อวี้เฟยเยียนและซย่าโหวฉิงเทียนแสดงความรักต่อกันอย่างมากมาย เดี๋ยวกอดเดี๋ยวจูบ
ทว่าเชียนลั่วเฉิงที่อยู่ในวังหลวงกลับกำลังอมทุกข์หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างหนัก เพราะเพิ่งได้รับรายงานข่าวด่วนที่เหนือความคาดหมายมาหมาดๆ มันโจมตีเขาจนแทบกระอักเลือด
“อะไรนะ เจ้าบอกว่าตี้อู่หงเยี่ยจากไปโดยไม่ลา”
หลังจากรู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนมาถึงที่ฉินจื้อนี่ เชียนลั่วเฉิงก็เอาแต่คิดใคร่ครวญว่าจะรับมือกับเหตุการณ์ที่ผกผันเช่นนี้อย่างไรดี
แต่ไม่ว่าเสนาบดีหวังจะห้ามปรามอย่างไร เชียนลั่วเฉิงก็ยังคงคิดว่าลงมือก่อนได้เปรียบอยู่ดี
บัดนี้ต้าโจวได้กลายเป็นหนามยอกอกของเชียนลั่วเฉิงไปเสียแล้ว
มีอวี้เฟยเยียนเป็นจอมเทวาแล้วคนหนึ่ง มาตอนนี้ยังมีอวี้หลัวช่าที่เป็นจอมเทวาพ่วงด้วยจักรพรรดิโอสถมาอีกคน ซย่าโหวฉิงเทียนก็เก่งกาจปานนั้น อำนาจและพลังของต้าโจวทำให้เชียนลั่วเฉิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่น้อย
เชียนลั่วเฉิงรู้จักซย่าโหวจวินอวี่มาหลายปี รู้ดีว่าซย่าโหวจวินอวี่เป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูงมากคนหนึ่ง
บัดนี้ ต้าโจวมีพร้อมสรรพทุกด้านทั้งยุทธภูมิที่ได้เปรียบเวลาที่เหมาะสม ทรัพยากรบุคคลที่เก่งกาจ
แล้วซย่าโหวจวินอวี่จะปล่อยฉินจื้อไปได้อย่างไรกัน!
ซีเย่ว์ ก็เป็นตัวอย่างชั้นดีมิใช่หรือ!
ซย่าโหวจวินอวี่แต่งเรื่องโกหกขึ้นมา คำโกหกคำโตของเขากลายเป็นจุดชักนำกองทหารแห่งต้าโจวได้ แล้วนับประสาอะไรกับฉินจื้อที่มีความแค้นกับต้าโจวมาช้านาน
ต้าโจวกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยความยากลำบาก จะต้องกัดฉินจื้อไม่ปล่อยเป็นแน่
เขาจะนั่งรอความตายไม่ได้!
เชียนลั่วเฉิงรู้ดีว่า ด้วยกำลังของฉินจื้อในตอนนี้มิอาจปะทะกับต้าโจวตรงๆ ได้
เพราะฉินจื้อไม่มีจอมเทวา แต่ต้าโจวจู่ๆ ก็จอมเทวาพร้อมกันถึงสองคนทั้งอวี้เฟยเยียนและอวี้หลัวช่า ถึงแม้ว่าเขายังไม่รู้วรยุทธ์ของซย่าโหวฉิงเทียน แต่สามารถเตะตี้อู่หงเยี่ยจนกระเด็นออกไปได้ เขาต้องสำเร็จขั้นจอมราชาเป็นอย่างน้อย
ในเมื่อปะทะกันซึ่งหน้า เชียนลั่วเฉิงมิอาจต้านทานซย่าโหวจวินอวี่ได้
เช่นนั้นก็มีเพียงแต่เล่นสกปรกแล้ว!
