ตอนที่ 99-1 ทำชั่วได้ชั่ว สมน้ำหน้าเจ้านัก

จำนนรักชายาตัวร้าย

มองดูอวี้เฟยเยียนชมละครฉากเด็ดด้วยความบันเทิงเริงใจ ซย่าโหวฉิงเทียนก็รีบเอื้อมมือไปโอบเอวนางเอาไว้แน่น ด้วยเกรงว่านางจะสนุกสนานเกินจนร่วงลงไป

 

 

“ฉิงเทียน ข้าเปลี่ยนใจแล้ว! ข้าจะไปยกเก้าอี้น้อยมานั่งสังเกตการณ์ที่นี่ สำหรับการทรมานเชียนลั่วเฉิงก็มอบให้เยี่ยอ๋องเป็นผู้จัดการหน้าที่นี้แทน—”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวจบ ในขณะที่ซย่าโหวฉิงเทียนกำมือแน่นด้วยความตื่นเต้น

 

 

“เมื่อครู่เจ้าเรียกพี่ว่าอะไรนะ”

 

 

“ฉิงเทียนน่ะสิ…”

 

 

อวี้เฟยเยียนหันหน้ากลับมาร้องตอบ และก็พบว่าริมฝีปากน้อยๆ ของนางแนบชิดจนเกือบสนิทกับแก้มซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

คนร้ายกาจ!

 

 

เห็นรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องของซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนถึงกับหน้าแดง

 

 

จู่ๆ ขยับมาใกล้ถึงเพียงนี้ทำไมกัน!

 

 

เขาต้องเจตนาแน่ๆ !

 

 

“เด็กดี เรียกชื่อพี่อีกครั้งสิ!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนขมวดคิ้วอมยิ้ม

 

 

เมื่อก่อนอวี้เฟยเยียนเอ่ยปากทีไรก็ ‘ซย่าโหวฉิงเทียน’ เรียกชื่อเต็มทุกครั้ง จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงนุ่มนวลทั้งเรียกเพียงชื่อ ‘ฉิงเทียน’ ให้ความรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสนิทชิดเชื้อมากขึ้นไปอีกขั้น ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนยินดีปรีดายิ่งนัก

 

 

“แมวน้อย เรียกอีกครั้งสิ พี่ชอบนัก!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนหลอกล่ออวี้เฟยเยียน

 

 

“ฉิง…เทียน”

 

 

เห็นใบหน้าดื่มด่ำมีความสุขของเขา อวี้เฟยเยียนจึงเรียกขานชื่อเขาอีกครั้งช้าๆ ชัดๆ แผ่วเบา

 

 

“ไพเราะจริงๆ !”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเชยคางนางขึ้น จ้องมองด้วยสายตาลึกซึ้ง

 

 

“นี่เป็นครั้งแรกที่พี่รู้สึกว่าชื่อตัวเองไพเราะถึงเพียงนี้!”

 

 

ผู้คนต่างก็บอกว่า ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก สติปัญญาจะเป็นศูนย์

 

 

การแสดงออกของซย่าโหวฉิงเทียนพิสูจน์ความจริงนี้ได้เป็นอย่างดี

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนในตอนนี้ก็เป็นไอ้หนุ่มจอมทึ่มที่กำลังตกบ่วงแห่งความรักเข้าอย่างจัง!

 

 

เมื่อก่อนอาจเห็นว่าเขาเย็นชาไร้หัวใจ แต่ตอนนี้กลับพูดภาษารักเป็นชุด จนอวี้เฟยเยียนชักจะสงสัยแล้วว่าเขาเป็นยอดฝีมือเรื่องความรักหรือเปล่า!

