รอจนกระทั่งเสนาบดีหวังเอ่ยปาก หลิวกุ้ยเฟยถึงกับร้องไห้ออกมา แต่ทว่าสาเหตุที่เชียนลั่วเฉิงเป็นอัมพาตก็ถูกหลิวกุ้ยเฟยแต่งเรื่องว่าเป็นเพราะพระองค์ทรงห่วงใยราษฎร เพราะเรื่องต้าโจวพระองค์ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ภายหลังเมื่อได้ยินว่าหลินเจียงอ๋องทำร้ายปรมาจารย์เยี่ยหง เชียนลั่วเฉิงทั้งร้อนใจและโกรธแค้น สุดท้ายถึงได้ล้มลงไป
หลิวกุ้ยเฟยไม่ได้โง่ นางรู้ดีว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้นางจะไม่หลุดปากเรื่องเยี่ยหงหายสาบสูญไปออกมาเด็ดขาด
เมื่อกลางวันที่ ‘ซย่าโหวฉิงเทียนลงมือ’ ก็ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวนไม่น้อยแล้ว
ชาวบ้านกำลังเล่าลือกันว่าไม่แน่ว่าซย่าโหวฉิงเทียนอาจจะเป็นปรมาจารย์เช่นกัน ต้าโจวมีจอมเทวาแล้ว ตอนนี้ยังมีปรมาจารย์เพิ่มมาอีก ฉินจื้อจะทำอย่างไรกัน
ในเวลาเช่นนี้ หากหลิวกุ้ยเฟยบอกความจริงออกไป จิตใจทุกคนจะต้องหลุดจากควบคุมโดยสิ้นเชิง
นางยังรอคอยที่จะได้เห็นบุตรชายนางครองราชย์ รอคอยที่จะได้เสพสุขตำแหน่งไทเฮาอยู่!
แล้วนางจะทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า!
เสนาบดีหวังไม่เชื่อในคำพูดของหลิวกุ้ยเฟยเลยแม้แต่น้อย!
ช่วงเช้าเสนาบดีหลังยังปรึกษาหารือกับเชียนลั่วเฉิงเรื่องจุดประสงค์การมาที่นี่ของซย่าโหวฉิงเทียนอยู่เลย ในตอนนั้นฝ่าบาทยังทรงปกติทุกอย่าง มีเพียงแต่พระอารมณ์ที่เคร่งเครียดอยู่บ้างแต่ก็มิได้เป็นปัญหาใดๆ
เพียงแค่สองสามชั่วโมงให้หลัง ฝ่าบาทกลับทรงเป็นอัมพาตไปได้อย่างไรกัน!
จะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเป็นแน่!
“พระนาง ขอกระหม่อมพบฝ่าบาทสักครั้งได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เสนาบดีหวังก้าวขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว
“เชิญท่านเสนาบดี!”
หลิวกุ้ยเฟยรู้ดีว่าหากจะกำราบขุนนางเฒ่าผู้นี้ให้อยู่หมัด จะต้องมีหลักฐานพร้อมมูล
ในตอนนั้นเองหลิวกุ้ยเฟยจึงได้เชิญขุนนางผู้ใหญ่ในราชสำนักอีกสองสามคนไปที่ตำหนักด้วย เพื่อให้พวกเขาเห็นเชียนลั่วเฉิงในสภาพที่หางตาชักเกร็ง น้ำลายไหลออกมาจากมุมปากโดยมิอาจควบคุมได้ เหล่าขุนนางพวกนั้นถึงยอมเชื่อว่าคำพูดของหลิวกุ้ยเฟยนั้นเป็นความจริง
แต่ทว่า เพียงเท่านี้ยังมิบรรลุจุดประสงค์ของหลิวกุ้ยเฟย
นางจะต้องใช้โอกาสนี้ บีบให้พวกเขาสนับสนุนให้แต่งตั้งเยี่ยอ๋องขึ้นครองราชย์แทนต่างหากจึงจะสำคัญที่สุด!