เดิมทีเชียนลั่วเฉิงคิดจะให้เยี่ยหงเข้าช่วย เพื่อเบิกทางให้กับยอดฝีมือข้างกายของนาง
ก่อนหน้านี้ในขณะที่เชียนลั่วเฉิงและตี้อู่หงเยี่ยตกลงเงื่อนไขกันนั้น ยอดฝีมือท่านนั้นเคยปรากฏโฉมหน้าครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นที่เยี่ยหงแนะนำคนผู้นั้นให้เชียนลั่วเฉิงรู้จัก นางบอกว่าเขาคือวีรชนอาวุโส
วีรชนอาวุโสหนึ่งคน จะขยี้จอมเทวาให้แหลกคามือนับเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก
เวลานี้ฉินจื้อกำลังตกที่นั่งลำบาก ทางเดียวที่เชียนลั่วเฉิงิคิดได้นั่นก็คือ จะต้องเชิญยอดฝีมือผู้นั้นออกหน้า กำจัดอวี้หลัวช่า อวี้เฟยเยียนและซย่าโหวฉิงเทียนให้จงได้
เมื่อไม่มีจอมเทวาให้พึ่งพา ซย่าโหวจวินอวี่ก็ต้องหมดแรง ต้าโจวก็จะทำอะไรฉินจื้อไม่ได้!
ถึงตอนนั้น ใครจะอยู่ใครจะไป ก็ยังไม่แน่!
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของแคว้นฉินจื้อ เชียนลั่วเฉิงจึงมิอาจลังเลอะไรได้อีก
ขอเพียงยอดฝีมือท่านนั้นยอมออกหน้าช่วยเหลือ แม้เขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าไหร่เขาก็ยินยอม!
เมื่อคิดตกแล้ว เชียนลั่วเฉิงจึงให้คนไปที่ที่พำนักของตี้อู่หงเยี่ยเพื่อเชิญนางและยอดฝีมือท่านนั้นเข้าวังเพื่อหารือการใหญ่
ทว่าเขาให้คนไปค้นทั่วทั้งที่พำนักตี้อู่หงเยี่ยแล้ว ก็ไม่พบนางยิ่งมิต้องพูดถึงยอดฝีมือลึกลับคนนั้นเลย
“เป็นไม่ได้!”
เชียนลั่วเฉิงบีบหัวมังกรบนพระที่นั่งแน่น
เยี่ยหงยังหาหนานกงจื่อหลิงไม่เจอ แล้วจะจากไปได้อย่างไรกัน!
“หาต่อไป! จะต้องหาใต้เท้าเยี่ยให้เจอให้จงได้!”
เชียนลั่วเฉิงจิตใจร้อนรุ่มทั้งคืน หากว่าความปรารถนาข้อนี้ของเขาสำเร็จ จะให้ถือศีลกินเจตลอดชีวิตเขาก็ยอม
แต่ทว่า ข่าวที่ได้รับรายงานมาอย่างต่อเนื่องมันยิ่งเป็นการโจมตีเชียนลั่วเฉิงให้แพ้อย่างราบคาบ
หาเยี่ยหงไม่เจอ บุคคลที่เขาเรียกว่ายอดฝีมือนั่นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!
เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!
เชียนลั่วเฉิงโมโหจนคำรามออกมาเสียงดังสนั่น หลังจากนั้นก็เป็นลมล้มไป เสมหะติดที่ลำคอ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาเหลือก พูดไม่ออก
“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้รับแจ้งข่าว หลิวกุ้ยเฟยก็ร้องห่มร้องไห้ข้ามวันข้ามคืน
จนกระทั่งหมอหลวงมาตรวจอาการให้กับเชียนลั่วเฉิง ผลที่ออกมานั่นก็คือ เชียนลั่วเฉิงธาตุไฟเข้าแทรกถึงหัวใจจนกลายเป็นอัมพาต ต่อไปจะต้องรักษาตัวให้ดี ไม่อาจเหน็ดเหนื่อยหรือกังวลใจใดๆ ได้อีก คราวนี้ หลิวกุ้ยเฟยยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก
“พระนาง ใต้เท้าเยี่ยคือราชันจักรพรรดิโอสถ พระองค์สามารถเชิญท่านมารักษาได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
หมอหลวงทูลขึ้น
ทว่าเขากลับมิได้รู้ข่าวคราวที่ว่าเยี่ยหงหายสาบสูญไปเลยแม้แต่น้อย
จวบจนกระทั่งหลิวกุ้ยเฟยเรียกขันทีที่เข้าเวรวันนั้นมาถามสาเหตุที่ทำให้เชียนลั่วเฉิงล้มป่วย ก็ได้ความว่าเหตุเพราะเยี่ยหงหายไปอย่างไร้ร่องรอย คราวนี้ทำเอาหมอหลวงถึงกับหมดหนทาง
“ในเมื่อใต้เท้าเยี่ยไม่อยู่ พระนาง ยังมีใต้เท้าอวี้หลัวช่านะพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นถึงจักรพรรดิโอสถ…”
“ไม่ได้!”