 

 

แต่เรื่องความหลงตัวเองของซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็นับว่าให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี

 

 

“ชื่อท่านไพเราะจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อข้าเป็นผู้เรียกขาน ยิ่งไพเราะขึ้นอีกเป็นพิเศษ”

 

 

ในเมื่อคบหากับชายคนรักที่หลงตัวเอง นางในฐานะที่เป็นคนรักของเขาก็จะต้องให้ความร่วมมือให้ดีที่สุด จึงถือเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบ

 

 

“แมวน้อย วันนี้เจ้ากินน้ำผึ้งเข้าไปหรือไร เหตุใดปากถึงได้หวานล้ำเพียงนี้”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวจบก็ประกบริมฝีปากจูบอวี้เฟยเยียนทันที

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนคบหาเป็นคนรักกันแล้ว แต่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับรู้สึกว่าเขายังไกลจากนางอยู่มากนัก รู้สึกว่ามีช่องว่างบางอย่างที่ยังเติมไม่เต็มอยู่ในใจ เพราะอะไรกันแน่นะ

 

 

คนทั้งสองจุมพิตมอบความหวานให้กันอย่างเร่าร้อนอยู่บนหลังคา แต่เชียนลั่วเฉิงที่อยู่ในห้องบรรทมกลับกำลังเจ็บปวดเจียนตาย

 

 

เมื่อทรมานเชียนลั่วเฉิงครั้งใหญ่จนสาแก่ใจแล้ว เยี่ยอ๋องจึงจากไป ทิ้งไว้เพียงหมอหลวงหลี่อยู่กับเชียนลั่วเฉิง

 

 

เมื่อตรวจสอบบาดแผลแล้ว หมอหลวงหลี่ถึงกับอกสั่นขวัญแขวน

 

 

เยี่ยอ๋องน้ำมือเ**้ยมโหดยิ่งนัก!

 

 

บาดแผลพุพองทั้งในปากและลำคอของเชียนลั่วเฉิง ล้วนมีขนาดใหญ่ประมาณเม็ดถั่วเขียวเห็นจะได้

 

 

ซึ่งบาดแผลเหล่านั้นส่วนใหญ่ปริแตกออกมา

 

 

น้ำเหลืองจากบาดแผลและเลือดสดๆ ไหลรวมกัน ทรมานจนแทบทนดูไม่ได้เลยทีเดียว!

 

 

หลายปีที่ผ่าน เชียนลั่วเฉิงรักเยี่ยอ๋องยิ่งนัก เอาอกเอาใจทุกอย่างสารพัด มีของกินอะไรดีๆ หรือของเล่นอะไรดีๆ มันจะส่งไปที่จวนเยี่ยอ๋องเป็นที่แรก

 

 

เทียบกันแล้ว เยี่ยนอ๋องกลับกลายเป็นอ๋องที่ไม่มีใครรักจึงเทียบอะไรกับเยี่ยอ๋องไม่ได้เลย

 

 

ตอนนี้ เชียนลั่วเฉิงถูกเยี่ยอ๋องทรมานจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หมอหลวงหลี่จึงได้แต่ทอดถอนใจขณะเดียวกันก็พยายามช่วยให้เชียนลั่วเฉิงสบายขึ้นให้มากที่สุด

 

 

“ฝ่าบาท ทรงอดทนไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

เหงื่อเม็ดโตมากมายผุดออกมาตามหน้าผากและไรผมของหมอหลวงหลี่

 

 

เขาพยายามเจาะตุ่มพองให้แตกอย่างระมัดระวัง แล้วทายาลงไปอย่างเบามือ

 

 

แต่ทว่าถึงแม้ว่าหมอหลวงหลี่พยายามระมัดระวังอย่างเต็มที่ แรงที่ใช้ก็พยายามควบคุมไปเบาที่สุด แต่ทว่าเมื่อผงยาสีขาวโดนบริเวณตุ่มน้ำพองในปาก เชียนลั่วเฉิงก็ยังเจ็บปวดจนตัวสั่น ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกโปน จ้องมองมาที่หมอหลวงหลี่เขม็ง

 

 

“อ๊าก…”

 

 

เขาพูดจาไม่ได้ จึงได้ใช้เสียงร้องออกมา เพื่อแสดงออกถึงความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้ว่าทรงเจ็บปวดยิ่งนัก!”

