ตอนที่ 619 จดหมายจากซิ่วเอ๋อร์

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 619 จดหมายจากซิ่วเอ๋อร์

ศาลาเถาหราน ณ จวนฟู่

ฟู่เสี่ยวกวนละทิ้งความสงสัยเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ และกำลังจดจ่ออยู่กับการอ่านจดหมาย

จดหมายฉบับแรกส่งมาจากภูเขาซีซาน ณ หลินเจียง โดยชุนซิ่วเป็นผู้ส่งมา

เขากวาดตามองลายมืออันงดงามในกระดาษแผ่นนี้พบว่าตนมายังโลกใบนี้เกือบจะ 2 ปีได้แล้ว มีประสบการณ์มามากพอสมควร เหลือเพียงแค่เรื่องการเขียนตัวอักษรเท่านั้นที่เขียนเท่าใดก็เขียนออกมามิงดงาม ช่างรู้สึกละอายใจมากยิ่งนัก

‘คุณชายกับฮูหยินคงได้รับจดหมายนี้แล้ว !

ทุกอย่างที่ภูเขาซีซานเรียบร้อยดีมิต้องกังวล

ฟู่ซานต้ายได้ทำตามที่ฮูหยินกล่าวแล้ว ขายเมล็ดพันธุ์ข้าวในราคา 200 อีแปะต่อ 1 ชั่งให้ท่านนายอำเภอเยี่ยนที่เขตเหยาได้เงินมา 10,000 อีแปะ บ่าวเคยไปที่นั่นมาแล้วเห็นว่าปลูกในพื้นที่ทั้งสิ้นราว 5,000 หมู่ คุณภาพดียิ่ง

ปีที่แล้วได้เก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ของฟู่ซานต้ายไป 36,000 ชั่งที่ภูเขาซีซานตามคำสั่งของคุณชาย 20,000 ชั่งที่เหลือบนภูเขาซีซานนั้นได้จัดส่งไปยังว่อเฟิงเต้าในเดือนที่สองซึ่งหวางเอ้อได้พาชาวบ้าน 30 คนเดินทางไปด้วย บัดนี้หวางเอ้อตอบจดหมายกลับมาว่าเมล็ดพันธุ์ข้าว 20,000 ชั่งกำลังจะเริ่มปลูกที่ว่อเฟิงเต้าแล้ว

มันเทศได้เก็บเกี่ยวเมื่อปลายปีที่แล้ว การเก็บเกี่ยวในพื้นที่กว่าสิบหมู่ได้น้ำหนักรวมมากกว่า 4,600 ชั่ง ตามคำสั่งของคุณชายบอกว่า 600 ชั่งให้ปลูกที่ภูเขาซีซาน ส่วนที่เหลืออีก 4,000 ชั่งส่งไปที่อำเภอผิงหลิงทั้งสองเขตโดยหวางเฉียงได้พาชาวบ้านกว่าสิบคนล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ในจดหมายบอกว่าแจกจ่าย 4,000 ชั่งตามสองเขตนั้นเรียบร้อยแล้ว พวกเขาได้สอนชาวบ้านทั้งสองเขตเรียนรู้วิธีการเพาะเลี้ยงต้นกล้าและตอนนี้ชาวบ้านคงเข้าใจวิธีปลูกที่ถูกต้องทั้งหมดแล้ว

หวางเฉียงกล่าวว่าดินในสถานที่สองแห่งนั้นแห้งแล้งแต่มีอัตราการงอกของมันเทศสูงมากยิ่งนัก พื้นที่ 1 หมู่ใช้หัวมันเทศประมาณ 50 ชั่ง มันเทศ 4,000 ชั่งสามารถปลูกได้เพียงแค่ 80 หมู่ ดังนั้นการเพาะปลูกในปีนี้จึงเป็นการปลูกโดยเจ้าหน้าที่เท่านั้น หลังจากเก็บเกี่ยวในปีนี้เสร็จแล้วถึงจะส่งเสริมให้กับชาวบ้านในปีหน้า จะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปีเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดในผิงหลิง

ราคาของมันเทศนี้ได้ทำตามที่คุณชายกล่าวไว้คือ 10 อีแปะต่อ 1 ชั่ง บ่าวเคยชิมแล้วรสชาติดียิ่งแต่ว่าขายในราคาถูกจนเกินไป ดังนั้นบ่าวจึงได้เพิ่มราคาเป็น 50 อีแปะต่อ 1 ชั่งจึงขอแจ้งให้คุณชายกับฮูหยินทราบ

ท่าเทียบเรือที่เขตเหยาบัดนี้สร้างเสร็จแล้ว นายท่านเยี่ยนบอกว่ามีช่างต่อเรือประมาณ 120 คน แต่เขามิรู้ว่าคุณชายต้องการจะสร้างเรือแบบใดกันแน่ บ่าวคิดว่านายท่านเยี่ยนคงจะเขียนจดหมายถึงคุณชายแล้ว เพราะเขาบอกว่าคุณชายสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ เขาดูเหมือนจะเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากยิ่งนักจึงขอให้คุณชายตอบกลับจดหมายทันทีที่อ่านจบ

