เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์ ฉินซินหยิ่งรีบรับคำด้วยความตื่นเต้นยินดี “คุณปู่คะ หนูรับรองว่าจะไม่ทำให้คุณปู่ผิดหวังค่ะ!”
…
หลินหย่วนกำลังประชุมอยู่กับลู่หลี เมื่อโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขายักไหล่ กล่าวติดตลกว่า “น่าจะโทรมาจากสาวสวยเมื่อคืนนี้ เธอคงต้องคิดถึงฉันแย่แน่ๆ”
ลู่หลีมองหลินหย่วนด้วยสีหน้าเรียบเฉย พูดถึงเรื่องที่กำลังพูดค้างอยู่ต่อ แต่อีกครู่ต่อมา โทรศัพท์ของหลินหย่วนก็ดังขึ้นอีก ลู่หลีถอนหายใจ แล้วมองหลินหย่วน “รับสายก่อนเถอะ”
หลินหย่วนเหลือบมองโทรศัพท์ของตน แล้วเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นเบอร์โทรเข้า “โทรมาจากประเทศจีนเหรอ”
ลู่หลีขมวดคิ้ว “เฉียวเหลียงหรือเปล่า”
“ไม่รู้เหมือนกัน” หลินหย่วนรับสาย “ใครพูดครับ”
“ฉันเอง” เป็นเสียงผู้หญิงดังมาตามสาย เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า “คุณสัญญากับฉันไว้ไม่ใช่หรือว่าคุณจะให้ในสิ่งที่ฉันขอ ถ้าฉันพาเฉียวเหลียงออกไปพ้นหมู่เกาะแปซิฟิกได้ ถึงเวลาแล้ว…”
“เดี๋ยวนะ” หลินหย่วนขัดขึ้น แล้วกล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้ม “คุณพาเขาออกมาได้ด้วยเหรอ ผมจำได้ว่าคุณทำไม่สำเร็จนี่ จริงไหม!”
“คุณจะกลับคำพูดไม่ได้นะ!” เสียงผู้หญิงเยือกเย็นขึ้น “ไม่กลัวหรือว่าฉันจะบอกเฉียวเหลียงว่าคุณทำอะไรไว้กับเขา คุณคิดว่าเขาจะทำยังไงถ้ารู้ว่าคุณหักหลังเขา”
“ไม่เอาน่า คุณฉิน นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราตกลงกันไว้ คุณทำในสิ่งที่ตกลงกับผมไว้ไม่สำเร็จ หรือจะพูดให้ถูกคือคุณล้มเหลวในทุกเรื่องที่ผมขอให้คุณทำ จริงไหม แล้วคุณยังกล้ามาขู่ผมอีกเหรอ” หลินหย่วนยิ้มเยาะ มองดูปากกาที่อยู่ในมือ แล้วน้ำเสียงเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นในฉับพลัน “รนหาที่ตายหรือไง”
ทางปลายสายอีกด้านนิ่งเงียบไปนาน หลินหย่วนส่งเสียงคำรามออกทางจมูก “ถ้าผมเป็นคุณ ผมคงไม่โทรมา รู้ไหมว่าผมเกลียดอะไรมากที่สุด สิ่งที่ผมเกลียดมากที่สุดคือการโดนข่มขู่” พูดจบหลินหย่วนก็วางสาย
ลู่หลีมองดูหลินหย่วน แล้วขมวดคิ้ว “ฉินซินหยิ่งเหรอ”
หลินหย่วนยักไหล่ “ใช่”
“รู้จักเธอเหรอ” ลู่หลีหรี่ตาลง
หลินหย่วนรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่จ้องเขม็งของลู่หลี เขาผุดลุกขึ้นยืน “เฮ้ อย่าจ้องกันแบบนั้นสิ! น่ากลัวพิลึก”
“คุณควรหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายว่าทำไมถึงได้รู้จักกับฉินซินหยิ่ง” ลู่หลีไม่เคยมีความประทับใจในด้านดีต่อฉินซินหยิ่ง เท่าที่จำได้ ผู้หญิงคนนั้นพยายามหลอกล่อทุกวิถีทางเพื่อแยกเฉียวเหลียงและถังซีออกจากกัน และหล่อนก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุเครื่องบินตกด้วย จึงสมควรที่เขาจะไม่ชอบหล่อน แต่ทำไมหลินหย่วนจึงรู้จักกับผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น
…
ทางอีกด้านหนึ่ง เฉียวเหลียงเพิ่งจะรับสายโทรศัพท์ เขาหรี่ตาลง มองไปทางถังซีซึ่งหลับไปแล้ว เขาจึงเดินออกไปที่ระเบียง ถามด้วยสีหน้าเครียด “มีอะไร”
“นายน้อยครับ ผมเพิ่งสืบพบว่าคนที่ติดต่อกับฉินซินหยิ่งไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณเก้า” เสียงจากทางปลายสายอีกด้านบอกอย่างลังเล แต่เพราะรู้จักเฉียวเหลียงเป็นอย่างดี เขาจึงคิดว่าควรบอกไปตามความจริง
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว สายตาเหม่อมองไปไกล “หลินหย่วนน่ะเหรอ”
“ใช่ครับ เรายังไม่รู้ว่าคุณเก้าติดต่อกับฉินซินหยิ่งเพื่ออะไร นายน้อยครับ จะให้สืบเรื่องนี้ต่อไปไหมครับ หรือว่า…” เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเจ้านายของหลงเซี่ยว พวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
ถึงตอนนี้เขาแทบอยากเอาหัวโขกข้างฝา ทำไมเขาต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนะ! ไม่มีใครอยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องบาดหมางระหว่างเจ้านายหรอก!
