Dual Cultivation บทที่ 612 แผนของซูหยาง
“ขอบคุณสําหรับวันนี้ ซูหยาง ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าข้าได้เข้าไปใกล้ชิดกับน้องสาวของข้าเพราะว่าการฝึกร่วมกันของเรา” ฟางซีหลานกล่าวกับเขาหลังจากนั้น
“มิจําเป็นต้องพูดถึงมันหรอก และหากว่าเจ้ารู้สึกต้องการที่จะร่วมฝึกด้วยกันอีกครั้งก็เพียงแค่บอกให้ข้ารู้” เขาพูดพร้อมกับยิ้ม
ในเวลาหลังจากนั้น ซูหยางก็ได้ออกจากสถานที่แห่งนั้นและกลับคืนไปยังศาลาหยินหยาง
“อืมม… พี่สาว ซูหยางไปไหนเสียแล้วล่ะ” ฟางเชี่ยวหรูตื่นขึ้นหลังจากที่ซูหยางจากไปเป็นเวลาหลายนาที
“เขาไปแล้ว” เธอกล่าวขึ้น
“ข้าเข้าใจ…” ฟางเซี่ยวหรูพยักหน้า
“….”
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบอย่างน่าอึดอัดอย่างรวดเร็วไปชั่วระยะเวลาหนึ่งในเมื่อไม่ มีพวกเธอคนไหนรู้ว่าจะต้องพูดอะไรในสถานการณ์เช่นนี้
“อืม…พี่สาว” ฟางเซี่ยวหรูก็ได้ทําลายความเงียบขึ้นมาในทันทีในขณะที่มองไปยังอีกฝ่ายด้วยท่าทางจริงจัง
“ท่านพอที่จะ…. สอนขาให้มากกว่านี้ในเรื่องของการฝึกวิชาคู่ ข้าต้องการที่จะสามารถสร้าง ความพึงพอใจให้กับซูหยางด้วยร่างกายของข้าเหมือนกับท่านพี่สาว”
“….”
แม้ว่าเธอจะตะลึงงันในช่วงแรก ฟางซีหลานก็ได้พยักหน้าในที่สุดและกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนว่า “อะไรที่เจ้าอยากจะรู้บ้างล่ะ ข้าจะสอนเจ้าทุกอย่างที่ข้ารู้”
ฟางเซี่ยวหรูมีใบหน้าที่สดใสขึ้นมาในทันใด แล้วเธอก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าต้องการที่จะเรียนรู้วิธีการที่จะขยับร่างกายของข้าให้สง่างามเหมือนเช่นท่าน พี่สาว ข้าต้องการที่จะปรับปรุงความอดทนของตัวข้าเช่นเดียวกัน เพื่อที่ว่าข้าจะสามารถอยู่ได้นานขึ้นระหว่างกิจกรรมของพวกเรา “
“เจ้าจะสามารถพัฒนาความทรหดอดทนของตัวเจ้าอย่างเป็นธรรมชาติได้เองหากว่าเจ้าฝึกร่วมกับซูหยางให้มากขึ้น แม้จะมีวิธีอื่นในการพัฒนาความทรหดของเจ้าก็ตามแต่ข้าเชื่อว่าการฝึกร่วมกับซูหยางจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดเพราะว่าความเข้มข้นของวิชาที่เขาใช้” ฟางชีหลานอธิบายให้เธอฟัง
“ส่วนสําหรับการเคลื่อนไหวของตัวข้านั้น ถึงแม้ว่าข้าไม่เคยที่จะสอนใครมาก่อน ข้าก็จะพยายามให้ดีที่สุดที่จะสอนมันให้กับเจ้า”
“ขอบคุณ พี่สาว” ฟางเชี่ยวหรูพยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น
“พวกเรามาช่วยกันทําให้ดีที่สุดในการทําให้ซูหยางได้รับความพึงพอใจในคราวหน้าด้วยกันนะ” ฟางซีหลานพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ในเวลานั้นหลังจากที่กลับคืนสู่ศาลาหยินหยางแล้ว ถึงหลินซีก็กล่าวกับเขาว่า “หญิงกี่คนที่เจ้าฝึกด้วยในวันนี้ 10 20 30 หรือว่า 100”
ซูหยางเพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าได้ละทิ้งนิสัยของการนับคนแต่ละคนที่ข้าได้ร่วมฝึกด้วยไปแล้ว”
“มิว่าอย่างไร เจ้ามั่นใจว่าจะใช้ชีวิตอยู่แบบนี้รึ ที่รัก”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ซูหยางเลิกคิ้วขึ้นกับคําพูดของเธอ