นอกจากนี้ ด้านหลังเรือนของหวางเฉียงเขาได้ต่อกิ่งท้อไว้กับต้นสาลี่…เขาบอกว่านี่เป็นวิธีที่คุณชายเคยกล่าวเอาไว้ แต่พอทำแล้วมิประสบความสำเร็จ กิ่งท้อร่วงโรยลงตามกาลเวลา แต่เมื่อเขาพบกิ่งของต้นแอปเปิลป่าจากภูเขาเฟิ่งหลินจึงได้ลองนำมาต่อดู สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จพบว่าตรงกิ่งแอปเปิลนั้นมีดอกตูมออกมา นี่จึงถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก บ่าวนึกว่าจะเป็นผลสาลี่เสียอีกที่ปรากฏออกมา หวางเฉียงคิดว่ามันจะออกมาแตกต่างจากแอปเปิลทั่วไปอย่างแน่นอน ซึ่งบ่าวกำลังตั้งหน้าตั้งตารอดูอยู่

บัดนี้ บัณฑิตจากสำนักศึกษาซีซานมีอยู่ราว 1,346 คน อยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของคณบดีฉิน มีรูปแบบการเรียนการสอนที่แข็งแกร่งและใช้ตำราเรียนชั้นยอดจนมีชื่อเสียงเทียบเคียงกับสำนักศึกษาหลินเจียงแล้ว

มีเสียงดังออกมาจากศูนย์วิจัยซีซานตลอดทั้งวัน บ่าวจำได้ คุณชายเคยกล่าวว่าหากพวกเขาต้องการสิ่งใดก็จงหามาให้พวกเขาทุกอย่าง ได้ยินมาว่าปืนใหญ่รุ่นใหม่นั้นกำลังจะถูกสร้างขึ้นมา ระยะกระสุนและความแม่นยำดีกว่าปืนใหญ่ในตอนนี้เสียอีก

ฉินเฉิงเย่ได้กลับมาถึงภูเขาซีซานในวันที่หนึ่ง เดือนสี่ หลังจากกลับมาแล้วเขาก็ได้ขังตนเองอยู่ในศูนย์วิจัยซีซานมิได้ออกไปที่ใดอีกเลย กล่าวกันว่านี่เป็นช่วงเวลาสำคัญในการวิจัยปืนรุ่นที่สอง

ท่านแม่ทัพไป๋ยู่เหลียนได้จัดตั้งกองกำลังทหารม้าที่ภูเขาซีซานจำนวน 800 นาย ท่านแม่ทัพได้แจกจ่ายปืนคาบศิลาให้พวกเขาเพื่อรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน

ทหารเหล่านั้นล้วนมาจากการโดนคัดออกเมื่อยามฝึกทหารมาก่อน แม่ทัพไป๋กล่าวว่าแท้จริงแล้วพวกเขาแข็งแรงกว่าทหารในกองทัพชายแดนเสียอีก

บัดนี้ท้องทุ่งที่ภูเขาซีซานเต็มไปด้วยดอกไม้ผลิบานงดงามยิ่ง หากว่าคุณชายและฮูหยินทั้งสามมีเวลาว่างก็กลับมาชื่นชมเถิด

อีกประการหนึ่งก็คือนายท่านหายตัวไปนานมากแล้ว เหล่าภรรยาของเขาในจวนหลินเจียงค่อนข้างกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หากว่าคุณชายส่งคนไปตามนายท่านกลับมาได้ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี

บ่าวซิ่วเอ๋อร์ ยามราตรี รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 10 วันที่สิบเจ็ด เดือนสอง”

ฟู่เสี่ยวกวนอ่านจดหมายเสร็จก็ได้วางลงจากนั้นก็ยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าเรื่องบิดาอ้วนได้เป็นจักรพรรดินั้นยังมิได้แจ้งให้แก่บรรดาอนุภรรยาของเขาทราบสินะ

ตามที่คาดเอาไว้ บัดนี้บิดาอ้วนเป็นองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ภายใต้ชื่อ อู๋ต้าหลาง แม่เลี้ยงทั้งห้าจึงมีศักดิ์เป็นนางสนมที่ฝ่าบาทแห่งราชวงศ์หยูพระราชทานให้แก่พวกนาง ทว่าจะให้พวกนางไปที่ราชวงศ์อู๋ก็เกรงว่าจะมิเหมาะสมเท่าใดนัก

