ตอนที่ 912 - คลื่นห้าชีพจร

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  “เทียนฉวนสมบัติภูติของเจ้ากลับมาแล้ว”
  ชายวัยกลางคนยืนหน้าม่อเทียนฉวน
  ม่อเทียนฉวนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา
  “เอาแก้วร้อยล้านดวงของเจ้าไป!ทีนี้ข้าก็ไม่ติดค้างอะไรเจ้าแล้ว!”
  บุรุษมิโต้แย้งเขาหัวเราะเบาๆและรับแหวนมิติจากนาง เขาหันไปพูด
  “เจ้ายังมีอคติกับข้าอยู่อีกหรือ?”
  “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว!ไอ้แก่ที่ขโมยสมบัติภูติของข้าอยู่ที่ไหน? ส่งมันมาให้ข้า…”
  ม่อเทียนฉวนกล่าวแสงกระจ่างเปล่งประกายในส่วนลึกของดวงตานาง ชายแก่ผู้นี้คือคนลึกลับที่สามารถส่วนนางขจัดพลังภูติผีได้!
  “คนแก่รึ?”
  เขาครุ่นคิด
  “คนที่ขโมยสมบัติภูติของเจ้าคือชายวิถีอสูรที่สังหารจักรพรรดิโลหิตไม่ใช่หรือ?ข้าคิดว่าเจ้าเสียสมบัติภูติไปในตอนที่ต่อสู้กับเขาเสียอีก มันจะถูกชายแก่ขโมยไปได้ยังไง?”
  ม่อเทียนฉวนหน้าแดงเล็กน้อยแต่นางก็ปิดบังอย่างรวดเร็ว นางหรี่ตาถาม
  “เจ้าบอกว่าสมบัติภูติของข้าถูกคนผู้นั้นเอามาขายรึ…”
  เขาพยักหน้า
  นางพูดต่อ
  “แปลกนักคนผู้นั้นขโมยสมบัติข้ามาจากชายแก่รึ? ถ้าเช่นนั้น ชายแก่นั่นยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
  ม่อเทียนฉวนเลิกคิ้วจากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น ชายแก่คนนั้นคือความหวังของนาง
  “เจ้าเอาแต่พูดถึงชายแก่นั่น!ทำไมกัน?”
  “ไม่มีอะไร…”
  ม่อเทียนฉวนส่ายหน้า
  “ข้ายอมรับน้ำใจของเจ้าที่คืนสมบัติของข้ามาข้าจะตอบแทนเจ้าในภายหลัง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะไปหาศิษย์ที่ตำหนักนอกก่อน”
  อีกฝ่ายตาลุกวาว.ไอลีนโนเวล.
  “ฮ่าๆๆเขาคือยอดฝีมือหายากที่เชี่ยวชาญภาษาไม้หรือ? เขาชิงร้านของดินแดนพรสวรรค์ที่เสียไปตลอดสิบปีกลับมา แล้วยังขับไล่พวกดินแดนมีดสวรรค์ออกจากเมืองเทียนหยาไปอีก! คนผู้นี้มีพรสวรรค์มากนัก ข้าก็อยากจะเจอเขาเหมือนกัน! เขาอาจจะอยากเข้าผาบั่นภูติของข้าก็ได้”
  ม่อเทียนฉวนมองชายวัยกลางคนอย่างไม่พอใจแต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก นางเพียงแค่สั่งคนข้างนอก
  “เรียกซือหยูเซี่ยนจากตำหนักนอกข้าอยากจะให้รางวัลกับเขา”
  คนรับใช้ที่ประตูตอบ
  “ท่านเจ้าตำหนักซือหยูเซี่ยน ปิดประตูฝึกตนอยู่ แต่ข้าจะจะไปเรียกเขาเดี๋ยวนี้”
  “ฝึกตนรึ?”
  ม่อเทียนฉวนทวนซ้ำนางจึงไม่คิดจะทำไปมากกว่านี้
  “เอาเถอะถ้าหากเขาปิดประตูฝึกตนเพื่อเลี่ยงการรบกวน ก็รอจนเขาออกมาแล้วกัน”
  เมื่อนางพูดจบนางเหลือบมองชายวัยกลางคน
  “เจ้าไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่อีกแล้วไม่ใช่รึ?”