“เมื่อมาคิดว่าเจ้าตอนนี้ได้มีชีวิตอยู่ทุกวันอย่างอิสระและปราศจากความกังวล ร่วมฝึกฝนกับหญิงสาวอ่อนเยาว์และสะสวยได้อย่างถึงใจ ถ้าเจ้าต้องการ เจ้าก็สามารถที่จะร่วมฝึกกับใครก็ได้ที่เจ้าต้องการในโลกนี้โดยปราศจากความกังวลว่าเจ้าจะไปล่วงเกินเทพหรือเซียนเข้า และถึงแม้ว่าเจ้าได้ไปล่วงเกินใครเข้า เจ้าก็สามารถที่จะกับพวกมันได้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวของเจ้าเอง ในเมื่อเจ้าเองเป็นตัวตนที่มิได้ถูกจํากัดด้วยมาตรฐานของโลกใบนี้”
“แต่ทว่าในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นั้นกลับเป็นเรื่องตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อศัตรูของเจ้านั้นมีอยู่ในแทบทุกเมืองและเกาะแก่งที่มีอยู่ และพวกเขาบางคนก็ทรงอํานาจเสียจนกระทั่งเจ้ามิสามารถที่จะจัดการกับพวกเขาได้โดยปราศจากความช่วยเหลือ”
“เจ้าได้เคยคิดที่จะอยู่ในโลกนี้และเริ่มตระกูลใหม่ ชีวิตใหม่ที่นี่บ้างหรือไม่” ถังหลิงซีถามเขาด้วยใบหน้าจริงจัง
“มันได้ผ่านมาในใจของข้าบ้างไหม แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ข้าก็มิอาจจะทอดทิ้งความรับผิดชอบที่นั่นเพียงเพื่อที่จะสนุกกับชีวิตใหม่ตามลําพัง แม้ว่านั่นอาจจะอันตรายและการก้าวผิดเพียงก้าวเดียวอาจจบชีวิตของข้า ข้าก็ยังจักต้องกลับต้องกลับคืนไปยังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และทําให้ทุกสิ่งถูกต้อง”
“ข้ามสามารถที่จะละทิ้งเจ้า หรือว่าใครก็ตามเพื่อเรื่องนั้น แม้ว่านั่นจะต้องแลกด้วยชีวิตของข้า” เขาพูด
“เจ้าวางแผนที่จะทําอะไรหลังจากที่เจ้ากลับไปแล้ว แน่นอนว่าเจ้าต้องมีบางสิ่งอยู่ในใจ” ถังหลิงชี้ได้ถามเขา
“ข้าจะตั้งตัว” เขาตอบอย่างเยือกเย็นหลังจากนั้นชั่วขณะ
“อีกครั้งซิ” ถังหลิงซีเลิกคิ้วด้วยท่าทางงงงัน
จากนั้นซูหยางก็ได้ทําการเดินไปที่หน้าต่าง และจ้องมองไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยด้วยสายตาและบรรยากาศรอบตัวเขาที่เปี่ยมไปด้วยความลึกล้ํา
“หลังจากที่ข้าได้รับรู้ถึงชีวิตที่ปราศจากห่วงกังวลนี้แล้ว สุดท้ายข้าก็ได้พบสิ่งที่ข้านั้นต้องการจริงๆในชีวิตนี้ของข้า” เขากล่าวขึ้นหลังจากที่เวลาได้ผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง
“ชีวิตของข้านั้นสูญสิ้นความหมายไปในทันทีที่ข้าสูญเสียภรรยาคนแรกของข้า ข้าไม่รู้ว่าข้าควรจะทําอะไรหลังจากที่เธอสิ้นชีพไป ดังนั้นข้าจึงพเนจรไปทั่วโลกโดยไร้จุดหมาย หวังที่จะพบบางสิ่งที่จะสามารถเติมเต็มความว่างเปล่าในใจของข้าได้”
“จากสิ่งหนึ่งก็นําไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงเรียนวิชาฝึกคู่ที่มีอยู่ แม้ว่ามันอาจจะไม่เติมเต็มความรู้สึกของข้าได้เต็มที่นัก แต่มันก็เพียงพอที่จะถมช่องว่างภายในใจของข้าได้เป็นการชั่วคราวดังนั้นข้าจึงพัฒนาวิชาร่วมเรียงเคียงเซียนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมิได้คํานึงถึงปัญหาที่ข้าอาจ จะพบจากการทําเช่นนั้น ไปๆมาๆสุดท้ายก็เหมือนกับวิชากระบีของข้า ข้าก็มาถึงจุดสุดยอดของวิชาฝึกคู่ และข้าก็ได้สร้างศัตรูและสหายไว้นับไม่ถ้วนในระหว่างนั้น”
