ตอนที่ 1629 สังหารผู้ไม่เห็นด้วย

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1629 สังหารผู้ไม่เห็นด้วย
“โฮ่ก โฮ่ก!”

ร่างของเต่าดำแม่เหล็กอนันต์นั้นลอยถอยหลังไปไกลจนมันเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง

จู่ๆ เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นมาพร้อมมือที่ไขว้หลัง ด้วยบรรยากาศรอบตัวที่ราวกับเป็นยอดปรมาจารย์

เมื่อทุกคนได้เห็นเงาร่างที่ว่านี้พวกเขาต่างตื่นตกใจจนหน้าซีดเผือดไปตามๆ กัน

อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว!

ทั้งๆ ที่อยู่ในสนามพลังกดการบ่มเพาะแท้ๆ แต่กลับสามารถมีระดับสูงได้ถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว ทั้งยังสามารถทนทานแรงโน้มถ่วงอันรุนแรงและลอยตัวอยู่กลางอากาศได้ คนเช่นนี้จะเป็นใครไปได้นอกจากยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ตัวจริงเสียจริง?

“ยอดผู้อาวุโสที่สอง!”

“ซ่งหยู!”

หลิงจี้คุนและเกาหยุนตะโกนออกมาทันทีอย่างพร้อมเพรียง

ต่างกันแค่ใบหน้าของหลิงจี้คุนแสดงออกมาถึงความยินดี แต่ใบหน้าของเกาหยุนแสดงออกมาถึงความกังวล

เพราะซ่งหยูและเกาหยุนนั้นเป็นนักยุทธในรุ่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่เกาหยุนจะจำใบหน้าของเขาคนนี้ได้ในทันทีที่เห็น

เพียงแค่ว่าซ่งหยูนั้นมีพรสวรรค์ที่มากล้ำกว่าเกาหยุนมาก จึงบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ไปได้นับหมื่นๆ ปีแล้ว

การปรากฏตัวของเขาในครานี้มันทำให้เกาหยุนต้องเหงื่อตก

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของหลิงจี้คุนสีหน้าของทุกคนก็แย่ลงไม่ต่างจากเกาหยุนมากนัก

“ซ่งหยู เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ของเจ้าทำแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร? ทั้งๆ ที่คิดจะส่งยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์มาแต่แรกแล้วยังจะไปขอกำลังเรามาด้วยทำไม? คิดจะใช้พวกเราเป็นหินรองเท้ารึ?” เกาหยุนกล่าวขึ้น

ตอนนี้ทุกคนที่มา นอกจากเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์แล้ว ทุกคนต่างแสดงสีหน้าท่าทางไม่พอใจออกมาอย่างเต็มที่

ดูท่าคำพูดของเกาหยุนคงไปสะกิดใจของพวกเขาทั้งหลายเข้าอย่างจัง ความรู้สึกที่โดนหลอกลวงนี้มันทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ยอดผู้อาวุโสที่สองซ่งหยูนั้นดูแลร่างกายอย่างดีจนมีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างไปจากชายวัยกลางคนนัก

เขาหันมามองหน้าเกาหยุนและกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “เกาหยุน อย่าได้กล่าวหาคนส่งเดช! อาณาจักรราชันพระเจ้าก็มีวิธีของอาณาจักรราชันพระเจ้า อาณาจักรนภาสวรรค์ก็มีวิธีของอาณาจักรนภาสวรรค์ หนึ่งที่ข้ามานั้นก็เพื่อให้ความช่วยเหลือ สองคือข้าได้ให้โอกาสทองแก่พวกเจ้า หากพวกเจ้าคว้าโอกาสนั้นไว้ได้ข้าคนนี้ก็คงไม่คิดจะออกมายุ่งย่าม แต่ตอนนี้เจ้าคิดว่าตัวเองยังมีปัญญาอีกรึ? โอกาสทองในครั้งนี้มันเกินกว่าที่มือของพวกเจ้าจะคว้าจับไว้ได้แล้ว”

ตอนนี้มิใช่แค่เกาหยุน แต่สีหน้าของทุกผู้คนต่างก็ไม่สู้ดี

เพราะคำพูดนั้นของซ่งหยูมันถูกต้อง ด้วยเต่าดำแม่เหล็กอนันต์ที่ปิดทางไว้เช่นนี้ มันไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะมีปัญญาผ่านไปได้

การใช้กำลังมุ่งผ่านไปอย่างไม่คิดนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย

ซ่งหยูจึงพูดขึ้นต่อ “เกาหยุน เจ้าคงไม่ได้คิดโง่ๆ ว่าข้าเป็นนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์คนเดียวที่มาที่นี่หรอกใช่ไหม?”

