ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 464 เยี่ยนตี๋เข้าฌาน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมืองทะเลมรกตจำเป็นต้องซ่อมแซมค่ายกลคุ้มภูผาของตัวเอง เจ้าเมืองซ่งอู๋เลี่ยงก็ต้องการเข้าฌานรักษาอาการบาดเจ็บเช่นกัน

เมื่อมีโอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ก็ใช้กำลังกดดันวารีพิภพ เริ่มบุกจู่โจม

เขากว่างเฉิงกับเขาไร้พรมแดนต่างก็ลงมือ ขัดขวางกองกำลังของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์

สุดท้ายสงครามเพิ่งจะเกิดขึ้น ก็ต้องถูกขัดเพราะสาเหตุจากโลกภายนอก

ปฐพีพิภพเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจำเป็นต้องวางบุญคุณความแค้นชั่วคราว หันหอกไปที่ศัตรูของโลกแปดพิภพก่อน

ยอดฝีมือของแต่ละที่ มีบางคนคอยสังเกตการณ์ที่ปฐพีพิภพ มีบางคนกลับสำนักของตัว เพื่อเตรียมจัดการทุกอย่าง

เมื่อจ้าวเกอกลับเขากว่างเฉิง ก็เห็นเยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดาของตนทันที

“การตามหามารดาของเสี่ยวเยี่ยนล้มเหลว” ประโยคแรกในการพบเจอ เยี่ยนจ้าวเกอทำให้เยี่ยนตี๋หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

ถึงแม้ยังไม่อาจเข้าใจถึงความนัยในคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างชัดเจน แต่ยังเข้าใจความหมายตามคำพูดอยู่

เยี่ยนตี๋ถอนใจ “อวิ๋นเซิงกับหลงถูได้บอกให้ข้าฟังคร่าวๆ แล้ว ผลลัพธ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่อาจทำอะไรได้”

หลังจากถอนใจแล้ว สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็เปลี่ยนเป็นคมกริบ “โลกซ้อนโลก เหอะ!”

ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างน้อยหากมองในตอนนี้ ท่านแม่น่าจะไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าเรื่องราวในโลกมิอาจคาดการณ์ได้ แต่ดูจากน้ำเสียงในข้อความของนาง ก็น่าจะยังสบายดีอยู่”

“เพียงแต่จะประมาทไม่ได้ ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจริง นางก็ไม่จำเป็นต้องมาโลกลอยน้ำเป็นครั้งที่สองโดยไม่เปิดเผยร่องรอย แม้แต่ท่านน้าซูก็ไม่พบนางเช่นนี้”

ผู้เป็นบิดาไพล่สองมือไว้ด้านหลัง สายตามองไกลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศทางที่บึงพิภพอยู่

“ถ้านับวันเวลาดู สายรุ้งกางเขนในตอนนี้น่าจะหายไปแล้ว เพียงแต่กระจกยังสูงส่งที่ท่านแม่ทิ้งไว้ และข้าได้รับมันมา หากศึกษาดีๆ น่าจะมีประโยชน์มาก เพียงแต่ถ้าโลกซ้อนโลกไปยากเหมือนคำกล่าวของท่านแม่จริงๆ เกรงว่ากระจกยังสูงส่งจะไม่ไหว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

เยี่ยนตี๋พยักหน้าเงียบๆ ครู่ต่อมาค่อยละสายตามองออกไปไกล พลางกล่าวเสียงทุ้ม “ถ้าหากกระจกยังสูงส่งมีประโยชน์มากมายตามที่เจ้าว่า เช่นนั้นเจ้าต้องใส่ใจให้มากไว้”

“สวีเฟยกับสือจวินเผชิญความอันตรายอยู่ด้านนอก เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงจริงๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านพ่อวางใจเถอะ”

ครู่ต่อมา เขาก็กล่าวต่อ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้าได้รับรูปแบบทัพมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มิใช่ค่ายกลที่พึ่งพาความได้เปรียบด้านชัยภูมิเหมือนกับค่ายกลนภาหรือค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด แต่เป็นรูปแบบทัพของกระบวนทัพชนิดหนึ่ง ชื่อว่าค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย”