“ข้าจะพูดกับพวกท่านตรงๆ แล้วกัน เหตุที่ฝ่าบาททรงกริ้วจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เพราะว่าใต้เท้าเยี่ยหงหายสาบสูญไป”
คำกล่าวนี้ของหลิวกุ้ยเฟย เสนาบดีหวังเชื่อถึงแปดเก้าส่วน
เมื่อช่วงเช้าพูดจนปากเปียกปากแฉะน้ำลายแห้งเหือด ก็มิอาจโน้มน้าวเชียนลั่วเฉิงได้
ฝ่าบาททรงพลิกแผ่นดินตามหาเยี่ยหงเพื่อจะให้นางไปรับมือกับพวกต้าโจว รับมือกับซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้หลัวช่า ดังนั้นสิ่งที่หลิวกุ้ยเฟยกล่าวมาจึงมิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
เพราะเขาติดตามเชียนลั่วเฉิงมาตั้งหลายปี เสนาบดีหวังรู้ดีว่า เชียนลั่วเฉิงมีนิสัยดื้อดึงและเอาแต่ใจ เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ดูจากสถานการณ์แล้ว คงเป็นเพราะฝ่าบาททรงพระทัยร้อนและเป็นกังวลเรื่องของเยี่ยหงมากเกินไปจนทำให้ล้มป่วยลงเช่นนี้
เพียงแต่ว่า เยี่ยหงหายสาบสูญไป มันมิใช่ลางดีเลย!
เสนาบดีหวังเริ่มเป็นกังวลขึ้นมา
เดิมทีต้าโจวก็จ้องจะเล่นงานฉินจื้ออยู่แล้ว มาตอนนี้ฝ่าบาทก็ทรงมาเป็นเช่นนี้อีก ปรมาจารย์เยี่ยหงที่จะสามารถต่อกรกับต้าโจวได้ก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย เรื่องนี้หากแพร่งพรายออกไป หัวใจชาวฉินจื้อจะต้องสั่นคลอนเป็นแน่
“ท่านทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนแต่เป็นเสาหลักของบ้านเมือง ขุนนางสำคัญของราชสำนัก”
“ฝ่าบาทในตอนนี้ ข้าเองที่เป็นหญิงก็อกสั่นขวัญแขวนยิ่งนัก ไร้ซึ่งทิศทาง ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดีพวกท่านว่าในตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไร”
ถึงแม้ปากหลิวกุ้ยเฟยจะพูดเช่นนี้ แต่ขุนนางที่อยู่ ณ ที่นั้นล้วนแต่เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งสิ้น แล้วจะไม่รู้ความในใจหลิวกุ้ยเฟยและเยี่ยอ๋องสองแม่ลูกนี่ได้อย่างไรกันเล่า
ความคิดของแม่ลูกคู่นี้น่ากลัวยิ่งนัก!
ฝ่าบาททรงเกิดเรื่อง พวกเขาก็รีบขึ้นแทนที่จนแทบรอไม่ไหว
หากฉู่ฮองเฮายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ก็คงดี พระนางจะต้องโผเข้าไปเคียงข้างฝ่าบาทแล้วถามหายา ตามหาหมอเพื่อมารักษาฝ่าบาทไป แต่ทว่า หญิงที่จิตใจดีงามฝ่าบาทมิทรงโปรด พระองค์ทรงโปรดปรานหญิงที่จิตใจเ**้ยมโหดราวกับงูพิษเช่นนี้ แล้วจะโทษใครได้เล่า!
“พระนาง ในเมื่อท่านหมอหลวงหวังก็ได้บอกแล้วว่าฝ่าบาทจะต้องทรงรักษาพระวรกายสักพัก หม่อมฉันจึงคิดว่า เรื่องราชกิจแคว้นมิควรให้ฝ่าบาทต้องทรงเหน็ดเหนื่อยอีก เช่นนั้นให้เยี่ยอ๋องทรงดูแลจัดการราชกิจเป็นเวลาชั่วคราว รอจนฝ่าบาททรงมีพระพลานมัยดีขึ้นแล้ว ค่อยว่ากันพ่ะย่ะค่ะ!”
