ชายชราหวนรำลึกถึงวันเวลาในอดีต ตระกูลถานยังคงลังเลที่จะยอมให้พวกเขาแต่งงานกัน แต่ซู่หวาเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลถาน ดังนั้นคนในตระกูลถานจึงตัดสินใจไม่ขัดขวางพวกเขาอีกต่อไปอย่างไรก็ตาม ตระกูลฉินคิดต่างออกไปในเรื่องนี้ พวกเขาเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองหลวงในเวลานั้น การดำเนินธุรกิจของเอ็มไพร์กรุปจึงมักติดขัดอยู่บ่อยๆ จากการกลั่นแกล้งของตระกูลฉิน อันเป็นความยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับท่านในการพัฒนาและขยายธุรกิจของเอ็มไพร์กรุปในตอนนั้น
ท่านกับซู่หวามีเพียงกันและกันที่จะช่วยประคับประคองกันให้ผ่านพ้นวิกฤตนั้นไปได้ ธุรกิจของท่านค่อยๆ เติบโตขึ้นพร้อมๆ กับที่ถังเสียน พ่อของถังซีเจริญเติบโต แต่ทว่าเมื่อถึงวันที่เอ็มไพร์กรุปได้กลายเป็นบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศจีน และทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กลายเป็นอาณาจักรดังที่ตั้งใจกันไว้ในที่สุด เธอก็มาจากท่านไปอย่างกะทันหัน
“เอาล่ะ เรื่องในอดีตก็ปล่อยให้อยู่ในอดีตเถอะ หลานไปหาอะไรทาน แล้วไปพักผ่อนดีกว่า ต้องไปทำงานที่บริษัทพรุ่งนี้แต่เช้าไม่ใช่หรือ” ถังเจิ้นหวาไม่ต้องการจะรำลึกถึงความหลังอีกต่อไปแล้ว ท่านจึงดึงตัวเองกลับสู่ปัจจุบัน และเอ่ยถามถังซี
ตอนนี้ถังซีรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต และไม่ต้องการสะกิดแผลเก่าของคุณปู่อีกต่อไป เธอจึงพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ หนูหิวพอดีเลย ทำไมคุณปู่ไม่ไปทานอาหารพร้อมหนูเลยละค่ะ หนูขอให้พ่อบ้านถังตุ๋นซุปไก่ดำไว้ให้แล้ว คุณปู่ไปทานสักหน่อยนะคะ”
“ไม่ล่ะ ปู่ยังไม่อยากทาน หลานไปทานก่อนเถอะ” ถังเจิ้นหวาตบหลังมือถังซีเบาๆ “ปู่ยังมีอะไรบางอย่างต้องจัดการ”
ถังซีพยักหน้า ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงาน
เมื่อเธอเดินออกมานอกห้อง ก็พบว่าเฉียวเหลียงกำลังยืนพูดโทรศัพท์อยู่ข้างหน้าต่างฝรั่งเศสในห้องนั่งเล่น เขาดูหล่อเหลือเกินเมื่อแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่อง ถังซียืนอยู่เงียบๆ เฝ้ามองเขาพูดโทรศัพท์
เฉียวเหลียงซึ่งกำลังติดพันการสนทนาทางโทรศัพท์ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองจากเบื้องหลัง เขาจึงบอกกับปลายสายว่า “รอเดี๋ยวนะ” แล้วหันกลับมามองถังซี โบกมือให้เธอ ก่อนจะหันกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ
ถังซีวิ่งเข้ามาหา โอบแขนกอดไปรอบเอวเฉียวเหลียง เงยหน้าขึ้นมองเขาพูดโทรศัพท์ หลังจากเฉียวเหลียงวางสายเธอก็กระซิบว่า “ฉันพบว่าถึงแม้คุณจะมีใบหน้าใหม่ แต่คุณก็ยังเปล่งรัศมีสว่างไสวเหมือนดวงอาทิตย์ นี่เป็นเพราะคุณรูปร่างดีหรือเปล่านะ”
เฉียวเหลียงหลุบตาลงมองถังซี ยิ้มมุมปาก แตะที่ผมเธอตรงขมับ “ขอบคุณ”
“ฮึ” ดวงตาถังซีมีร่องรอยความสงสัย
“ขอบคุณสำหรับคำชม” เฉียวเหลียงยิ้ม “ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณก็ชอบมองคนรูปร่างดี”
ถังซีหัวเราะในลำคอ “เพราะเป็นคุณต่างหาก” แล้วเธอก็ปล่อยแขนจากเฉียวเหลียง “ไปทานซุปกันเถอะ ฉันหิวอีกแล้ว”
รอยยิ้มบนริมฝีปากเฉียวเหลียงหายไปในทันที เขามองหน้าถังซีด้วยสายตาจริงจัง “ซีซี อย่าใช้งานกระเพาะอาหารหนักจนเกินไป”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ ยิ้มให้เฉียวเหลียง “แต่ฉันหิวจริงๆ นะ”
“พรุ่งนี้เราไปหาหมอกัน ตกลงไหม” แปลกมากที่เธอหิวบ่อยขนาดนี้
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ อย่ากังวลเกินไปนักเลย” ถังซีลากเขาเข้าไปในห้องทานอาหารเพื่อทานซุป ถังจงและคนรับใช้อื่นๆ รอคอยรับใช้อยู่ในห้องอาหาร แต่ถังซีขอให้พวกเขาออกไปจากห้อง ถังซีเล่าให้เฉียวเหลียงฟังถึงเรื่องราวที่ถังเจิ้นหวาเล่าให้เธอฟัง ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังทานซุป แล้วจึงถามเฉียวเหลียงซึ่งมีสีหน้าครุ่นคิดว่า “คุณคิดว่าเรายังมีโอกาสจะหาคุณป้าของฉันพบไหมคะ”
“ในเมื่อไม่มีใครหาเธอพบเมื่อหลายสิบปีก่อน ผมเกรงว่าถึงตอนนี้จะยิ่งยากกว่าเดิม” เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี แล้ววิเคราะห์สถานการณ์ให้เธอฟังอย่างสมเหตุสมผล “ในยุคนั้นเทคโนโลยียังไม่ได้รับการพัฒนา แม้แต่คนรวยก็ยังทำได้แค่ลงประกาศในหนังสือพิมพ์เพื่อตามหาคนหาย เวลาผ่านมาเกือบห้าสิบปีแล้ว จึงเกือบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสืบหาคุณป้าของคุณพบในตอนนี้”
ถังซีพยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ”
เธอเคยขอให้ 008 ช่วยมาแล้ว แต่ 008 บอกว่าเขาจะไม่ช่วยเธอในเรื่องนี้ นอกเสียจากว่าเธอจะเอาคะแนนประสบการณ์ของเธอมาแลก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จะต้องสะสมคะแนนประสบการณ์ให้ครบตามมูลค่าที่กำหนดไว้เสียก่อน จึงจะสามารถเอามาแลกกับความช่วยเหลือได้ และต้องเพิ่มคะแนนพิเศษเข้าไปอีกด้วย ดังนั้นในขณะปัจจุบันเธอจึงไม่มีแม้แต่คุณสมบัติเพียงพอจะแลกเปลี่ยนกับ 008!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ถังซีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมระบบของเธอถึงได้ห่วยอย่างนี้! ในนิยายที่เคยอ่าน ทั้งพระเอกนางเอกล้วนมีระบบชั้นเลิศกันทั้งนั้น เจ้านิ้วทองคำพวกนั้นสามารถบันดาลให้ตัวเอกทั้งหลายกลายเป็นเทพเจ้าได้ในชั่วพริบตา! แล้วทำไมระบบของเธอถึงเป็นแบบนี้
โอย ไม่อยากจะพูดถึงเจ้าระบบนี่อีกแล้ว
