เนื่องจากเป็นที่รู้กันไปทั่วประเทศจีนแล้วว่าฉินซินหยิ่งขโมยงานออกแบบของถังซี สื่อมวลชนหลักๆ จึงล้วนต่อต้านฉินซินหยิ่ง ทางเอ็มไพร์กรุปก็สร้างแรงกดดันในทุกด้าน ด้วยเหตุนี้ฉินกรุปจึงตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก หลายโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินงานต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากนายทุนขอถอนตัว เงินทุนที่ฉินกรุปลงไปก่อนหน้านี้จึงสูญเปล่า ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ธนาคารหลายแห่งเริ่มกดกันให้พวกเขาชำระหนี้เงินกู้ หุ้นส่วนทางธุรกิจหลายรายก็หยุดให้เงินช่วยเหลือ บางรายขอถอนเงินลงทุนที่ได้ลงไปก่อนหน้านี้

 

 

ฉินกรุปในขณะนี้กำลังโดนโจมตีจากรอบด้าน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าตระกูลฉินไม่มีเงิน ฉินเปิ่นหยวนรู้ดีว่าฉินเย่ว์ บิดาของเขามีทรัพย์สินเงินทองจำนวนมหาศาล สิ่งที่ฉินเย่ว์มอบให้เขามีเพียงฉินกรุปเท่านั้น แต่บิดายังมีทรัพย์สินที่ดินอื่นๆ อีก ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าฉินกรุปหลายเท่า

 

 

ฉินเย่ว์จ้องมองคู่พ่อและลูกสาวที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยสายตาเย็นชา และตะคอก “พวกแกทำให้ฉันเสียหน้า! แล้วยังกล้ามาขอความช่วยเหลือจากฉันอีกหรือ!”

 

 

“แต่คุณปู่คะ เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะถังซี!” ฉินซินหยิ่งร้องตะโกนเสียงดัง

 

 

“นายท่าน หยิ่งหยิ่งโดนเด็กนั่นข่มเหงรังแก ท่านจะนั่งดูเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะคะ เธอเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของเรานะ” หญิงชราผมขาวคนหนึ่งเดินลงบันไดมา มองดูฉินเย่ว์ด้วยสายตาเศร้าสร้อย “ตระกูลถังเป็นศัตรูของเรา ทำไมท่านไม่ปล่อยให้ลูกหลานเราจัดการกับพวกตระกูลถังล่ะคะ”

 

 

ดวงตาฉินซินหยิ่งเป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดของย่า นี่แสดงว่ามีความเกลียดชังระหว่างตระกูลฉินกับตระกูลถังอยู่ก่อนแล้วใช่ไหม

 

 

เธอรวบรวมพละกำลังทั้งหมด พยายามตั้งใจฟังบทสนทนาระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสอง

 

 

“อ้อ เธอคิดว่าตระกูลถังยังคงเป็นเหมือนตระกูลถังสมัยก่อนโน้นอย่างนั้นหรือ ทุกวันนี้ต่อให้สิบตระกูลฉินรวมกันก็ยังต่อกรกับเอ็มไพร์กรุปในปัจจุบันไม่ได้! เราต้องถูกเขมือบจนสิ้นซากแน่ ถ้าคิดจะสู้กับตระกูลถังในตอนนี้!” ฉินเย่ว์กล่าวด้วยเสียงเย็นชา เหลือบสายตามองหญิงชรา “เธอเองก็เหมือนกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เคยสนใจไยดีกับเรื่องบาดหมางของตระกูลฉินกับตระกูลถังด้วยหรือ”

 

 

“เรื่องก็ผ่านมาหลายปีแล้ว จำเป็นต้องเอามาพูดถึงในตอนนี้ด้วยหรือ” หญิงชรามองตอบฉินเย่ว์ “คุณคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ที่คุณไม่อยากสู้รบกับตระกูลถัง เป็นเพราะคนที่คุณใส่ใจน่ะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ คุณคงไม่ปล่อยให้ตระกูลถังลอยนวลแบบนี้”

 

 

“พอได้แล้ว!” ฉินเย่ว์จ้องมองหญิงชราด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอวันนี้ ถ้าไม่มีอะไรจะทำ ก็ขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะ!”