เสนาบดีหวังจะไม่สนับสนุนเยี่ยอ๋องขึ้นครองราชย์โดยตรงเป็นแน่
เพราะอย่างไรเสีย ฝ่าบาทต่างหากจึงทรงเป็นเจ้านายที่ใหญ่ที่สุด พระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ต่อให้เพียงเฮือกสุดท้ายก็ตาม ก็ยังไม่ใช่หน้าที่ที่ขุนนางจะมาตัดสินใจได้
ยิ่งไปกว่านั้น เกิดพระองค์หายดีขึ้นมาเล่าแล้วพระองค์จะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
พระองค์จะมาคิดบัญชีทีหลังหรือไม่ก็ไม่รู้
ตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรโดยเด็ดขาด เท่ากับเป็นการให้ความหวังทั้งสองฝ่าย ภายหน้าไม่ว่าเชียนลั่วเฉิงจะหายดีหรือเยี่ยอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก็ยังสามารถพูดจากันได้
หลิวกุ้ยเฟยและเยี่ยอ๋องไหนเลยจะไม่รู้ว่าพวกขุนนางเฒ่าเจ้าเล่ห์พวกนี้ พูดในเชิงกลางๆ เช่นนี้ ก็เพราะเกรงว่าภายหน้าจะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงนั่นเอง
ทว่าพวกเขาก็ถือว่ารู้ความ จึงไม่มีสักคนที่ออกหน้าเพื่อทำหน้าที่ขุนนางผู้จงรักภักดีให้กับเชียนลั่วเฉิง
หลังขุนนางเก่าแก่สองสามคนออกมา นำเรื่องที่เชียนลั่วเฉิงเป็นอัมพาตมาบอกกล่าวแก่ขุนนางคนอื่นๆ แล้ว ทั้งยังแจ้งเรื่องที่ว่าเยี่ยอ๋องจะบริหารราชกิจหน้าที่แทนฝ่าบาทชั่วคราวแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครคัดค้าน
สำหรับพวกที่หัวแข็งไม่ยอมปฏิบัติตามรวมทั้งพวกขุนนางเก่าแก่ที่ยังยืนยันว่าจะพบกับเชียนลั่วเฉิงให้จงได้ก็จะถูกแม่ทัพหูลากออกมาสำเร็จโทษ ณ ที่นั้นเลย
เมื่อมีตัวอย่างที่เปื้อนเลือด ไม่นานทุกคนก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ทั้งหมด
“น่าสงสารเสียจริง!”
อวี้เฟยเยียนดึงแผ่นหลังคาวังหลวงออก เพื่อมองดูเหตุการณ์ความเป็นไปด้านในกล่าวขึ้น
“เชียนลั่วเฉิงผู้นี้จะต้องเลวสักเพียงไหนกันนะ! ถึงทำให้ลูกเมียของเขาหวังให้เขาตายมากขนาดนี้ ส่วนขุนนางเขาก็มีเพียงไม่กี่คนที่จงรักภักดีต่อเขา คนผู้หนึ่งอยู่ไปวันๆ ได้จนมาถึงเพียงนี้ ล้มเหลวอย่างราบคาบจริงๆ ”
“ใช่ ล้มเหลว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนเห็นด้วยกับคำพูดอวี้เฟยเยียนเป็นอย่างมาก
นี่เท่ากับล้มเหลวในความเป็นคน!
ทำจนตัวเองมีสภาพเช่นนี้ ขนาดลูกหน่ายหนีไปกันหมด!
แต่ทว่า เมื่ออวี้เฟยเยียนได้เห็นสภาพอันน่าอนาถของเชียนลั่วเฉิง นางกลับดีอกดีใจเป็นอย่างมาก!
ใครใช้ให้เขาเป็นคนเลว ทรยศต่อบุญคุณคน ท่านหลงใหลเมียน้อยละเลยเมียเอก ยังลงมือเ**้ยมโหดกับบุตรสาวแท้ๆ ของตัวเอง…เป็นอย่างไรเล่า ตอนนี้เวรกรรมตามสนองท่านแล้ว!
คนเลวมันจะถูกทรมานโดยคนเลวจริงๆ!
“พวกเราไปดูเชียนลั่วเฉิงกันเถอะ!”