ดวงตาของเยี่ยนตี๋ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น “จริงหรือ?”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ไม่เคยบอกท่าน เป็นเพราะว่าการจัดกระบวนทัพนี้ยากเกินไป”

“ก่อนอื่น ต้องจัดกระบวนทัพโดยใช้ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สองอย่างน้อยสี่คน แน่นอนว่าพลังฝึกปรือยิ่งสูงยิ่งดี ถ้าหากไม่พอจริงๆ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หนึ่งกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์พอจะฝืนถูไถได้”

“ข้อต่อมา จำเป็นต้องใช้แกนศิลาวิญญาณณชั้นยอดจำนวนมากช่วยสร้างกระบวนทัพ จึงจะเห็นผล”

เขาอธิบายต่อ “ปัญหาข้อหลังนี้ยากกว่าข้อก่อนหน้า ถึงอย่างไรแกนศิลาวิญญาณชั้นยอดก็ได้สาปสูญไปจากโลกแปดพิภพแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจปักกิ่งหลิว[1] พอไปถึงโลกลอยน้ำ ก็ได้รับแกนศิลาวิญญาณชั้นยอดมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นปัญหาข้อนี้จึงได้รับการแก้ไข”

เยี่ยนตี๋ถาม “ดังนั้น ตอนนี้ต้องเผชิญกับปัญหาข้อแรกแล้ว?”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวตรงๆ “ถ้าหากสถานการณ์คับขันจนต้องรวมคน ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นข้าย่อมไม่อยากนับหวงกวงเลี่ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์”

ฝ่ายบิดามีสีหน้าเป็นปกติ “ในเวลาสั้นๆ สำนักเราย่อมรวมคนจัดกระบวนทัพไม่ได้แน่นอน ครั้งนี้ที่เจ้าพูดถึงกระบวนทัพนี้ เป้าหมายก็คือปฐพีพิภพ หรือไม่ก็โลกปีศาจอัคคีกระมัง?”

“เป็นเช่นนั้นขอรับ” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ

“อาจารย์กับเสื้อคลุมนภา เจ้าสำนักซ่งกับกระบี่สัตยาทะเลมรกต ยังมีผู้อาวุโสม่อ…” เยี่ยนตี๋เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “มีตำแหน่งว่างหนึ่งตำแหน่ง

เขาหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เมื่อรังตกไข่ย่อมแตกไม่มีเหลือ ในช่วงเวลาสำคัญ ทุกคนต้องสู้กับศึกนอก ถ้าหากสถานการณ์ตึงเครียดจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องนับหวงกวงเลี่ยด้วย”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าช้าๆ “ท่านพ่อวางใจ ข้าจะเตรียมตัวไว้ หากทุกคนต้องสู้กับศึกจากภายนอกจริงๆ กระนั้นก็ไม่ควรขาดการระวัง แต่ว่าการป้องกันสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ พวกเรามั่นใจอยู่บ้าง”

เยี่ยนตี๋กล่าวหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ปฐพีพิภพยังปลอดภัยสักระยะหนึ่งใช่หรือไม่”

ชายหนุ่มเห็นดังนั้น ในใจก็ทราบว่าเยี่ยนตี๋มีแผนการแล้ว

ในเวลาเช่นนี้ จำเป็นต้องพูดให้ดี ถึงจะทำให้เยี่ยนตี๋ตัดสินใจได้

ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงค่อยตอบ หลังจากตั้งใจครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้ว “ข้ากับอาจารย์ปู่ ยังมีอาจารย์ลุงสอง ล้วนคิดเหมือนกัน ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้นน่าจะไม่มีปัญหา”

“จากการใคร่ครวญส่วนตัวของข้า ในเวลาครึ่งปีน่าจะไม่เป็นไร”

หลังจากเยี่ยนตี๋ได้ยิน สายตาก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ “แจ้งอาจารย์ปู่ของเจ้า ว่าข้าจะเข้าฌานในเร็ววัน ตามการคำนวณของข้า การเข้าฌานครั้งนี้จำเป็นต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี”