 

 

“แต่หากไม่ทายาละก็ อากาศที่ร้อนเพียงนี้ ไม่นานบาดแผลจะเน่าเละ ถึงตอนนั้นพระองค์ก็จะยิ่งเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่านี้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

เมื่อเห็นเชียนลั่วเฉิงปิดปากสนิท ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับตนเองหมอหลวงหลี่ก็ตื่นตระหนก

 

 

“ฝ่าบาท ทรงอดทนหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ โปรดฟังคำที่หม่อมฉันเตือนเถอะนะพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

ถึงแม้เชียนลั่วเฉิงจะโกรธแค้นกับท่าทีเมื่อครู่ของหมอหลวงหลี่ยิ่งนัก แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาการป่วย ความเจ็บปวด การทรยศหักหลังของบุตรชายรวมทั้งความเจ็บปวดจากบาดแผลที่บนร่างกายแล้ว เขาก็พยายามอดทนมากขึ้นไม่น้อย

 

 

อย่างน้อยที่สุด หมอหลวงหลี่ก็ยังตั้งใจให้การรักษาเขา

 

 

เทียบกันแล้วยังดีกว่าเชียนเจิ้นหยาง (เยี่ยอ๋อง) เจ้าลูกทรพีนั่นมากกว่าอีก!

 

 

อีกอย่าง เขายังตายตอนนี้ไม่ได้!

 

 

หากเขาตายอยู่ในวังหลังแห่งนี้ มิเพียงแต่คนชั่วจะได้สมใจ ยังจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนทั่วหล้า!

 

 

เชียนลั่วเฉิงจินตนาการออกเลยว่า ซย่าโหวจวินอวี่เมื่อได้ยินข่าวนี้เข้าจะหัวเราะด้วยความเปรมปรีดิ์สักเพียงใด!

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้เชียนลั่วเฉิงก็ยิ่งแค้นเคืองเชียนเจิ้นหยางและหลิวกุ้ยเฟยมากขึ้นเป็นทวีคูณ

 

 

ศัตรูภายใน เป็นสิ่งที่เขามิได้คาดคิดมาก่อน…

 

 

หญิงที่เขาโปรดปรานที่สุด ลูกชายที่เขารักที่สุด ในช่วงเวลาสำคัญพวกเขากลับใช้มีดแทงเขา มันเจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

 

 

ในตอนนั้นเองจู่ๆ เชียนลั่วเฉิงก็นึกถึงฉู่ฮองเฮาขึ้นมา

 

 

ในตอนที่ถูกส่งไปอยู่ตำหนักเย็น จิตใจนางคงเจ็บปวดจนด้านชาเช่นนี้หรือไม่…

 

 

อีอี ข้า…รู้สึกผิดขึ้นมาแล้วจริงๆ

 

 

จิตใต้สำนึกอันแข็งกล้าที่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อทำให้เชียนลั่วเฉิงพยายามอ้าปากให้ความร่วมมือกับหมอหลวงหลี่ เขายังไม่อยากตายและยังตายไม่ได้ ดังนั้นเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!

 

 

เมื่อได้รับความร่วมมือจากเชียนลั่วเฉิง งานต่อจากนั้นของหมอหลวงหลี่ก็ง่ายขึ้นมาก

 

 

“ฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไรขอพระองค์อย่าได้ทรงคั่งแค้นโกรธเคืองเป็นเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ โทสะส่งผลเสียต่อร่างกาย!”

 

 

ด้วยไม่รู้ว่าในห้องนี้มีหูตาของเชียนเจิ้นหยางอยู่เท่าไหร่ หมอหลวงหลี่จึงมิกล้าพูดอะไรมาก ทำได้เพียงปลอบใจเชียนลั่วเฉิงเสียงเบา

 

 

ข้าเข้าใจแล้ว!