มันยากสำหรับพวกนาง ! ทว่าทุกข์ก่อนแล้วค่อยสบายทีหลังจะดีกว่า

ฟู่เสี่ยวกวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ จินตนาการถึงภาพภูเขาซีซานที่กลายสภาพสถานที่ที่งดงามขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นงานชิ้นแรกตั้งแต่มาถึงโลกนี้เลยก็ว่าได้ มันมีความสำคัญต่อจิตใจของเขามากยิ่งนัก

เขาเองก็ต้องการกลับไปดูความเรียบร้อยที่ภูเขาซีซานเช่นกัน

แต่ทว่าก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมา

นี่อาจจะเป็นดั่งคำกล่าวที่ว่าหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“เหตุใดถึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ขึ้นมาเล่า ? ”

ต่งชูหลานเดินมาพร้อมถ้วยซุปไก่ในมือแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามฟู่เสี่ยวกวน นางจึงได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย

ฟู่เสี่ยวกวนเลิกคิ้วสงสัย “จดหมายจากซิ่วเอ๋อร์ล้วนกล่าวถึงเรื่องภูเขาซีซานทั้งสิ้น เพียงแค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วถึง 2 ปี จึงรู้สึกคนึงหาขึ้นมามากเสียทีเดียว”

ต่งชูหลานเลื่อนถ้วยซุปไก่ไปเบื้องหน้าของเขาแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “แท้ที่จริงแล้วท่านกับข้าเจอกันคราแรกที่ภูเขาซีซาน ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะมีเหตุพลิกผันไปบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี… สถานการณ์ช่างประจวบเหมาะยิ่ง ท่านพี่…ลองชิมเถิด”

“อืม”

“ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่านสักหน่อย”

“เจ้าถามมาเถิด”

“ตอนนั้นที่หลินเจียงข้าได้ส่งคนไปทำร้ายท่าน ทำให้ท่านบาดเจ็บปางตาย ตามจริงแล้ว… ท่านควรจะเกลียดข้าสิ ตอนที่ได้พบท่านคราแรกที่ภูเขาซีซาน ข้าจำได้ว่าท่านนั่งอยู่ในศาลานั้นแต่ใบหน้ามิได้แสดงออกว่าเกลียดชังกันเลยสักนิด เพราะเหตุอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะน้อย ๆ และครุ่นคิดในใจว่าหากมิใช่เพราะการทำร้ายในครานั้น ข้าจะอยู่ตรงหน้าเจ้าเช่นนี้หรือ

ในบทละครงิ้วกล่าวไว้ว่า ในเมื่อได้ใช้ร่างของผู้อื่นแล้วก็ควรจะแก้แค้นและไปสังหารคนที่มีความแค้นต่อกันมาก่อน นี่มิถือว่าเป็นเรื่องเหลวไหลในสายตาของฟู่เสี่ยวกวน แต่สถานการณ์มันมิเหมือนกัน

เป็นความจริงที่เขาได้รับช่วงต่อจากเจ้าของร่างนี้ แต่ทว่าเขามีจิตวิญญาณที่เป็นอิสระ

ในตอนนั้นต่งชูหลานเพียงแค่ต้องการสั่งสอนเขาเท่านั้น แต่คนของนางทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย ถ้าตอนนั้นคนของนางทำเขาตายขึ้นมาจริง ๆ หรือหากว่าต่งชูหลานยังต้องการสั่งสอนเขาต่อล่ะก็เรื่องราวอาจจะมิเหมือนในตอนนี้

หลังจากวันนั้น ต่งชูหลานมิได้ส่งคนมาทำร้ายเขาอีก ยิ่งไปกว่านั้นนางยังได้เอ่ยขอโทษเขาอีกด้วย ทั้งสองจึงได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว ความมิพอใจจึงจางหายไปและสถานการณ์จึงกลับมาเป็นปกติ

“เจ้ารู้วิธีที่จะแสดงความความเกลียดชังต่อสตรีได้ดีที่สุดหรือไม่ ? ”

ต่งชูหลานผงะแล้วส่ายศีรษะทันที

ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มกว้างแล้วเอ่ยว่า “กล่าวว่าคือการทำให้นางให้กำเนิดทารก ! กำเนิดทารกให้เยอะ ๆ เยี่ยงไรเล่า ! ”

เมื่อต่งชูหลานได้ยินดังนั้น ก็จ้องมองเขาด้วยสายตาละอายใจ “นี่… นี่คือวิธีที่ท่านใช้เพื่อแก้แค้นข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์ “ใช่ ! เพราะข้าจะได้ทรมานเจ้าบนเตียงตลอดไปเยี่ยงไรเล่า ! ”

ต่งชูหลานเมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าก็แดงขึ้นมาทันพลัน นางจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนครู่หนึ่งแล้วก้มศีรษะลง เอ่ยด้วยเสียงต่ำว่า “มิเห็นว่าจริงจังสักนิด ในใจท่านคิดแต่เรื่องเช่นนี้หรือ…รีบดื่มน้ำซุปนี่เถิด ! ”