“ในชีวิตก่อนของข้ามันมีแต่เรื่องราวของชีวิตและการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา และข้าก็ไม่เคยที่จะได้รับโอกาสที่จะตั้งหลักอยู่ที่ใดที่หนึ่งด้วยความผ่อนคลายกับสหายของข้าจริงๆสักครั้ง และถึงแม้ ข้าจะได้รับโอกาสนั้นมันก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข้าได้เกิดขึ้นมาใหม่ในโลกแห่งนี้และได้มีชีวิตที่อยู่อย่างปราศจากความกังวล ข้าก็ได้เรียนรู้บางสิ่ง หรือควรจะพูดว่าข้าได้รับสิ่งใหม่ๆดีล่ะ”
หลังจากที่เงียบไปอีกชั่วขณะ ซูหยางก็พูดต่อไปอีกว่า
“ข้า ข้าต้องการบ้านที่ซึ่งข้าสามารถจะใช้ชีวิตที่เหลือกับทุกๆคนที่ข้ารักได้ ข้าต้องการที่จะสร้างครอบครัวที่แท้จริงในสถานที่แห่งนั้น สวรรค์ที่ปราศจากความกังวลและการฝ่าฟันชีวิต อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะทําอะไรแบบนั้น ข้าจําเป็นจะต้องกําจัดอุปสรรคที่อาจจะขวางทางหรือกีดกั้นความฝันของข้า”
จากนั้นซูหยางก็หันไปมองดูถึงหลิงชีแล้วกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “ดังนั้นข้าจะกําจัดปัญหาของข้าให้เด็ดขาด ข้าได้หนีมานานเกินไปแล้ว สิบตระกูล…สีเผ่า… จักรพรรดิสวรรค์…ไม่ว่าพวกนั้นจะเป็นใคร ถ้าพวกนั้นกําลังจะเป็นอุปสรรคต่อแผนของข้า ข้าก็จะลบพวกนั้นออกไปให้หมด”
“อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะทําเช่นนั้น ข้าต้องการความช่วยเหลือความช่วยเหลือของเจ้า”
“สรวงสวรรค์ที่ซึ่งคนอื่นๆและข้าสามารถที่จะใช้เวลาทุกๆวันกับเจ้าได้อย่างนั้นรึ” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถังหลิงซี และเธอก็ตรงเข้าไปหาเขาพร้อมกับหรี่ตา
“เจ้าต้องการให้ข้า เผ่าเทพอาชูร่า ทําอะไรงั้นรึ” เธอถามเขาในเวลาต่อมา
“ข้าจักบอกให้เจ้ารู้เมื่อเวลานั้นมาถึง” เขากล่าวแล้วพูดต่อไปอีกว่า “สิ่งสําคัญที่สุดของข้าในตอนนี้คือการกลับไปยังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อย่างปลอดภัย ครั้นเมื่อข้ากลับคืนไปแล้วข้าก็จะเริ่มการเตรียมการ”
เมื่อได้ยินคําพูดของเขาถังหลิงซีก็พยักหน้า
“ดูเหมือนว่าเทพแห่งความสุขที่มีสายสัมพันธ์และทรัพยากรมากมายพอที่จะขับเคลื่อนโลกทั้งใบสุดท้ายก็จะใช้พลังของเขาแล้ว ข้าอดที่จะรอดูต่อไปไม่ได้แล้วว่าสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จะมีปฏิกิริยา เช่นไรพวกเขาได้รู้เรื่องนี้” ถังหลิงชีคิดในใจด้วยรอยยิ้มที่อดรนทนไม่ไหวบนใบหน้า
ซูหยางยังคงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“คอยข้าก่อนทุกๆคน ยามเมื่อข้ากลับไป ข้าจักสร้างบ้าน สรวงสวรรค์ที่พวกเราสามารถที่จะรักและโอบกอดซึ่งกันและกันได้โดยมิต้องสนใจเรื่องราวภายนอกไปตลอดชั่วชีวิตของพวกเราเหมือนดังที่ข้าได้สัญญาไว้”