คำพูดนั้นทำให้ร่างของเกาหยุนต้องสั่นสะท้าน ดวงตาของเขาปรากฏความสิ้นหวังออกมา

เพราะตั้งแต่ตอนที่เขาเห็นเจ้าเต่าดำแม่เหล็กอนันต์ เกาหยุนก็รู้ตัวแล้วว่าโอกาสในครั้งนี้มันคงไม่ตกมาถึงมือของเขาเป็นแน่

แต่เขาก็ยังพยายามทำใจแข็ง หวังว่าจะฉวยโอกาสจังหวะดีๆ แย่งชิงมันมาได้

คนอื่นๆ เองก็คิดไม่ต่างกันนัก ความเป็นจริงช่างโหดร้าย

เมื่อพูดจบซ่งหยูก็กล่าวขึ้นอย่างเต็มเสียง “ออกมาได้แล้ว คงไม่ต้องให้ข้าไปเชิญพวกเจ้าออกมาด้วยตัวเองหรอกมั้ง?”

ตอนนี้พื้นที่รอบๆ นั้นเกิดความเงียบงันขึ้นด้วยคำพูดของซ่งหยู

ซ่งหยูถอนหายใจยาวก่อนจะปล่อยลำแสงดาบออกมาสองครั้ง

ฟู่ว!

ดาบนั้นตัดผ่านอากาศจนเกิดเสียงดัง ทลายหินก้อนหนึ่งจนแหลกเป็นฝุ่นผงไป

จากนั้นก็มีร่างของยอดฝีมือเผ่าปีศาจคนหนึ่งปรากฏกายออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าและพูดขึ้น “เฮอะ เด็กน้อยซ่งหยู เจ้ากล้าท้าทายชายแก่คนนี้เลยรึ? เบื่อที่จะหายใจแล้วกระมัง?”

เมื่อเชียนอันเห็นยอดฝีมือคนนี้เขาก็ตะโกนขึ้นมาอย่างสุดเสียง “ท่านข่านซัว!”

ส่วนอีกด้านฝั่งเย่หยวนนั้นหรี่ตาลงทันที โดยที่สายตาของเขาจ้องมองร่างของยอดฝีมือเผ่าปีศาจนั้นอย่างไม่วางตา

นี่คือคนร้ายที่สั่งการให้ข่านนั่วโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

เย่หยวนไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเจอเขาในที่แบบนี้

มันแย่มาก ด้วยพลังของเขาในตอนนี้มันไม่มีทางใดเลยที่เขาจะต่อต้านอีกฝ่ายได้

“ฮึ่ม! เจ้าเฒ่า อยู่จนแก่หงำเหงือกแล้วก็ยังไม่สามารถบรรลุขึ้นไปจากอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาวได้ จะมาทำตัวอวดดีเรอะ?” ซ่งหยูตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว

ข่านซัวจึงตอบกลับมา “เด็กน้อย ขิงนั้นยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดร้อน! เจ้าได้ใจในความสำเร็จแต่หนุ่ม หากไม่ระวังแม้สักก้าวเจ้าจะต้องมาเสียใจภายหลัง!”

ซ่งหยูจึงพูดขึ้น “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว มาแสดงพลังฝีมือที่แท้จริงกันหน่อยจะเป็นอย่างไร! เล่ออี้เจ้าว่าอย่างไร?”

จากนั้นก็มีเงาร่างอีกร่างปรากฏออกมาจากช่องว่างมิติ นี่คืออีกเป้าหมายการโจมตีของดาบแสงเมื่อสักครู่

คนๆ นี้คือยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ ใบหน้าดูมีอายุไม่เบา และยังมีพลังบ่มเพาะระดับอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวเช่นกัน

เล่ออี้หันมามองซ่งหยูและกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “ข้านั้นมาที่นี่เพียงเพื่อสมบัติเซียนเทียน เรื่องอื่นๆ ข้าไม่เกี่ยวด้วย!”

ซ่งหยูจึงหัวเราะขึ้น “ช่างเป็นคนโลภมากเห็นแก่ตัวนัก! มาจัดการเจ้าสัตว์อสูรนี่ลงก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน”

เล่ออี้หันไปมองเขาหนึ่งครั้ง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธออกมาอีก แม้จะดูท่าไม่ค่อยเต็มใจนัก

เมื่อเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งสามปรากฏกายออกมา ผู้คนที่เหลือก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ

เพราะแม้พวกเขาเหล่านี้จะมีพลังบ่เฉพาะแค่อาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาว แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าเกาหยุนที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวหลายเท่าตัวนัก

แม้ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายจะถูกกดพลังบ่มเพาะไว้เหมือนๆ กับคนอื่น แต่มันกลับทำได้แค่กดพวกเขาลงมาอยู่ในอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว

“เฮอะ อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีเหตุผลบ้าง รอให้เราได้เห็นสมบัติเซียนเทียนจริงๆ ก่อนแล้วค่อยมาตกลงกัน ชายแก่คนนี้อยากเห็นมันกับตาเต็มทีแล้ว!” ข่านซัวตอบ

“โฮ่ก! โฮ่ก! โฮ่ก!”

เสียงร่ำร้องของเต่าดำแม่เหล็กอนันต์ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่งหลังได้ยินคำพูดของคนทั้งสาม

จากนั้นมันก็เปิดปากออกและยิ่งปืนใหญ่พลังวิญญาณอันมหาศาลออกมาใส่คนทั้งสาม

พลังการโจมตีในครั้งนี้มันเหนือล้ำกว่าคราวก่อนๆ มาก

“ฮึ่ม! เจ้าสัตว์ชั้นต่ำ!”