 

 

เชียนลั่วเฉิงหลับตาลง เวลาเพียงแค่คืนเดียว เขาแก่ชราลงไปมาก

 

 

“หึๆ คราวนี้มีละครดีๆ ให้ดูแล้ว!”

 

 

อวี้เฟยเยียนเอาแผ่นหลังคาปิดลงไปดังเดิม ยิ้มเยาะราวกับดีใจที่ได้เห็นภาพนั้น

 

 

ดูแล้วเชียนลั่วเฉิงคงจะมิยอมแพ้ง่ายๆ สุนัขอย่างพวกเขากัดกันเอง ละครฉากเด็ดเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!

 

 

“ฉิงเทียน เจ้าว่า ข้าจะใจดีช่วยเชียนลั่วเฉิงสักครั้งเป็นอย่างไร”

 

 

หากปราศจากร่างกายที่แข็งแรง เห็นทีเขาคงยากที่จะชนะได้!

 

 

ระหว่างฝ่าบาทและเยี่ยอ๋องย่อมต้องเกิดศึกที่โหดร้ายขึ้นสักวัน แต่ตอนนี้เชียนลั่วเฉิงเป็นอัมพาตอยู่ แล้วมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรเล่า!

 

 

ขอเพียงแต่ให้ทั้งสองฝ่ายมีพลังพอฟัดพอเหวี่ยงกัน กัดกันเองจนบาดเจ็บหนักทั้งสองฝ่ายจึงจะดีที่สุด!

 

 

นกกระยางสู้กับหอยกาบ คนตกปลาต่างหากที่ได้ประโยชน์ หลักการก็ง่ายๆ แค่นี้เอง!

 

 

“เจ้านี่นะ…”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนหยิกแก้มอวี้เฟยเยียนอย่างแสนรัก

 

 

“หากเจ้าต้องการเล่น เจ้าก็ตั้งใจลงเล่นให้เต็มที่เสียเถิด อย่างไรเสียตรงนี้ก็มีพี่อยู่!”

 

 

ดูเขาพูดเข้าสิ พูดเสียสวยงามเชียว!

 

 

ในสายตาซย่าโหวฉิงเทียน เชียนลั่วเฉิงและเชียนเจิ้นหยางเป็นเพียงคนที่ใกล้ตายเท่านั้น

 

 

ให้โอกาสพวกเขาแสดงความสามารถที่ยังเหลืออยู่ก่อนตาย ให้แมวน้อยได้สนุกสนาน นับเป็นเรื่องที่ไม่เลวเหมือนกัน!

 

 

“ท่านช่างดีจริงๆ เลย!”

 

 

อวี้เฟยเยียนแก้มชนแก้มซย่าโหวฉิงเทียนตรงๆ แล้วค่อยดึงเขาไปสังเกตการณ์ต่อที่ตำหนักหลิวกุ้ยเฟย

 

 

หลังจากที่คราวก่อนนางและซย่าโหวฉิงเทียนบุกเข้ามาก่อกวนที่ตำหนักหลิวกุ้ยเฟยแห่งฉินจื้อแล้ว กลับกลายเป็นว่านางคุ้นเคยกับตำหนักอันหรูหรานี่ราวกับเป็นบ้านตัวเองก็ไม่ปาน

 

 

ในเมื่อแอบมาดูความสนุกตื่นเต้นของเชียนลั่วเฉิงแล้ว จะไม่แวะมาดูหลิวกุ้ยเฟยจะได้อย่างไรกัน!

 

 

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!

 

 

เมื่ออวี้เฟยเยียนไปถึง ก็พบเข้ากับความลับอันยิ่งใหญ่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเข้าให้ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเริ่มเล่าจากหลังคาแห่งตำหนักหลิวกุ้ยเฟย