เมื่อคิดถึงว่าเชียนลั่วเฉิงทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ยจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนก็อยากจะโผล่หน้าไปให้เขาเห็น ให้เขาเจ็บใจเล่นๆ สักหน่อย
ใครใช้ให้ท่านไม่ดูตาม้าตาเรือเล่า!
สมน้ำหน้า
ถึงแม้ว่าในตอนนี้ร่างกายเชียนเยี่ยเสวี่ยจะยังไม่หายดีทั้งหมด ยังมิสามารถมาแก้แค้นได้ แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าอวี้เฟยเยียนจะทำอะไรเล็กๆ น้อยกับเชียนลั่วเฉิงไม่ได้
เมื่อคนทั้งสองถึงตำหนักบรรทมของเชียนลั่วเฉิง พอดีกับที่หมอหลวงหลี่กำลังต้มยาเพื่อป้อนให้กับเชียนลั่วเฉิงพอดิบพอดี
“ให้ข้าทำเอง!”
เมื่อได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการแล้ว เยี่ยอ๋องก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เขาเดินด้วยท่าทางองอาจเข้าไปรับถ้วยยาจากหมอหลวงหลี่
“เสด็จพ่อ ขอเสด็จพ่อทรงวางพระทัย ลูกจะเป็นฮ่องเต้ที่ดี!”
เยี่ยอ๋องยิ้มร้าย ว่าแล้วเขาก็แสร้งมือไม่มีแรง ยาที่กำลังร้อนระอุหกรดลงที่อกเชียนลั่วเฉิงทั้งหมด
ตอนนี้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว อากาศจึงร้อนเป็นอย่างมาก เชียนลั่วเฉิงสวมเพียงแค่ชุดบรรทมสีขาวที่บางเบาเพียงชั้นเดียว ถูกยาร้อนๆ หกรดทั้งชามทำให้มิเพียงแต่ชุดเขาเลอะเทอะ ส่วนลำคอทั้งหมดก็ถูกยาร้อนๆ ลวกจนแดงเถือก
“อ๊าก…”
เชียนลั่วเฉิงถึงแม้ว่าจะเป็นอัมพาตแต่สมองของเขายังชัดเจนดีทุกอย่าง
เมื่อมองดูบุตรชายที่เขาสู้รักและทะนุถนอมกเลี้ยงมาสิบกว่าปี พลันเขาก็รู้สึกราวกับว่าบุตรชายเป็นคนแปลกหน้าที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก เขาถลึงตาโตด้วยอารมณ์โกรธแค้นจ้องมองไปที่เยี่ยอ๋อง
“ไอ้หยา เสด็จพ่อ ลูกต้องขออภัยพ่ะย่ะค่ะ จู่ๆ มือมันก็ไม่มีแรงไม่ถือชามยาให้ดี ทำให้เสด็จพ่อตกพระทัยแล้ว! หมอหลวงหลี่ ไปยกมาอีกชาม จำไว้จะต้องร้อนๆ นะ!”
เห็นฝ่าบาททรงถูกกลั่นแกล้งด้วยตาตนเอง หมอหลวงหลี่ถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่นงันงก
ดูท่าในตอนนี้ เรื่องเยี่ยอ๋องจะขึ้นเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่จะเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเสียแล้ว
แม้ว่าในใจหมอหลวงหลี่จะเข้าข้างเชียนลั่วเฉิง แต่ก็มีใจไร้สามารถ ทำได้เพียงทำตามคำสั่งของเยี่ยอ๋อง ไปยกยาร้อนถ้วยใหม่เข้ามา
“เสด็จพ่อ ลูกป้อนยาเสด็จพ่อนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เยี่ยอ๋องแสยะยิ้มน่ารังเกียจออกมา เขาบีบปากเชียนลั่วเฉิง แล้วกรอกยาทั้งชามลงไป
“แค่กๆ!…”
ยาชามนี้ร้อนกว่าชามที่แล้วมากนัก
เยี่ยอ๋องบีบปากเชียนลั่วเฉิงอยู่อย่างนั้นมิยอมให้เขาหุบปาก ยาร้อนระอุไหลลงไป ลวกปาก ลวกลำคอของเชียนลั่วเฉิงจนกลายเป็นแผลพุพองแดงก่ำไปทั่ว
“อ๊าก…”
เชียนลั่วเฉิงทั้งเจ็บตัวทั้งโกรธแค้นและเจ็บปวดใจ น่าเสียดายที่เขาไม่มีแม้เรี่ยวแรงแม้แต่จะพูด
เนื่องจากอาการอึดอัดใจตื่นตระหนกอย่างหนัก ทำให้ปากแผลพุพองในปากเชียนลั่วเฉิงปริแตก เขาจึงกระอักเลือดสีแดงสดออกมา
“หมอหลวงหวัง มาดูเร็ว เหตุใดเสด็จพ่อถึงได้กระอักเลือดออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน”
เยี่ยอ๋องแสร้งประคองเชียนลั่วเฉิงขึ้นมา มือใหญ่เขาตบเข้าที่หลังเชียนลั่วเฉิงอย่างแรง
หมอหลวงหลี่รีบเข้ามาจับชีพจรตรวจอาการของฝ่าบาททันที
“อ๊าก!”