เยี่ยนจ้าวเกอตกใจ จากนั้นก็ฮึกเหิมขึ้น “ท่านพ่อ ท่าน…”

เยี่ยนตี๋พยักหน้า “ข้าเป็นมหาปราจารย์ขั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายมานานทีเดียว การสั่งสมเองก็ค่อนข้างพร้อม”

“หลังจากเข้าสู่ระดับบรรลุธรรม ก็ได้ต่อสู้กับจอมมารหยวนเทียน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งบูรพาหวงกวงเลี่ย และจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีเขียวเฉินลี่ อีกทั้งปกติยังแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับท่านอาจารย์ จะมากจะน้อยก็ได้รับการกระตุ้นอยู่บ้าง”

“หลังจากนั้นก็มีเจดีย์วิเศษสีแดงที่เจ้าเอากลับมาจากทะเลตะวันออก พอทำความเข้าใจกับหลักการที่อยู่ข้างในนั้น ข้าก็ได้รับประโยชน์ไม่น้อย”

“ครั้งนี้พวกเจ้ากลับมาจากโลกลอยน้ำ ได้ยินพวกเจ้าบรรยายถึงการฝึกฝนของจอมยุทธ์เลือดปีศาจ ก็ทำให้ข้าฉุกคิดขึ้น”

เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างราบเรียบ “เพราะสะสมมามากแล้ว ข้าคิดจะลองดู”

ถ้าหากข่าวหลุดออกไป เกรงว่าจะต้องสั่นสะเทือนโลกแปดพิภพแน่นอน

ถึงอย่างไรเยี่ยนตี๋ก็เพิ่งจะเลื่อนระดับสู่ขั้นบรรลุธรรมในสงครามเขากว่งงเฉิงก่อนหน้านี้เอง หากเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ในระยะสั้นๆ แค่นี้ มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมคนอื่นคงอึดอัดจนอยากตาย

เนื่องจากหยวนเจิ้งเฟิงได้รับบาดเจ็บ จึงยังไม่ต้องพูดถึง

ซินตงผิงกลายเป็นมาร ก็ยังไม่มีความมั่นใจพอจะก้าวไปขั้นสุดท้ายเลย

ถึงแม้เยี่ยนตี๋บอกว่าจะลองดู ทว่าเมื่อมาถึงระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ของเขาแล้ว ย่อมควบคุมร่างกายของตนเองได้อย่างแม่นยำ

กล้าลองดู แม้จะไม่หนักแน่น แต่ก็มีความมั่นใจอยู่บ้าง

นี่เกี่ยวข้องกับที่เยี่ยนตี๋หยุดยั้งย่างก้าวของตัวเองอย่างสุดความสามารถ ในตอนที่เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายก่อนหน้านี้

ถึงแม้จะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่เข้าใจเรื่องราวดี ในตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย บิดาของตนมิใช่คนที่คนธรรมดาจะเทียบได้

แต่ว่าในขณะที่รู้สึกดีใจ จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็มิได้ผ่อนคลายลงโดยสิ้นเชิง

ถึงแม้เยี่ยนตี๋จะมีความเร็วเหนือจินตนาการของคนธรรมดา แต่เกรงว่าจะไม่ทัน

เยี่ยนตี๋ในตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็เทียบกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งได้แล้ว ปัจจุบันเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ปั่นป่วน ถ้าเกิดระยะเวลาการเข้าฌานของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้เขามิอาจเข้าร่วมสงครามได้ จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง

แต่ว่าเวลาไม่รอคน คู่ต่อสู้ที่โลกแปดพิภพอาจจะต้องเจอ ไม่ใช่แค่ปฐพีพิภพกับนพยมโลกเท่านั้น แต่ยังมีปีศาจอัคคีด้วย!

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอให้ท่านประสบความสำเร็จ”

……………………………………….

[1] ไม่ได้ตั้งใจปักกิ่งหลิว สุภาษิตจีน หมายถึง ไมได้ตั้งใจทำ แต่ได้รับผลลัพธ์เหนือความคาดหมาย