็น ท่านคงให้ชีวิตข้าโดยให้กำเนิดออกมาจากตรงนี้ วันนี้ข้ากลับไปทักทายอีกครั้ง นี่ถือว่าลูกกตัญญูต่อเสด็จแม่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!”
เชียนเจิ้นหยางเอวตั้งตรงขึ้น ตามมาด้วยเสียงครางของหลิวกุ้ยเฟย ทั้งที่นางกัดริมฝีปากตนเอาไว้แน่น
“สวรรค์ นี่เยี่ยอ๋องเป็นลูกทรพีทรยศบิดานี่นา!”
สมภารยังไม่กินไก่วัดเลยด้วยซ้ำ!
เชียนเจิ้นหยางสวมเขาให้กับพ่อบังเกิดเกล้าของตนเอง ช่างอาจหาญเสียจริงๆ …
คืนนี้เพียงคืนเดียวเกิดเรื่องราวมากมายในวังหลวงแห่งฉินจื้อ ในสายตาอวี้เฟยเยียน เปรียบดั่งละครน้ำเน่าก็ไม่ปาน แต่มันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าละครน้ำเน่าเป็นไหนๆ !
นี่มันคู่รักวิปริตนี่นา!
ต่อให้ไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่แย่งผู้หญิงของพ่อตัวเอง น่าสนุกนักหรือ
ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หลงใหลในตัวหญิงวัยเกือบวัยทอง รสนิยมเขาช่างพิเศษไม่เหมือนใครจริงๆ !
จริงอย่างที่เขาว่าไว้ เรื่องราวคาวๆ กำเนิดมาจากวังหลวงทั้งสิ้น พูดไว้ไม่ผิดจริงๆ !