SD:บทที่ 43 : ปกป้อง

ทุกคนในห้องเงียบลงโดยฉับพลัน ใครจะคิดกันว่าไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ จะมีอะไรเช่นนี้เกิดขึ้นได้!

นายน้อยของตระกูลเซี่ยว เด็กหนุ่มผู้เป็นที่หวงแหนของครอบครัว กลับถูกขวดเหล้าตีเข้าที่หัวอย่างต่อเนื่องถึงสามครั้ง แล้วตอนนี้เขากำลังนอนแน่นิ่งบนพื้นอย่างไร้สติ อาการไม่ต่างจากตายไปแล้ว

คนคุ้มกันของ เซี่ยว หยุน จึงหลุดจากภวังค์ในตอนนั้น หน้าของแต่ละคนซีดไม่ต่างกัน

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าจะมีใครคาดเดา ก่อนที่จะมีใครทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า เซี่ยว หยุน ก็หมดสติฟุบไปกองบนพื้น ความจริงแล้ว สิ่งที่น่าตื่นตกใจที่สุด คงเป็นเรื่องที่มีใครในเมืองตงไห่ที่กล้าหาเรื่องกับตระกูลเซี่ยว

พวกคนคุ้มกันจ้องมองไปที่ผู้ไม่ได้รับเชิญ เป็นอันชัดเจนว่าเขาจะต้องตาย!

โดยไม่มีการเอ่ยคำเตือนใด ๆ เหล่าผู้คุ้มกันก็พุ่งตรงเข้ามาต่อสู้กับพวกเขา จะอย่างไรก็ตาม หน้าที่ของพวกนั้นก็คือการคุ้มครอง เซี่ยว หยุน ให้ปลอดภัย แต่ปัญหาสำคัญคือ เซี่ยว หยุน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

หาก ฝาง ชุนหยู รู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ ผู้คุ้มกันพวกนี้ซี้แหงแก๋แน่!

แต่ทว่ายังมีคนอีกมากที่ไม่ทันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คนคุ้มกันหลายรายต้องแตกฮือไปในทุกทิศทุกทาง ส่วนคนขับรถแท็กซี่กลับไร้ซึ่งแม้แต่รอยขีดข่วนสักเล็กน้อย ฝูงชนสูดลมหายใจเข้าอย่างสั่นเทา แล้วก้าวถอยอย่างเชื่องช้าไปยังมุมของห้อง

โถ่เว้ย เมืองตงไห่มีคนอันตรายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย!

ซู ฉิวไป่ ชำเลืองมองไปรอบตัว และพลันสังเกตเห็นว่าทุกคนเริ่มหยุดต่อสู้กันหมดแล้ว ชายหนุ่มแบก เซี่ยว หยุน ขึ้นมาจากพื้นห้อง จากนั้นลากเขาไปตรงหน้าหน้าต่าง ซึ่งยาวตั้งแต่พื้นห้องจรดไปสูงถึงเพดาน ทุกคนเพียงเฝ้าดูในขณะที่ เซี่ยว หยุน ถูกกระชากไปตามพื้น โดยที่ไม่มีใครกล้ากล่าวอะไร

ชายหนุ่มดูจะมีเป้าหมายแค่เพียงตระกูลเซี่ยวอย่างเห็นได้ขัด  ดังนั้นคนอื่นจึงทำแค่มุงดูจากห่าง ๆ

ซู ฉิวไป่ กระเสือกกระสนอยู่มากในการลากเด็กหนุ่มไปที่หน้าต่าง เขาเปิดมันออก จากนั้นจึงปล่อยตัว เซี่ยว หยุน ชายหนุ่มย่อตัวลง และกระซิบอะไรบางอย่างในหูของอีกฝ่าย

ไม่มีใครอาจทราบได้ว่า ซู ฉิวไป่ กล่าวอะไร พวกเขาแค่มองเขายืนขึ้นแล้วเมิน เซี่ยว หยุน ราวกับเขาไม่มีตัวตนอีกแล้ว ต่อมา คนขับรถแท็กซี่ได้แต่เดินเข้าไปหา เฉา ตั้วเฟย อย่างเหนื่อยล้า พวกจีนมุงต่างประหลาดใจกันทั้งสิ้น หมอนั่นถ่อมาถึงนี่แค่เพื่อจะดักตีหัวมันเนี่ยนะ

อย่างไรก็ตาม ความทรงจำของผู้คนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้ายังไม่เลือนหาย ไม่ว่าใครต่างก็นึกขึ้นได้ หากไอ้นี่กล้าพอจะตี เซี่ยว หยุน ด้วยขวดเหล้าแล้ว งั้นมันก็คงไม่กลัวที่จะฆ่า ’นายน้อย’ ของตระกูลเซี่ยวหรอก