เฉียวเหลียงนิ่งเงียบไปนานมาก จนสายลับคนนี้คิดว่าเฉียวเหลียงวางสายไปแล้ว เขาเรียกขึ้นเบาๆ อย่างระมัดระวัง “นายน้อยครับ”
เฉียวเหลียงคืนสติจากภวังค์ “ไม่ต้องสืบเรื่องนี้ต่อแล้ว”
…
“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะตามมากวนประสาทผมอย่างนี้” หลินหย่วนยิ้มเยาะมุมปาก “ช่างน่ารำคาญที่สุด หล่อนกล้าดียังไงมาข่มขู่ผม! เดี๋ยวก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เสียเลย!”
“ก่อนทำคุณไม่คิดถึงผลที่จะตามมาหรือไง ถ้าเฉียวเหลียงรู้เรื่องนี้ คุณตายแน่” ลู่หลีนิ่วหน้า “คุณควรโทรไปหาอาเหลียงและอธิบายให้เขาฟัง ผมคิดว่าเขาคงกำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่ เมื่อไรที่เขาสืบพบว่าใครเป็นคนปล่อยข้อมูลว่าเขาอยู่ที่ไหนละก็ คุณเดือดร้อนหนักแน่นอน”
“โอ๊ย ตอนนี้เขากำลังตกหลุมรักหัวปักหัวปำอยู่กับแฟนเด็ก ไม่มีเวลามาสอบสวนผมหรอก ได้ยินอาห้าบ่นอยู่ว่านายน้อยของเขาทิ้งพวกเขาไปอีกแล้ว เพื่อพาแฟนสาวไปเดินทางท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นผมย่อมปลอดภัย” หลินหย่วนไม่คิดว่าเฉียวเหลียงจะมีเวลามาสืบเรื่องของเขา
ลู่หลีเหลือบตามองหลินหย่วนอย่างอ่อนใจ แล้วถอนหายใจ เขาช่างไม่วิตกทุกข์ร้อนใดๆ เลย “หวังว่าคุณจะยังคงไม่เดือดร้อนใจแบบนี้ได้ ตอนที่โดนเฉียวเหลียงซ้อมจนน่วมนะ”
“เฮ้ย อย่ามาขู่กันแบบนี้สิ” หลินหย่วนยักไหล่ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ประชุมกันต่อดีกว่า…”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เป็นวิดีโอคอลจากเฉียวเหลียง
หลินหย่วนจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ สายตาตื่นตระหนก “เวลานี้เขาควรหลับอยู่ไม่ใช่เหรอ”
ลู่หลีมองหน้าหลินหย่วน “คุณควรสารภาพผิดกับเขาเสีย” แล้วเขาก็กดรับสาย ใบหน้าเฉียวเหลียงปรากฏขึ้นบนหน้าจอ หลินหย่วนทักทายเฉียวเหลียงอย่างยิ้มแย้ม “คุณควรอยู่เป็นเพื่อนแฟนสาวไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมีเวลาโทรหาพวกเราได้”
เฉียวเหลียงมองหน้าหลินหย่วน หยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมองหลินหย่วนนิ่งด้วยประกายตาล้ำลึกสุดหยั่ง เมื่อโดนจ้องเช่นนี้ หลินหย่วนก็รู้สึกเสียวสันหลัง ลู่หลีกล่าวขึ้นว่า “นี่ดึกมากแล้ว มีอะไรเหรอ”
เฉียวเหลียงหรี่ตา ยังคงจ้องหน้าหลินหย่วนด้วยสายตาปราศจากความรู้สึก “คุณให้คนของคุณสืบหาตัวผม และปล่อยข้อมูลว่าผมอยู่ที่ไหนให้คนอื่นรู้หรือเปล่า”
หลินหย่วนชะงัก แล้วหันไปมองลู่หลีด้วยสายตากล่าวโทษ “เพราะคุณเชียว แช่งผม!”
ลู่หลียักไหล่ “ขอให้พระเจ้าคุ้มครองนะ”
เฉียวเหลียงนิ่งฟังทั้งสองคุยกัน แล้วจ้องหน้าหลินหย่วนอีก “ทำไมถึงทำแบบนั้น”
“ผมไม่ได้ทำไปเพราะมีเจตนาร้ายนะ ตอนแรกก็แค่อยากช่วยคุณตามหาถังซีให้เจอ แล้วต่อมาผมก็อยากพาคุณออกมาจากมหาสมุทรแปซิฟิกเสียที อยากพาคุณกลับบ้าน และดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นห่วงคุณอย่างจริงใจ ผมก็เลยขอให้เธอช่วยทำให้คุณลืมถังซี ใครจะไปรู้ว่าหล่อนจะเป็นคนร้ายกาจถึงเพียงนี้!” เมื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าเฉียวเหลียงยิ่งถมึงทึงขึ้นทุกขณะ เขาจึงรีบเร่งอธิบายต่อไปว่า “ตอนนั้นคุณซึมเศร้ามาก แล้วจะให้ผมซึ่งเป็นเพื่อนสนิทนั่งดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง! ผมทนเฝ้าดูคุณเฉาตายไปไม่ได้หรอก แล้วคุณก็ไม่ฟังพวกเราเลย… แต่หลังจากนั้น นับตั้งแต่คุณคบกับโหรวโหรว ผมก็ไม่เคยติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นอีกเลย”