ข้อเสนอแนะของหมอหลวง ถูกเยี่ยอ๋องที่ประทับอยู่ที่วังหลวงมาตลอดหลายคืนปฏิเสธทันทีทันใด
“อวี้หลัวช่าเป็นคนรักซย่าโหวฉิงเทียน ซย่าโหวฉิงเทียนไม่ใช่คนดี!”
เยี่ยอ๋องประคองหลิวกุ้ยเฟย จ้องมองหมอหลวงหลี่ด้วยสีหน้าดุดัน
“ปีนั้น ก่อนซย่าโหวฉิงเทียนจะไปจากฉินจื้อนั่นก็ลั่นวาจาเอาไว้ว่า สักวันหนึ่งเขาจะกลับมา จิตใจที่โหดเ**้ยมของมันไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้ ครั้งนี้หมอนั่นมายังแคว้นฉินจื้อพร้อมกับอวี้หลัวช่า เห็นได้ชัดว่ามาหาเรื่องถึงที”
“หมอหลวงหลี่ ท่านเสนอให้อวี้หลัวช่ามารักษาเสด็จพ่อ ท่านมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ นี่ท่านต้องการจะทำร้ายเสด็จพ่อใช่หรือไม่!”
เป็นหมอหลวงมาช้านาน เหตุใดหมอหลวงหลี่จะมองเจตนาเยี่ยอ๋องไม่ออก
ฝ่าบาททรงเป็นอัมพาต แล้วเยี่ยอ๋องไหนเลยจะยอมหาวิธีทำการรักษาพระองค์ได้เล่า!
แม่ลูกคู่นี้อยากที่จะครอบครองบัลลังก์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร!
ครั้งนี้ เชียนลั่วเฉิงล้มป่วยลง ประจวบเหมาะให้พวกเขาหาเหตุผลที่เหมาะสมได้พอดิบพอดี!
เรื่องส่วนพระองค์ของฝ่าบาท หมอหลวงหลี่ฐานะต่ำต้อย มิอาจเอื้อมเข้าไปยุ่มย่าม จึงทำได้เพียงโขกศีรษะคารวะเยี่ยอ๋องสามครั้งเพื่อให้ทรงอภัย ทั้งยังบอกอีกว่าตนเองแก่ชรามากแล้วจึงเลอะเลือน คิดการณ์ไม่รอบคอบ ยังดีที่เยี่ยอ๋องตักเตือน เขาจึงไม่ได้กระทำผิดครั้งใหญ่ลงไป
เมื่อเห็นว่าหมอหลวงรู้ความ เยี่ยอ๋องก็หัวเราะออกมา
“หมอหลวงหลี่ ท่านคือหมอเก่าแก่แห่งสำนักหมอหลวง แน่นอนว่าวิชาแพทย์ของท่านเชื่อถือได้ พระวรกายของเสด็จพ่อ ข้ามอบให้เป็นหน้าที่ท่านก็แล้วกัน! ท่านจะต้องรักษาเสด็จพ่อให้หายให้จงได้!”
รักษาให้หาย
หมอหลวงหวังถ่มน้ำลายใส่เยี่ยอ๋องอยู่ในใจ
เกรงว่าท่านจะคาดหวังให้ฝ่าบาททรงมีอันเป็นไปในเร็ววันน่ะสิ!
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น แล้วเขาจะทำอะไรได้เล่า!