บางที กลุ่มคนที่สงสัยที่สุด คงเป็นเหล่าเด็กหนุ่มสาวในแก๊งรถซิ่งนั่นแหละ เฉา ตั้วเฟย อดไม่ได้ที่เอ่ยถามชายหนุ่มอย่างกระวนกระวายใจ ไอ้ตัวร้ายที่จะล้างแค้นก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง จะปล่อยไปง่าย ๆ งี้เหรอ

ก่อนที่เขาจะได้อ้าปาก สายตาของชายตรงหน้ากลับทำให้เขาหยุดชะงัก เฉา ตั้วเฟย ทำอะไรไม่ได้นอกจากการถอนหายใจ จนเมื่อเหล่าผู้บุกรุกจากแก๊งนักแข่งข้างถนนไปแล้ว ใครสักคนหนึ่งจึงกล้าพอจะใช้โทรศัพท์ พวกคนคุ้มกันยังลุกขึ้นแล้วปรี่เข้าไปหา เซี่ยว หยุน หลายคนคุกเข่าลงเพื่อจะตรวจดูว่านายท่านยังมีลมหายใจหรือไม่

ทันใดนั้น จู่ ๆ เซี่ยว หยุน กลับลุกพรวดขึ้นมาอย่างไม่มีใครคาดหมาย แล้วเด็กหนุ่มกลับกระโดดออกนอกหน้าต่างก่อนจะมีใครทันโต้ตอบอะไร

ณ ตอนนั้น มันเหมือนกับว่าเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะหนึ่ง

ไม่มีใครเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต่างสับสนว่าเหตุใด เซี่ยว หยุน ถึงคิดสั้นขึ้นมาเฉย ๆ จะอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกคนต่างรู้ตัวแล้วว่าผลลัพธ์ของเหตุการณ์นี้จะเป็นอย่างไร เมืองตงไห่ต้องโกลาหลวุ่นวายเป็นแน่!

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ซู ฉิวไป่ ที่รู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำ สำหรับเขา นั่นเป็นเพียงแค่การเสียแต้มสะสมการเติบโตเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

เฉา ตั้วเฟย สุดท้ายแล้วก็ถามเขาขึ้นมา ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และนี่เขาหวาดกลัวตระกูลเซี่ยวขึ้นมาหรืออย่างไร ทำไมถึงหยุดเอาเสียดื้อ ๆ

ซู ฉิวไป่ เพียงส่ายหัว ชายหนุ่มไม่สนใจจะตอบคำถามของเขาเลย ซึ่งนั่นทำให้เขาอึดอัดมากกว่าเดิม และกระตุ้นความสงสัยของเขาขึ้นไปอีก เด็กหนุ่มอยากจะถาม ซู ฉิวไป่ ให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือเสียอย่างงั้น เขาระงับอารมณ์โกรธไว้ในใจ แล้วก็เดินออกมาจากสปริงเฮาส์พร้อมกับพรรคพวก แต่เขาพลันสังเกตเห็นฝูงชนรวมตัวกันมุงดูอะไรบางอย่าง

ตัวของ ซู ฉิวไป่ นั้น เดินตรงไปยังรถของตัวเองอย่างไม่สนอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้ เฉา ตั้วเฟย รำคาญอีกฝ่ายเต็มทน เขารู้สึกราวกับว่าหัวของเขาจะระเบิดออกจากความสงสัย  เด็กหนุ่มอยากเข้าใจความโกลาหลตรงหน้าสักนิดก็ยังดี อย่างน้อยก็ดับความกระหายรู้ของตนเองไปสักเรื่อง เขาแทรกบีบตัวผ่านกำแพงมนุษย์ ทว่ากลับชะงักงันจากภาพที่ปรากฏตรงหน้า!

ทำไมถึงเป็น เซี่ยว หยุน กัน! มันมานอนตายตรงนี้ได้ยังไง

เด็กหนุ่มวิ่งพรวดเข้าไปหารถแท็กซี่ของ ซู ฉิวไป่ เขาหันซ้ายหันขวาเพื่อตรวจดูว่าจะไม่มีใครได้ยินอีก เฉา ตั้วเฟย ยื่นหัวเข้ามาทางหน้าต่างรถ แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา “ลูกพี่ นี่พี่เป็นคนทำใช่มั้ย”

อีกฝ่ายหันมาจ้องเขาด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย ปากของ ซู ฉิวไป่ ไม่อาจหุบยิ้มได้ แม้จะไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมา

เฉา ตั้วเฟย เข้าใจได้ในทันทีว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร เพียงได้เห็นรอยยิ้มนั้น เขาไม่อาจยั้งความตื่นเต้นไว้ได้อีก หลังจากบีบแตรรถดังลั่นประหนึ่งเป็นสัญญาณ เขาก็ขับตามแก๊งไปในรถเฟอร์รารี่สีแดงของตน

เมื่อเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้น ผู้คนที่ได้เป็นพยานเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดดำเนินไปที่สปริงเฮาส์นั้น ยังคงมีคำถามหนึ่งในใจ

ซู ฉิวไป่ พูดอะไรกันแน่ ถึงทำให้ เซี่ยว หยุน คิดฆ่าตัวตายได้กัน

คนขับรถไม่รู้เลยว่าตนเองจะมีผลกระทบกับความคิดของคนอื่นเช่นนี้ และอาจไม่รู้ด้วยว่าเขากลายเป็นปริศนาระดับใหญ่หลวงในจิตใจของผู้คน หลังจากที่เขาได้ไปจัดการ ‘ปัญหา’ ของตนเช่นนี้แล้ว ความขุ่นเคืองในใจเขาหายไปในบันดล ชายหนุ่มเปลี่ยนไปมากหลังจากที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเซี่ยวเซี่ยว แต่ตอนนี้ เหมือนกับว่าเขากลับมาเป็น ซู ฉิวไป่ คนเดิมอีกครั้ง

หลังจากที่เขาจอดรถในโรงพยาบาลแล้วขึ้นบันไดไป เขาสังเกตเห็น จาง เหวิน และ เสี่ยว หลี ในทันที ทั้งสองดูตื่นเต้นออกหน้าออกตา

“เซี่ยวเซี่ยวได้สติแล้วค่ะ เมื่อกี้เพิ่งมีหมอมาตรวจ อาการเธอตอนนี้คงที่แล้ว เธอจะถูกปล่อยตัวกลับบ้านทันทีที่เธอฟื้นฟูเต็มที่ค่ะ”

ซู ฉิวไป่ หัวเราะเร็วพลันเมื่อได้ยินข่าวดี เขาไม่ปิดอาการมีความสุขของตนเองเลย ชายหนุ่มหันกลับไปและวิ่งตรงไปในห้องคนไข้ ไม่มีใครคิดจะไปรบกวนพวกเขา เพราะต่างก็รู้ดีว่าทั้งสองต้องพลัดพรากห่างกันนานแค่ไหน

เฉา ตั้วเฟย นำพรรคพวกตนไปหาที่คุ้มหัวสำหรับการนอนในคืนนี้ แล้วจะนัดมาเจอกันอีกทีในภายหลัง หลังจากที่เหล่าเด็กหนุ่มสาวจากไปแล้ว โถงทางเดินดูโล่งขึ้นในพริบตา

จาง เหวิน และ เสี่ยว หลี รู้ดีว่า ซู ฉิวไป่ ออกไปตามหา เซี่ยว หยุน มา พวกเธออดไม่ได้ที่จะถามเรื่องของเขาคนนั้นเมื่อเจอกับ เฉา ตั้วเฟย ยืนอยู่ ณ มุมห้อง

“โดดตึกตามเพื่อนพวกเธอไปแล้ว สงสัยคงรู้สึกผิดละมั้ง” เด็กหนุ่มชำเลืองมองพวกเธอแล้วตอบง่าย ๆ เช่นนั้น

“หมอนั่นเนี่ยนะ” จาง เหวิน อ้าปากค้าง ในขณะที่ เสี่ยว หลี ที่ยืนอยู่เคียงข้างเธอ ยังทำใจเชื่อเรื่องที่ได้ยินไม่ได้เลย

“จริงดิ?” เด็กสาวยังคงเคลือบแคลง จึงเอ่ยถามอีกหลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่วินาที

“จริง ไม่เชื่อฉันล่ะก็ เดี๋ยวก็ได้รู้ข่าวเองล่ะ” หลังจากนั้น เฉา ตั้วเฟย ก็หัวเราะไม่ต่างจากคนบ้า

เด็กสาวทั้งสองไม่ใส่ใจพฤติกรรมประหลาดของเด็กหนุ่มตรงหน้า พวกเธอยังคงตกตะลึง

นายน้อยของตระกูลเซี่ยวที่ไม่ว่าใครต่างก็เคยได้ยินชื่อ เซี่ยว หยุน!