 

 

“คุณย่าขา…” เมื่อเห็นหญิงชราหันหลังเตรียมจะขึ้นชั้นบน ฉินซินหยิ่งรีบอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “ช่วยหนูด้วยนะคะ”

 

 

คุณนายฉินหันกลับมามองฉินซินหยิ่ง แล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย นางยิ้มและกล่าวขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าปู่ของหลานฟังย่าก็ดีน่ะสิ หลานก็คงไม่ต้องเดือดร้อนอย่างนี้ ต้องโทษปู่ของหลานนั่นแหละที่ใจร้ายใจดำ เลือดเย็นเป็นที่สุด!”

 

 

ฉินซินหยิ่งหันมามองฉินเย่ว์ด้วยสายตาตื่นตกใจ แต่ดูเหมือนฉินเย่ว์จะไม่สนใจคำพูดของคุณนายฉิน ยังคงมีสีหน้าเฉยชาเช่นเดิม คุณนายฉินยิ้มเยาะ “เห็นไหมล่ะ เขามักจะทำเหมือนย่าไม่มีตัวตน ไม่ว่าย่าจะพูดอะไร เขาก็ไม่เคยสนใจ ปู่ของหลานไม่สนใจไยดีย่ามาหลายสิบปีแล้ว ในสายตาเขามีแต่ผู้หญิงที่ชื่อ…”

 

 

“ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!” ฉินเย่ว์ตวาด จ้องหน้าคุณนายฉินด้วยสายตาเย็นชา “ฉินเปิ่นหยวนไม่ใช่ผู้สืบเชื้อสายคนเดียวของตระกูลฉิน เธอคิดว่าเขาเป็นความหวังเดียวของฉันอย่างนั้นหรือ!”

 

 

“ทำไมคุณถึงใจร้ายใจดำอย่างนี้!” คำพูดของเขาทำให้คุณนายฉินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เธอจ้องฉินเย่ว์เขม็ง และกรีดร้อง “เปิ่นหยวนเป็นลูกชายของคุณ! คุณโหดร้ายขนาดนี้ได้ยังไง!”

 

 

“โหดร้ายหรือ” ฉินเย่ว์ยิ้มเยาะ “ถ้าฉันโหดร้ายจริง เธอคิดว่าฉันจะยังปล่อยให้มันอยู่ในตำแหน่งที่มันเป็นอยู่ในตอนนี้หรือ ถ้ามันไม่ใช่ลูกชายฉัน ฉันคงไล่มันออกไปจากตระกูลฉินนานแล้ว!”

 

 

“คุณปู่…” ฉินซินหยิ่งไม่คาดคิดว่าตัวเธอและบิดาจะไร้ค่าโดยสิ้นเชิงในหัวใจของผู้เป็นปู่

 

 

หากเป็นเช่นนี้ เธอจะต้องอำลาจากชีวิตที่หรูหราร่ำรวยนี้ไปอย่างนั้นหรือ ไม่นะ ไม่มีทาง เธอจะไม่ยอมนั่งเฉยๆ รอให้ถึงวันล่มสลายอย่างแน่นอน

 

 

“คุณปู่คะ หนูมีข้อมูลสำคัญบางอย่างที่คุณปู่จะต้องสนใจ” ฉินซินหยิ่งมองดูฉินเย่ว์ พลางยิ้มกริ่ม “ได้โปรดช่วยหนูเถอะนะคะ หนูสามารถช่วยคุณปู่ทำอะไรได้อีกหลายอย่างเลย”

 

 