ซ่งหยูสบถออกมาและเงยหน้าขึ้นฟันดาบออกไป

ส่วนอีกสองคนก็ไม่ได้เอาแต่อยู่นิ่งๆ พวกเขาต่างแสดงพลังฝีมือของตัวเองออกมา

ไม่นานนักพวกเขาก็ได้เห็นภาพของพลังวิญญาณปลิวลอยไปทั่วทั้งหุบเขา

ปัง! ปัง! ปัง!

เต่าดำแม่เหล็กอนันต์นั้นจะสามารถต้านทานคนทั้งสาม ได้อย่างไร? สุดท้ายมันจึงถูกรุมโจมตีอย่างหนักหน่วง

แต่ทว่าตัวมันเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าที่ควร

ข่านซัวพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าเต่ายักษ์นี่มันมีหนังที่แข็ง เนื้อที่หนา เราไม่สามารถทำอะไรมันได้มากมายเลย เราไม่ควรมายุ่งง่วนอยู่กับมันแล้วมุ่งหน้าไปยังสมบัติเลยจะดีกว่า!”

ทั้งสองคนนั้นพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่มีการลังเล

แต่ตอนนั้นเองที่สายตาของข่านซัวหันมามองเย่หยวน

เย่หยวนสะดุ้งตัวขึ้นในทันทีราวกับว่าตอนนี้เขากำลังถูกสัตว์ร้ายหมายเอาชีวิต

และเย่หยวนก็รีบหันหน้าวิ่งหนีออกไปอย่างไม่รีรอ!

ข่านซัวจึงหัวเราะขึ้น “เด็กน้อย ไม่ว่าเจ้าจะโกรธแค้นข้ายังไง แต่ชายแก่คนนี้ก็ไม่อยากจะปล่อยให้ตัวอันตรายเช่นเจ้ามีชีวิตอยู่อีกต่อไป!”

พูดจบข่านซัวก็ชี้นิ้วออกมา ปล่อยพลังงานอันมหาศาลพุ่งทะลุผ่านอากาศเข้าตรงใส่เย่หยวนในทันที

ข่านซัวนั้นแค่โจมตีอย่างสบายๆ แต่มันกลับกลายเป็นท่าสังหารเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน!

ไม่มีใครขยับตัวได้ทันทีทำอะไร ตอนที่เจิ่งชีหันไปเห็นการโจมตี พลังนั้นมันก็เคลื่อนที่ไปอยู่ตรงหน้าเย่หยวนเสียแล้ว

“เย่หยวน!” เจิ่งชีตะโกนลั่น

มุมปากของข่านซัวกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ตอนนี้เขาเห็นภาพของเย่หยวนที่ถูกทำลายจนกลายเป็นฝุ่นผงได้แล้ว

แม้เย่หยวนจะมีพลังแนวคิดแห่งห้วงมิติ แต่แล้วมันจะทำไม?

เมื่อต้องอยู่ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ แนวคิดแห่งห้วงมิติเองมันก็ไม่ได้พิเศษมากมายขนาดนั้น!

ตู้ม!

เศษฝุ่นดินลอยฟุ้งไปทั่ว ด้วยพลังของข่านซัวที่แตกออกกลางอากาศ

หลังม่านควันจางหายไป ร่างของเย่หยวนก็ได้หายไปจากที่ตรงนั้นแล้ว

ข่าวซัวยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “เด็กน้อยที่ไม่รู้จักฟ้าดิน กล้ามาปั่นป่วนโถงโลหิตมรณะของชายแก่คนนี้! ช่างรนหาที่ตายเก่งนัก!”

ด้วยกำลังของซ่งหยู จริงๆ เขาสามารถที่จะหยุดข่านซัวไว้ได้ แต่เขากลับไม่ลงมือ

เพราะจิตใจของเขาคนนี้รู้สึกว่าพรสวรรค์ของเย่หยวนมันจะเป็นภัยต่อเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์

สัตว์ประหลาดแบบนั้นมันน่ากลัวเกินไป

ดีแล้วที่มันตายลง!

“เด็กคนนี้มันน่าสนใจจริงๆ ในจำนวนคนตั้งมากมาย แต่เหมือนจะมีมันแค่คนเดียวที่รู้สึกถึงตัวตนของพวกเรา” ซ่งหยูกล่าว

ข่านซัวจึงตอบกลับ “รู้แล้วมันทำไม? มาเล่นกับไฟต่อหน้าอาณาจักรนภาสวรรค์ มันแปลกตรงไหนที่พวกมันจะต้องมอดไหม้ไปเอง? เจ้าเฒ่ามองหาอะไร? อยากให้ชายแก่คนนี้สังหารเจ้าลงอีกคนรึ?”

คำพูดสุดท้ายของเขานั้น ข่านซัวพูดใส่เจิ่งชี

สายตาของเจิ่งชีที่มองไปยังข่านซันนั้นมันเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น

เพราะเย่หยวนตายไปต่อหน้าต่อตาเขาทั้ง ๆ อย่างนั้น! จะให้ทนทานอย่างไรไหว!