“แต่ในสมัยนั้นเทคโนโลยียังไม่ทันสมัยเท่ากับทุกวันนี้ แล้วคุณอย่าลืมสิว่าคุณมีองค์กรสืบสวนของหลงเซี่ยว…”
จู่ๆ ถังซีก็หยุดพูด ในทุกๆ องค์กรมีกฎระเบียบ องค์กรใหญ่ขนาดหลงเซี่ยวก็ย่อมต้องมีกฎระเบียบเช่นกัน แม้ว่าเฉียวเหลียงจะเป็นนายใหญ่ของหลงเซี่ยว แต่เขาก็ไม่อาจใช้อำนาจฝ่าฝืนกฎเพื่อช่วยเหลือเธอ ถ้าเธอขอให้เขาทำเช่นนั้น เธอเองก็จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เมื่อคิดเช่นนั้นถังซีจึงยิ้มให้เฉียวเหลียง “ช่างเถอะค่ะ ทำเป็นไม่ได้ยินที่ฉันเพิ่งพูดไปก็แล้วกัน”
เฉียวเหลียงมองถังซีอย่างซาบซึ้ง อีกครู่ใหญ่ต่อมา เขาจึงหัวเราะในลำคอ “คุณกลายเป็นคนมีเหตุผลไปแล้วนะ”
ถังซีเหลือบตามองเขาอย่างประหลาดใจ เมื่อเข้าใจในความหมายของคำพูดนั้นในที่สุด เธอก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป แล้วจึงมองตอบเขา “ครั้งล่าสุดที่คุณบาดเจ็บก็เพราะฉัน ลูกน้องคุณเกือบจะฆ่าฉันทิ้ง ฉันไม่อยากให้ใครเกลียดฉันอีก”
“ผมไม่สนใจว่าหล่อนจะคิดยังไง ผมเป็นห่วงคุณคนเดียว”
ถังซีหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วยิ้มกว้าง “นี่คุณกำลังจะบอกว่าฉันเป็นของคุณเหรอคะ”
“คุณคิดว่ายังไงล่ะ” ด้วยความรู้สึกสุขใจที่ได้เห็นสายตาเต็มไปด้วยความรักของถังซี เขาลุกไปเติมซุปลงในชามของเธอ
ดีจริง ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าจะทำให้เขาพอใจได้อย่างไร ซุปนี่บำรุงสมองเธอได้ดีจริงๆ
ถังซีไม่รู้หรอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ใจเธอจดจ่ออยู่กับซุปในชาม ดูเหมือนว่าเฉียวเหลียงจะห่วงใยเธอจริงจัง แม้ปากจะห้ามไม่ให้เธอรับประทานมากเกินไป แต่เขาก็ไม่ใจร้ายพอที่จะปล่อยให้เธอหิว
ถึงตอนนี้ ถังซีได้ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะต้องช่วยคุณปู่ตามหาคุณป้าให้พบ!
…
ที่บ้านตระกูลฉิน
ฉินเย่ว์นั่งอยู่บนโซฟา มองดูลูกชายและหลานสาวด้วยสายตาเย็นชา “ฉันบอกแกแล้วว่าอย่าไปมีเรื่องกับพวกตระกูลถัง แต่แกไม่ยอมฟัง แล้วตอนนี้จะมาอ้อนวอนขอร้องฉันเพื่ออะไร ฉินกรุปจะต้องพังพินาศเพราะแกสองคนเข้าสักวัน!”
“คุณปู่คะ หนูรู้ว่าหนูทำผิด หนูสาบานค่ะว่าต่อไปนี้จะเชื่อฟังคุณปู่ และไม่ก่อเรื่องเดือดร้อนอีก ไม่ว่าคุณปู่จะสั่งให้ทำอะไร หนูจะไม่ขัดคำสั่งอีกเลย!” ฉินซินหยิ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ก้มศีรษะลงต่ำ แลดูน่าสงสารมาก
ฉินเปิ่นหยวนก็คุกเข่าอยู่เช่นกัน เขาเงยหน้าขึ้นมองบิดา ขอร้องว่า “พ่อครับ ตอนนี้มีพ่อคนเดียวที่ช่วยเราได้ ที่บริษัทตอนนี้มีคนรออยู่หลายคน เรียกร้องให้เราจ่ายเงินที่ติดหนี้พวกเขาอยู่ ถึงอย่างไรฉินกรุปก็เป็นสมบัติของครอบครัวเรา ได้โปรดช่วยผมด้วยเถอะครับ!”