เชียนลั่วเฉิงมีลูกหลานไม่มาก นอกจากเยี่ยอ๋องและเยี่ยนอ๋องที่อยู่ทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว ยังมีองค์หญิงอีกสามพระองค์ ที่ยังทรงพระเยาว์นัก จึงมิมีเสาหลักให้เลือกสรรเลยแม้แต่คนเดียว
แน่นอนว่า การที่เหล่าพระสนมไม่มีพระสูติกาล ส่วนองค์ชายองค์หญิงก็ด่วนสิ้นไปนั้น เป็นผลงานของหลิวกุ้ยเฟยโดยแท้
ถึงแม้ว่าจะรู้แน่ชัดอยู่ในใจ แต่หมอหลวงหลี่ก็ยังต้องรับบัญชาเยี่ยอ๋องแต่โดยดี
เพราะเขาไม่มีทางเลือก ที่บ้านยังมีคนแก่และเด็ก จึงมิอาจมิทำตามรับสั่งของเยี่ยอ๋องได้
เชียนลั่วเฉิงเองก็มิอาจดีขึ้นได้ในเร็ววัน เยี่ยอ๋องและหลิวกุ้ยเฟยติดต่อตระกูลหลิว ทั้งยังเชื้อเชิญแม่ทัพใหญ่ ซึ่งก็คือบุตรชายหูซา หูจื้อเหนิงมา
แล้วกลุ่มคนพวกนั้นก็ปรึกษาหารือกันครู่ใหญ่ จากนั้นก็มีเสียงระฆังจากหอระฆังหลวงดังขึ้น
“นี่เสียงอะไร”
หลังจากที่ได้ยินเสียงอันดังและยาวนานนั้น อวี้เฟยเยียนก็ชันกายลุกขึ้นนั่ง
“เสียงระฆังหลวง! เห็นที ฉินจื้อคงเกิดเรื่องใหญ่เสียแล้ว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ในเวลาเช่นนี้ จะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นได้
“ไม่อย่างนั้น พวกเราไปแอบดูดีกว่าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ซย่าโหวฉิงเทียนรู้ดีว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยคือเพื่อนรักของอวี้เฟยเยียน ฉินจื้อเกิดเรื่องขึ้นนางย่อมต้องสนใจ
อวี้เฟยเยียนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดของซย่าโหวฉิงเทียนถึงขั้นยกมือสนับสนุนเห็นด้วยทั้งสองมือ
เวลาแบบนี้ จะไม่ไปร่วมแจมความสนุกสนานกับเขาได้อย่างไรกันเล่า!
“กอดพี่เอาไว้!”
ซย่าโหวฉิงเทียนสั่งการ
เขาคุ้นเคยเสียแล้วกับกลิ่นหอมกรุ่นจากเรือนกายอันนุ่มนิ่มของอวี้เฟยเยียน เขาจับมือของนางวางที่เอวตนเสร็จสรรพก็อุ้มนางขึ้นแล้วพานางพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าออกเดินทางไปทันที
เนื่องจากเสียงเคาะระฆังหลวงที่ดังขึ้น ทำให้เมืองหลวงที่กำลังหลับใหลถูกปลุกขึ้นมาในทันทีทันใด
เหล่าขุนนางที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น แต่ละคนสีหน้าหนักอกหนักใจ รีบสวมใส่ชุดว่าราชการแล้วมุ่งหน้าเข้าวังทันที
ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว วังหลวงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ
ในใจของใครหลายคนกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานา คงมิใช่ต้าโจวยกทัพมาหรอกนะ
เพราะอย่างไรเสียเรื่องที่ว่ากองทัพสามแสนของต้าโจวตั้งค่ายอยู่ที่ชายแดนทั้งสองแคว้น มิใช่ความลับอีกต่อไป
มันเป็นไปได้มากทีเดียว!
โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า หลินเจียงอ๋องโอหังเตะปรมาจารย์เยี่ยหงจนกระเด็นเมื่อตอนกลางวัน ลือกันไปทั่วทุกหัวระแหง
อยู่ที่แคว้นฉินจื้อซย่าโหวฉิงเทียนยังยโสโอหังถึงเพียงนี้ หากไม่มีใครหนุนหลังล่ะก็ เขาคงทำเรื่องเช่นนี้ออกมาไม่ได้
ครานี้เขามาที่นี่ก็เพื่อทดสอบทัพหน้าของแคว้นฉินจื้ออย่างแน่นอน!
ตอนนี้ระฆังหลวงก็ดังขึ้นแล้วด้วย เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับต้าโจวเป็นแน่!
กระทั่งขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊เดินเหงื่อไหลไคลย้อยมายังตำหนักจันทราจนครบ แต่ทว่าคนที่พวกเขาพบกลับไม่ใช่เชียนลั่วเฉิงแต่เป็นเยี่ยอ๋องและหลิวกุ้ยเฟย
“ฝ่าบาทเล่า”
เสนาบดีหวังที่ได้ชื่อว่าเป็นขุนนางเก่าแก่ที่สุด จึงกล่าวถามคำถามนี้แทนทุกคน
“ฝ่าบาททรงไม่ไหวแล้ว!”