ถังซีรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าตระกูลเธอกับตระกูลฉินคือศัตรูคู่อาฆาต… เธอเคยเห็นฉินซินหยิ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ และเธอยังช่วยเอื้อประโยชน์มากมายให้แก่ฉินกรุป เนื่องจากมิตรภาพของเธอกับฉินซินหยิ่ง อย่างไรก็ตามคุณปู่ไม่เคยห้ามเธอ เพียงเพราะเธอไม่มีเพื่อนคนอื่นอีกนอกจากฉินซินหยิง ท่านไม่อยากให้เธอเสียเพื่อนเพียงคนเดียวไป ท่านจึงอดกลั้นความเกลียดชังที่มีต่อตระกูลนั้น และปล่อยให้เธอเป็นเพื่อนกับฉินซินหยิ่ง…
ถังซีมองหน้าถังเจิ้นหวา ความคิดมากมายนับไม่ถ้วนพรั่งพรูเข้ามาในสมองเธอในเวลาเดียวกัน ถ้าคุณปู่รู้ว่าจริงๆ แล้วเธอถูกฉินซินหยิ่งฆ่า ท่านต้องรู้สึกผิดและโทษตัวเองที่ไม่ห้ามเธอไม่ให้เป็นเพื่อนกับฉินซินหยิ่ง! เมื่อนึกเช่นนี้ถังซีก็กำมือแน่นและตัดสินใจ เธอต้องไม่บอกความจริงกับคุณปู่ แม้เธอจะจัดการให้ฉินซินหยิ่งได้รับการลงโทษตามที่สมควรแล้วก็ตาม เธอก็จะบอกให้คุณปู่รู้ไม่ได้ว่าฉินซินหยิ่งเป็นคนวางแผนทำให้เครื่องบินตกในครั้งนั้น ไม่เช่นนั้นท่านจะระงับอารมณ์โกรธไม่ให้ระเบิดออกมาไม่ได้
“คุณปู่คะ เกิดอะไรขึ้นระหว่างตระกูลฉินกับพวกเราเหรอคะ” ถังซีมองถังเจิ้นหวา “คุณปู่น่าจะเล่าความจริงให้หนูฟัง ถ้าคุณปู่บอกหนูก่อนหน้านี้ หนูจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับฉินซินหยิ่ง และหนูจะได้ไม่ทำให้คุณปู่เสียใจ”
ขณะมองหน้าหลานสาวถังเจิ้นหวาก็ตบหลังมือเธอเบาๆ และยิ้มอย่างใจดี “คนตระกูลฉินให้ความสำคัญกับผลประโยชน์อย่างเดียวเท่านั้น ตอนที่หนูเป็นเพื่อนกับเด็กผู้หญิงคนนั้นของตระกูลฉิน ปู่เคยคิดจะห้าม แต่แล้วปู่ก็คิดว่าเด็กนั่นไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหนู… ที่จะมีเพื่อนสักคน”
ถังซีขัดจังหวะท่าน “แต่คุณปู่ไม่ชอบให้หนูทำอย่างนั้นใช่ไหมคะ” เธอกอดแขนถังเจิ้นหวา มองเข้าไปในดวงตาท่าน แล้วกล่าวด้วยความจริงใจ “หนูสาบานค่ะ ว่าหนูจะไม่มีวันติดต่อกับใครในตระกูลฉินอีก ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณปู่”
ถังเจิ้นหวาพยักหน้า “ตกลง ปู่รู้ว่าหนูเป็นเด็กดี ซีซี”
“คุณปู่คะ เล่าให้หนูฟังหน่อยได้ไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างตระกูลฉินกับเรา” ถังซีอยากรู้จริงๆ ศัตรูคู่อาฆาตเหรอ เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองตระกูลกันแน่
เมื่อเห็นสีหน้าถังซีที่แสดงความสงสัยใคร่รู้จริงๆ ถังเจิ้นหวาก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ท่านลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทำงาน หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว ท่านก็กดปุ่มที่ซ่อนอยู่เพื่อเปิดโต๊ะทำงานหยิบอัลบั้มรูปภาพออกมาจากในนั้น และส่งให้ถังซี “ทุกอย่างอยู่ในนี้”
ในเวลานั้นนั่นเองเฉียวเหลียงก็ลุกขึ้นจากโซฟา “ผมจะออกไปโทรศัพท์ข้างนอก”
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งมีท่าทางเกรงใจ และยิ้มให้เขา ถังเจิ้นหวาพยักหน้า “ตามสบาย”
หลังจากเฉียวเหลียงออกไปแล้ว ถังซีก็ยิ้มเขินๆ ให้กับถังเจิ้นหวา ท่านตบหลังมือเธอเบาๆ และหัวเราะ “ถึงแม้ซีซีของปู่จะสายตาไม่ดีในการมองหาเพื่อน แต่หลานมีสายตาที่เฉียบคนในการมองหาคนรัก เฉียวเหลียงเป็นเด็กดีและเหมาะสมกับหนูมาก”
ถังซียิ้มอย่างภาคภูมิใจ เงยหน้าขึ้นมองคุณปู่ “แน่นอนค่ะ คุณปู่ก็รู้ว่าหนูน่ะผ่านวิกฤตมาขนาดไหน หนูไม่สามารถยอมรับผู้ชายคนไหนมาเป็นคนรักได้หรอกค่ะ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะสมบูรณ์แบบเทียบเท่าเฉียวเหลียง!”
ถังเจิ้นหวารู้สึกขำถังซี ท่านอดมองหน้าถังซีอย่างอ่อนใจไม่ได้ “นี่หนูกำลังยกย่องตัวเอง หรือว่ายกย่องเฉียวเหลียง”
“ทั้งสองคนค่ะ คุณปู่ก็ทราบดีไม่ใช่เหรอคะ” ถังซีหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “อันที่จริงหนูคิดว่าหนูโชคดีที่ได้พบกับเฉียวเหลียงค่ะ”
เธอโชคดีแค่ไหนที่มีเฉียวเหลียงรักและห่วงใยขนาดนี้
ถังเจิ้นหวาถอนหายใจและพยักหน้า “ใช่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะพบผู้ชายที่สามารถปกป้องเธอได้” ถังเจิ้นหวากล่าวแล้วเปิดอัลบั้ม
ในหน้าแรกเป็นภาพถ่ายของหญิงสาวที่มีรอยยิ้มอันงดงามกับชายหนุ่มที่หล่อเหลา เนื่องจากเวลาผ่านไปภาพถ่ายขาวดำจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แต่ถังซียังคงเห็นได้จากภาพถ่ายที่พร่ามัวว่าทั้งสองมีความสุขมาก และทั้งสองดูเหมาะสมกันทุกประการ
ถังซีหยุดนิ่งมองหน้าถังเจิ้นหวา ซึ่งยิ้มพร้อมกับอธิบายว่า “นี่เป็นรูปที่เราถ่ายตอนที่คุณย่าของหนู เจียงซู่หวา อายุสิบแปดปี ตอนนั้นปู่อายุยี่สิบ นี่เป็นวันเกิดที่คุณย่าได้ร่วมฉลองกับปู่เป็นปีที่สอง”
“เจียงซู่หวาเหรอคะ” ถังซีมองหน้าถังเจิ้นหวาด้วยความสงสัย “นี่คือตัวตนดั้งเดิมของคุณย่าเหรอคะ”
ถังเจิ้นหวาพยักหน้า แต่ถังซีรู้สึกสับสนมากขึ้น เธอมองหน้าถังเจิ้นหวา “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความบาดหมางร้ายแรงของเรากับตระกูลฉินยังไงเหรอคะ”
เมื่อถังเจิ้นหวาได้ยินคำถามของเธอ ดวงตาท่านก็มีร่องรอยของความเศร้า ดวงตาขุ่นมัวปริ่มไปด้วยน้ำตา เมื่อเห็นเช่นนี้ถังซีก็จับมือท่าน สายตาเธอแสดงถึงความรู้สึกผิด “คุณปู่คะ ช่างเถอะค่ะ ถ้าคุณปู่ไม่อยากเล่า หนูก็จะไม่ถามคุณปู่อีกแล้วค่ะ”
ถังเจิ้นหวาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งท่านก็สงบลง ท่านส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไรหรอก ปู่เล่าให้หนูฟังได้”
ถังซีเม้มริมฝีปาก รอฟังคำพูดต่อไปจากถังเจิ้นหวา ถังเจิ้นหวาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ฉินเย่ว์เป็นลูกพี่ลูกน้องของซูหวา แต่แล้วครอบครัวของซูหวาก็ล้มละลาย คนในตระกูลฉินจึงตัดความสัมพันธ์กับพวกเขา ตระกูลฉินต้องการให้ฉินลั่ว ลูกสาวของพวกเขาแต่งงานกับปู่ แต่ปู่รักอยู่กับคุณย่าของหนู…”
หลังจากฟังเรื่องราวของถังเจิ้นหวา เกี่ยวกับตัวท่านกับเจียงซู่หวาแล้วถังซีก็ตัวแข็ง เธอมองหน้าถังเจิ้นหวาอย่างไม่อยากเชื่อ และกัดฟันแน่น “ถ้าอย่างนั้นคุณปู่กับคุณย่าก็มีลูกสาวคนหนึ่งที่หายสาบสูญ และผู้หญิงที่ฆ่าคุณย่าก็หายสาบสูญไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วตระกูลฉินไม่ได้อธิบายอะไรเลยในเรื่องนี้ใช่ไหมคะ”
ถังเจิ้นหวาพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย “อุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นทำให้คุณย่าของหนูเสียชีวิต และป้าของหนูก็หายไปด้วยอุบัติเหตุครั้งนั้น ปู่ทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้เพื่อตามหาเธอ แต่ก็หาป้าของหนูไม่พบ”
ถังซีบีบมือตัวเองแน่น “ฉินลั่วคนนั้นต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ!”
“เธอคือสัตว์ร้าย” เมื่อเอ่ยถึงฉินลั่วใบหน้าถังเจิ้นหวาก็เข้มขึ้นและเย็นชา ท่านหรี่ตาลง กล่าวอย่างเยือกเย็น “เธอถึงกับฆ่าแม่ของตัวเอง เพื่อหลบหนีออกจากบ้าน”
“อะไรนะคะ” ถังซีเบิกตากว้าง “เธอฆ่าแม่ของตัวเองเหรอคะ”
“ใช่” ถังเจิ้นหวาพยักหน้า “แม่ของฉินลั่วหกล้มในคืนที่ฉินลั่วหนีไป และศีรษะเธอฟาดกับโต๊ะน้ำชา เมื่อคนรับใช้มาพบเธอในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ตายไปแล้ว” ท่านหยุดไปชั่วครู่แล้วจึงกล่าวต่อไป “แม้จะพูดกันว่าเธอล้มเพราะอุบัติเหตุ แต่ปู่รู้ว่าไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน”
ถังซีจ้องหน้าถังเจิ้นหวา “ทำไมคุณปู่ถึงแน่ใจคะ”
“เพราะ…” ถังเจิ้นหวายิ้มเยาะ “ฉินเย่ว์จะไม่เกลียดเราเพราะการตายของซูหวา เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาเกลียดปู่มากก็คือ เขาคิดว่าปู่ควรรับผิดชอบต่อการตายของแม่เขา”