เชียนลั่วเฉิงจ้องเขม็งไปที่หมอหลวงหลี่สายตาเจ็บแค้น ทว่าในตอนนี้สายตาเชียนลั่วเฉิงหาได้มีความหมายอะไรอีกต่อไป เพราะหมอหลวงหลี่ตัดสินใจมองข้ามสายตาของเชียนลั่วเฉิงไปเสียแล้ว
เขายังมีบรรพชน มีครอบครัว…
เขายังมีห่วงอีกมากนัก เพื่อครอบครัวเพื่อคนรักแล้ว เขาได้แต่เชื่อฟังคำสั่ง
“เป็นอย่างไรบ้าง หมอหลวงหลี่ เมื่อไหร่เสด็จพ่อถึงจะดีขึ้น”
เยี่ยอ๋องหยิบเชียนลั่วเฉิงขึ้นมา แล้วทิ้งร่างของเขาลงบนเตียง
“ทูลท่านอ๋อง เกรงว่าฝ่าบาทจะทรงไม่ดีขึ้นมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ท่านว่าอะไรนะ”
เยี่ยอ๋องจับคอเสื้อหมอหลวงหวังขึ้นมาด้วยมือเดียว เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวตื่นตระหนกของเขาแล้วจึงยอมปล่อมมือ
จากนั้นเยี่ยอ๋องก็ยกมือขึ้นจัดเสื้อผ้าให้กับหมอหลวงหลี่ แล้วตบที่บ่าของหมอหลวงอย่างแรงสองครั้งกล่าวว่า
“หมอหลวงหลี่ ความหมายของข้าก็คือ ให้เสด็จพ่อทรงพักผ่อนอย่างสงบตลอดไป ท่านเข้าใจหรือยัง ข้านั้นเป็นลูกกตัญญู ตอนนี้ยังอาลัยอาวรณ์เสด็จพ่ออยู่!”
“พ่ะย่ะค่ะ! คำสั่งการของท่านอ๋องผู้น้อยเข้าใจแล้ว! ผู้น้อยจะปฏิบัติตามแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฉลาดจริงๆ! ข้าชอบพูดคุยกับคนที่ฉลาดเยี่ยงเจ้านี่แหละ!”
เยี่ยอ๋องตบที่แก้มหมอหลวง แล้วหัวเราะออกมา
“โอ้โห นี่ยังต้องการให้พ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองให้ตายให้ได้เลยหรือนี่!”
อวี้เฟยเยียนที่นอนราบอยู่บนหลังคา มองดูฉากคนที่ไม่ใช่คนฉากนั้นตาโต
เยี่ยอ๋องผู้นี้ จิตใจเ**้ยมโหดยิ่งนัก!
สมกับเป็นทายาทของเชียนลั่วเฉิงจริงๆ สืบทอดความชั่วร้ายเลวทรามของเขามาเต็มๆ !
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ เลย!
เชียนลั่วเฉิง ในที่สุดท่านก็ได้เห็นโฉมหน้าของลูกชายสุดที่รักเสียทีนะ!