หากจะพูดตามตรงแล้ว ไอ้นั่นทำให้เด็กสาวหลายคนต้องเจ็บปวด แค่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักเรียนหญิงหลายคนในโรงเรียนของพวกเธอก็ประสบกับ ‘อุบัติเหตุ’ ปริศนานับสิบรายแล้ว

พวกเธอเคยคิดว่าคนเลวร้ายอย่างเขาคงแตะต้องไม่ได้เป็นแน่ ทว่า… พี่ชาย ซู เซี่ยวเซี่ยว มันเป็นคนยังไงกัน

เซี่ยวเซี่ยวบอกว่าพี่ชายเป็นคนขับรถแท็กซี่ แต่คนขับรถบ้าอะไรจะมีพรรคพวกร่ำรวยเยอะแยะแบบนี้ แล้วเขาจ่ายเงินค่ารักษามากมายขนาดนั้นได้ยังไง ที่สำคัญ เจ้าตัวตามหาว่า เซี่ยว หยุน อยู่ไหนเมื่อครู่ แล้วจู่ ๆ เซี่ยว หยุน กลับฆ่าตัวตายน่ะเหรอ ไม่มีทางจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญแน่ เขาไม่คิดกลัวอิทธิพลของตระกูลเซี่ยวเลยรึไง

ทั้งหมดนี้ถาโถมเข้ามาทำให้พวกเธอตึงเครียดเพราะชายหนุ่มปริศนาคนนี้ แม้แต่ ซู เซี่ยวเซี่ยว ที่พวกเธอคิดว่ารู้จักดี กลับกลายเป็นคนลึกลับไปแล้ว แม้ว่าพวกเธอจะเคยคิดดูแคลนเธอก็ตาม

สองพี่น้องไม่อาจทราบได้ว่าในใจของเด็กสาวทั้งสองคิดถึงพวกเขาเช่นไร รอยยิ้มของเซี่ยวเซี่ยวทำให้ ซู ฉิวไป่ ใจเย็นลงอย่างมาก

“พี่มาทำไมคะ” น้ำเสียงเธอดูอ่อนแรงเหลือเกิน

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่คิดจะบอกพี่รึไงเนี่ย” ซู ฉิวไป่ เอ่ยเรียกร้องหาคำอธิบาย ด้วยน้ำเสียงที่แฝงความโกรธเล็ก ๆ ถึงเขาจะรู้ดีว่าเซี่ยวเซี่ยวไม่อยากทำให้ครอบครัวต้องกังวลก็เถอะ

โชคยังดีที่สุดท้าย เรื่องทั้งหมดจบลงไปโดยดี แต่ถ้ามันเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นล่ะก็ ครอบครัวที่เธอเป็นห่วงนัก จะรู้สึกอย่างไรกันเล่า

“หนูผิดเองค่ะ” ซู เซี่ยวเซี่ยว กระซิบตอบ พร้อมกับก้มหัวลงอย่างรู้สึกผิด

ท่าทางของเธอทำให้เขางุนงงได้เสมอ ยัยเด็กคนนี้เป็นแบบนี้เสมอ ตั้งแต่ที่พวกเขายังเป็นเด็ก เมื่อน้องของเขายอมรับความผิดพลาดของตน ความโกรธของเขาสลายฉับพลัน

และครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันนัก

“พี่ คราวนี้อย่าหาเรื่องได้มั้ย” บางที ซู เซี่ยวเซี่ยว ยังคงกังวลในเรื่องนี้ ในที่สุด เธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วถามเขา หลังจากเงียบไปพักใหญ่

ซู ฉิวไป่ ไม่อาจตอบอะไร เขาเพียงยิ้มให้น้องสาวแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง

ขณะนี้ฝนยังคงตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเมืองตงไห่ประหนึ่งว่าถูกบดบังไว้ด้วยสายฝนที่โหมกระหน่ำ ไม่ต่างอะไรจากอารมณ์ของผู้คนในตอนนี้

เหตุผลที่ ซู ฉิวไป่ ไม่อาจสัญญาเช่นนั้นกับเซี่ยวเซี่ยว เพราะเขารู้ดีว่าตระกูลเซี่ยวไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เป็นแน่ เขาคงได้เผชิญหน้ากับพวกนั้นในเมืองตงไห่เร็ว ๆ นี้แน่

ถึงเขาจะไม่ได้หันไปพูดตรง ๆ กับเซี่ยวเซี่ยว แต่เขาเชื่อว่าเธอต้องรับรู้ความในใจของเขาเป็นแน่ ชายหนุ่มพึมพำกับตนเอง

“ไม่ว่าพายุจะใหญ่แค่ไหน ในฐานะที่เป็นพี่ชาย พี่จะปกป้องน้องเอง!”

สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นเดียวกับที่เขาคาดการณ์ ในตอนนั้น ทั้งตระกูลเซี่ยวเลือดขึ้นหน้าพอจะฆ่าใครสักคนได้ เมื่อได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นกับ เซี่ยว หยุน!