ฉินเปิ่นหยวนหรี่ตาลงมองฉินซินหยิ่ง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกโดนกักบริเวณอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น ห้ามไปไหนโดยเด็ดขาด ส่วนแม่แก ฉันจะให้คอยตามเฝ้าแกตลอดเวลา” ทั้งหมดเป็นความผิดของแกนั่นแหละ! เขาเคยคิดว่ามิตรภาพระหว่างฉินซินหยิ่งและถังซี จะช่วยให้เขากอบกู้ฉินกรุปให้ฟื้นคืนมาได้ ซึ่งจะทำให้บิดาพึงพอใจ แต่ลูกสาวกลับสร้างความผิดหวังให้กับเขา ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ เธอสะเพร่าปล่อยให้เรื่องทุจริตที่ทำลงไปถูกเปิดโปง ปล่อยให้มีคนแอบอัดเสียงไว้ได้ และยังโง่ถึงขนาดจู่โจมทำร้ายถังซีที่สนามบิน! ซึ่งถ้าตระกูลถังจะแจ้งความดำเนินคดี เขาก็คงต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก จึงจะสามารถช่วยให้เธอรอดพ้นจากความเดือดร้อนนี้ได้!

 

 

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินเปิ่นหยวนก็เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา!

 

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเย่ว์กลับหันไปมองฉินซินหยิ่ง “แกไปรู้อะไรมา”

 

 

“คุณปู่… เอ้อ… ถังเจิ้นหวามีปัญหาสุขภาพค่ะ ที่จู่ๆ ก็แต่งตั้งถังซีขึ้นเป็นประธานบริหารเอ็มไพร์กรุป ก็เพราะถังเจิ้นหวาเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ครั้งหลังสุด เขาเกือบจะไม่รอด…”

 

 

ฉินซินหยิ่งไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะข้อมูลนี้เป็นไพ่ใบสุดท้ายของเธอ เธอต้องการเก็บไว้ใช้ในยามคับขันที่สุด แต่ตอนนี้เธอจำเป็นต้องงัดออกมาใช้แล้ว เพื่อเอาชีวิตรอด…

 

 

ฉินเย่ว์หรี่ตาลง “เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบย่างนั้นหรือ”

 

 

หากถังเจิ้นหวาเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ไอ้แก่นั่นก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน แม้ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาจะยังดูแข็งแรงก็ตาม…

 

 

“แต่ใครๆ ก็พูดว่าเขาได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติดีแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาถังซีคอยดูแลถังเจิ้นหวาเป็นอย่างดี และยังส่งเขาไปพักฟื้นที่บ้านพักที่เหิงซานด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เท่าที่เรารู้จักเขามา ถ้าถังเจิ้นหวาหายดีแล้ว เขาก็ต้องกลับไปทำงานตามปกติ ดังนั้นหนูขอเดาว่าเขายังไม่หายจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ถ้าหากข่าวนี้หลุดรอดออกไป ราคาหุ้นเอ็มไพร์กรุปต้องตกแน่นอนค่ะ!” ขณะเล่า ดวงตาฉินซินหยิ่งก็ฉายประกายเลือดเย็น ในเมื่อถังซีไล่เธอมาจนตรอก เธอก็ไม่ลังเลที่จะทำลายถังซีให้ย่อยยับ สักวันหนึ่งเถอะ ถังซีจะต้องแหลกละเอียดอยู่ใต้ฝ่าเท้าเธอ และร้องขอความปรานี!

 

 

นอกจากนั้น ในตอนนี้เฉียวเหลียงก็คบหาอยู่กับเซียวโหรว ส่วนเจ้าบอดี้การ์ดที่คอยติดตามถังซีนั่นจะทำอะไรให้เธอได้ จะปกป้องชีวิตถังซีเมื่อถึงยามคับขันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้…

 

 

เธออยากเห็นนักว่าผู้ชายคนนั้นจะมีปัญญาช่วยอะไรถังซีได้!

 

 

“ก็ได้ ถ้าแกทำสำเร็จ ฉันจะแต่งตั้งแกให้เป็นผู้จัดการบริษัทของฉัน” ฉินเย่ว์มองดูฉินซินหยิ่ง มีรอยยิ้มบนริมฝีปาก แม้จะเป็นยิ้มที่เย็นชาก็ตาม “แต่ถ้าแกทำพลาด คงรู้นะว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง”