“เหลือเชื่อที่สุด!” ถังซีกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ความรักของผู้หญิงคนนั้นเหมือนยาพิษ ใครจะอยากได้ พวกตระกูลฉินมีแต่คนเห็นแก่ตัว!”
“ปู่ซึมเศร้าอยู่นานมากเพราะการตายของคุณย่า และการหายสาบสูญของป้าหนู ปู่เสียใจมากที่มัวแต่กลัวความกดดันจากพ่อแม่ปู่ จนไม่กล้าแสดงออกว่ารักคุณย่า ปู่ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้สารภาพรักกับเธอ ถึงตอนนั้นพ่อแม่ของปู่ก็บังคับให้ปู่แต่งงานกับผู้หญิงอีกคน ซึ่งสามารถช่วยเหลือธุรกิจของตระกูลได้ ปู่เลยต้องตัดขาดความสัมพันธ์จากพวกเขา ออกมาจากตระกูลถัง และมาก่อตั้งเอ็มไพร์กรุป” ถังเจิ้นหวามองหน้าถังซีแล้วยิ้มให้ “ที่ตั้งชื่อว่าเอ็มไพร์กรุป ก็เพราะปู่ให้สัญญากับคุณย่าของหนูไว้ว่า จะสร้างบ้านที่สวยงามราวกับพระราชวังที่มีแต่ความสุขและความรักให้กับเธอ”
ถังซีเกือบจะร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินเรื่องราวความรักระหว่างคุณปู่กับคุณย่า กลายเป็นว่าคุณปู่คุณย่าของเธอต้องฝ่าฟันความยากลำบากมามากมายเมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เธอได้แต่สงสัยว่าทำไมนะคนรักกันจึงไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
“แล้วยังไงอีกคะ” ถังซีถาม
ถังเจิ้นหวาหันไปมองภาพถ่ายอีกภาพหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพของเด็กหญิงตัวน้อยน่ารัก ถังเจิ้นหวายิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่ป้าของหนู ถังหยา”
“คุณปู่คะ คุณปู่เคยสงสัยไหมคะว่าคุณป้าอาจโดนคนในตระกูลฉินลักพาตัวไป หรืออาจโดนฉินลั่วฆ่าตาย” ถังซีมองดูเด็กหญิงแสนสวยที่อยู่ในภาพถ่าย และอดรู้สึกเศร้าใจกับความเป็นไปในชีวิตของเธอไม่ได้ ถ้าคุณป้ายังมีชีวิตอยู่ เธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ถังซีอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้คุณป้าจะมีอายุเท่าไร
“นับว่าเป็นโชคร้ายที่ปู่ยังไม่เคยได้แก้แค้นให้ป้าของหนู และยังไม่เคยหาเธอพบ” ดวงตาถังเจิ้นหวาเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ ท่านถอนหายใจ ส่ายศีรษะไปมาอย่างสิ้นหวัง “ถ้าปู่ยังหาป้าของหนูไม่พบก่อนที่ปู่จะตาย ปู่ก็ไม่รู้จะอธิบายให้คุณย่าฟังว่ายังไง เมื่อได้พบเธออีกครั้งหลังจากตายไปแล้ว”
“คุณปู่ได้พบกับคุณย่าที่กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งได้ยังไงคะ” ถังซีไม่อยากให้คุณปู่จมอยู่กับความเศร้านานเกินไป การได้พบคุณย่าอีกครั้งคงทำให้คุณปู่มีความสุขมาก
แน่นอนว่าการพูดถึงเจียงซูหวา ทำให้ถังเจิ้นหวารู้สึกแช่มชื่นขึ้น ท่านยิ้มน้อยๆ มองหน้าถังซีแล้วกล่าวว่า “เวลานั้นปู่เพิ่งจะก่อตั้งเอ็มไพร์กรุป ยังไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีเงินลงทุน และไม่มีลูกค้า เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก แต่แล้วก็มีเศรษฐินีสาวคนหนึ่งชื่อว่าถานซิง จู่ๆ ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ มาบอกว่าเธออยากลงทุนในเอ็มไพร์กรุป โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือปู่ต้องสร้างอาณาจักรให้เธอ ปู่ปฏิเสธเธอไปทันทีโดยไม่ต้องคิดเลย”
ถังซีหัวเราะเมื่อได้ยินที่คุณปู่เล่า เธอนึกถึงเรื่องราวตอนที่เธอได้พบกับเฉียวเหลียงครั้งแรก หลังจากเธอกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แล้วเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา นี่คุณปู่จำได้หรือเปล่านะว่าผู้หญิงคนนั้นคือคุณย่าที่กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
“คุณปู่จำคุณย่าไม่ได้ตอนที่พบกันครั้งแรก ใช่ไหมคะ”
ถังเจิ้นหวาพยักหน้า “ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าคุณย่าของหนูจะกลับมามีชีวิตใหม่ในร่างผู้หญิงอีกคน” เมื่อหวนรำลึกถึงวันเวลาในช่วงนั้น ท่านก็ยิ้มออกมาอีก “คุณย่ากลายเป็นทายาทตระกูลถานที่แสนลึกลับ ปู่ไม่เคยรู้หรอกว่าตระกูลถานมีอิทธิพลมากแค่ไหน ปู่รู้แค่ว่าคุณย่าเข้ามาช่วยแก้ไขวิกฤตทุกเรื่องให้ปู่”
“แล้วคุณปู่รู้ว่าคุณย่าคือใครตอนไหนคะ” ถังซีจ้องมองคุณปู่ด้วยความอยากรู้อย่างจริงจัง
ส่วนเรื่องของเธอเอง ถังซีจำได้ดีว่าตอนนั้นเธอโดนเฉียวเหลียงพาตัวขึ้นไปบนดาดฟ้า เขาถามตรงๆ ว่าเธอเป็นใคร ซึ่งตอนนั้นเขาเริ่มเดาได้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร เพียงแต่อยากได้ยินเธอยอมรับออกมาด้วยตัวเธอเอง ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะเชื่อเธอง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร
ดูเหมือนว่าสภาวะจิตใจของอาเหลียงจะมีความแข็งแกร่งทนทานเป็นอย่างมาก…
เมื่อเห็นว่าถังซีกำลังอยู่ในภวังค์ความคิดของตน ถังเจิ้นหวาก็ยิ้ม “คุณย่าของหลานไม่เก่งในเรื่องปิดบังตัวตนที่แท้จริงหรอก เพราะฉะนั้นถึงแม้เธอจะพยายามแสดงตัวเป็นถานซิงต่อหน้าปู่ แต่นิสัยที่แท้จริงของเธอนั่นเองที่เปิดเผยตัวจริงให้ปู่รู้ เธอเผลอทำในสิ่งที่เคยทำอยู่เสมอเมื่อก่อนหน้านั้น พูดในสิ่งที่เคยพูด และร้องเพลงที่เคยร้อง ในเวลาที่ไม่ได้ระวังตัว”
แล้วจู่ๆ ถังเจิ้นหวาก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งภาพถ่ายอีกภาพหนึ่งให้ถังซี “นี่ไง คุณย่าของหนูหน้าตาเป็นแบบนี้หลังจากที่เธอฟื้นคืนมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง”
ถังซียิ้ม “ไม่น่าแปลกใจเลยค่ะว่าทำไมหนูถึงสวย หนูเหมือนคุณย่านี่เอง”
“ใช่แล้ว หลานหน้าเหมือนคุณย่าเมื่อสมัยยังสาว” ถังเจิ้นหวาเล่าต่อไป “แต่ในตอนนั้นปู่โง่มากที่ไม่ได้สืบหาตัวตนที่แท้จริงของเธอ ถึงแม้เธอจะทำความลับหลุดอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่งปู่บังเอิญได้ยินคุณย่าคุยกับผู้ช่วยของเธอ ปู่จึงเริ่มสงสัย”
“พวกเขาคุยอะไรกันคะ” ถังซีหัวเราะพลางล้อคุณปู่ “ในที่สุดถึงได้ทำให้คุณปู่จอมซื่อบื้อเกิดความสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของคุณย่าขึ้นมาบ้าง”
“เธอเองก็กำลังสืบหาป้าของหลานอยู่เหมือนกัน” ถังเจิ้นหวาเม้มริมฝีปาก “เมื่อเธอได้ยินว่าผู้ช่วยหาป้าของหลานไม่พบ เธอก็เอาแต่ร้องไห้หลังจากที่ผู้ช่วยออกไปแล้ว และพร่ำพูดแต่ว่า ‘แม่ขอโทษ แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน ลูกรักของแม่’ นับตั้งแต่วันนั้น ปู่ก็เริ่มสงสัยว่าเธอเป็นใครกันแน่…
…หยาหยาเป็นลูกสาวของปู่ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้โศกเศร้าเพราะคิดถึงเธอ” ถังเจิ้นหวามองใบหน้าเด็กหญิงในภาพถ่ายแล้วยิ้มออกมา “ปู่ก็เลยไปถามคุณย่าตรงๆ”
“แล้วคุณย่าบอกความจริงกับคุณปู่ไหมคะ” ถังซีกะพริบตาถี่ๆ ในเมื่อคุณย่าไม่ยอมบอกความจริงว่าเธอเป็นใครตั้งแต่แรก บางทีเธออาจไม่ต้องการกลับมาอยู่กับคุณปู่อีกแล้วก็ได้ หรือครั้งนี้เธอจะยอมบอกคุณปู่ไปตรงๆ ว่าแท้ที่จริงเธอคือใคร
“ไม่ยอมบอกน่ะสิ คุณย่าบอกว่าปู่เข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคนอื่น” เมื่อคิดถึงความหลังในช่วงนี้ ถังเจิ้นหวาก็ยิ้มออกมา “ปู่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ที่จะทำให้เธอยอมรับออกมาให้ได้ว่าเธอคือเจียงซูหวา”
ถังซียิ้ม “แล้วคุณปู่ทำยังไงคะ”
“ปู่บอกเธอว่าปู่ไม่ต้องการเงินลงทุนของเธออีกต่อไป ปู่สร้างเอ็มไพร์กรุปขึ้นเพื่อภรรยาของปู่ เจียงซูหวา และจะไม่ยอมสร้างอาณาจักรอื่นใดให้กับผู้หญิงคนไหนอีก จนตลอดชีวิตของปู่” ถังเจิ้นหวายิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อกล่าวจบ “พอได้ยินปู่พูดแบบนี้ คุณย่าก็โกรธมาก จนยอมรับออกมาว่าแท้ที่จริงเธอเป็นใคร และประกาศว่าเอ็มไพร์กรุปเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น และเธอยังต้องการให้สร้างอุทยานเอ็มไพร์อีกด้วย”
ถังซีพอจะจินตนาการได้ถึงความรักที่แสนหวานของทั้งคู่ พวกท่านจะต้องรักกันมากจริงๆ ในช่วงเวลานั้น
คิดมาถึงตรงนี้ ถังซีก็เงยหน้าขึ้นมองถังเจิ้นหวา ถามท่านด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วคุณปู่กับคุณย่าก็แต่งงานกัน ใช่ไหมคะ”
“ถ้าเรื่องมีอยู่แค่นั้นมันก็ง่ายน่ะสิ” ถังเจิ้นหวาส่ายศีรษะ “ปู่สามารถก่อตั้งเอ็มไพร์กรุปได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งออกจากบ้านมาได้เพียงปีกว่าๆ ส่วนทางคุณย่าก็มีตระกูลที่ลึกลับและทรงอิทธิพลคอยหนุนหลัง คราวนี้พ่อของปู่ก็เลยยินดียอมรับคุณย่า แต่ก็มีเรื่องให้ตกใจกันอีก เพราะถานซิงมีคู่หมั้นอยู่แล้วคือฉินเย่ว์! คนในตระกูลถานไม่อนุญาตให้คุณย่ามาแต่งงานกับปู่ และยืนยันว่าเธอต้องแต่งงานกับฉินเย่ว์”
“แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณย่าต้องไม่ยอมให้พวกเขาบังคับเธอได้” ถังเจิ้นหวายิ้มสะใจ เมื่อเล่าถึงตรงนี้ “ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านเรากับตระกูลฉินยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ฉินเย่ว์ยังคอยมาหาเรื่องปู่อีกหลายครั้ง แต่คุณย่าไม่เคยยอมตกลงปลงใจกับเขา เราสองคนต้องอยู่ด้วยกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ นานเกือบสองปี จนกระทั่งคุณย่าตั้งท้องพ่อของหลาน ถึงตอนนั้นคนตระกูลถานจึงต้องยอมให้เราได้แต่งงานกัน”