  เขาหัวเราะ
  “ฮ่าๆๆข้าไม่มีแล้วล่ะ เช่นนั้นก็ลาก่อน แต่ขอเตือนเจ้าสักหน่อย สิ่งที่ทำเกินไปมักจะได้สิ่งที่ไม่ต้องการกลับมา ดินแดนมีดสวรรค์เสียร้านทั้งหมดไปครั้งนี้ เช่นเดียวกับสูญเสียเกียรติยศ ข้าเกรงว่าพวกมันจะเริ่มสงคราม ดินแดนพรสวรรค์ต้องตื่นตัวเข้าไว้”
  “เจ้าไม่ใช่คนที่จะมาห่วงเรื่องนี้!”
  ม่อเทียนฉวนถอนหายใจแรง
  ซือหยูที่กำลังปิดประตูฝึคกตนนั้นไม่รู้เลยว่ามีอะไรกำลังเกิดขึ้นบ้างและอันตรายครั้งใหญ่ที่เขาเลี่ยงไปนั้นอันตรายเพียงใด เมื่อม่อเทียนฉวนรู้ว่าเขาคือชายแก่ที่เป็นโจรขโมยจักรบินและลวนลามนาง สิ่งที่จะเกิดต่อมาก็ยากที่จะคาดเดา!
  ซือหยูยังคงปิดประตูฝึกตนไปอีกครึ่งเดือนนั่นหมายความว่าเขาจากเมืองเทียนหยามาหนึ่งเดือนแล้ว ในเวลาทั้งหมดนี้ ซือหยูใช้ความพยายามทั้งหมดในการศึกษาวิชาลับห้าธาตุ
  หลังจากผ่านช่วงเวลานี้มาซือหยูทั้งพอใจและไม่พอใจในขณะเดียวกัน ครึ่งเดือนในภาวะเร่งเวลานั้นเทียบเท่าหลายสิบปี และซือหยูก็บรรลุอักษรอสูรเพิ่มขึ้นมาเพียงยี่สิบตัวเท่านั้น
  แต่ก่อนเมื่ออยู่ใต้ต้นของหยินมู่เขาได้รับสติปัญญาจากธรรมชาติอันแข็งแกร่งเข้าช่วย ทุกสิ่งเลยดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ปัญหาที่เคยมีก็แก้ได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาเหล่านั้นได้กลับมาแล้ว
  ความยากของอักษรอสูรในวิชาลับห้าธาตุจะยากขึ้นเรื่อยๆมันยากกว่าอักษรตัวแรกๆไปหลายเท่า ดังนั้นความเร็วของซือหยูจึงช้าลงอย่างมาก
  “ข้ามองโลงในแง่ดีเกินไปสินะ!สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณมันยากกว่าที่ข้าคิดเสียอีก!”
  ฟึ่บ!
  ในตอนนั้นเองมังกรวารีสีเขียวเข้มบินออกมาจากคุกเทวะห้าธาตุและถามเขาด้วยความหยาบคาย
  “เจ้ามนุษย์สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะถูกใช้ง่ายๆได้อย่างไร?”
  แต่มันไม่ได้พูดว่าไม่เคยมีใครในบรรดาผู้มีพรสวรรค์อันหาได้ยากในอดีตที่จะเข้าใจอักษรทั้งเก้าสิบตัวในสองเดือนได้อย่างซือหยูแม้แต่เจ้าของรุ่นแรงยังต้องใช้เวลาถึงห้าร้อยปีในการชำระอักษรหนึ่งในสิบส่วน! แต่มังกรวารีตัวนี้มิได้แสดงความตกใจออกมาเลย
  ซือหยูเหลือบมองมันเขาค่อนข้างจะระแวงมันเป็นระยะๆ
  “เจ้าไม่ต้องออกมาตอนที่ข้ายังชำระไม่ถึงร้อยอักษรอย่ามาเสียพลังวิญญาณเจ้าเปล่าๆ…”
  มังกรวารีถอนหายใจแรง
  “ถ้าข้าไม่ออกมาบอกเจ้าเจ้าจะรู้รึว่าคุกเทวะห้าธาตุสามานรถปล่อยพลังเพิ่มเติมได้แล้ว?”
  “เดี๋ยวสิเจ้าไม่ได้พูดว่าข้าจะใช้มันได้หลังจากชำระเกินร้อยตัวหรอกรึ?”
  มังกรวารีกล่าว
  “ฟังให้ดีมันคือพลังเพิ่มพิเศษขึ้นมา ไม่ใช่พลังจริงๆ! พลังกักขังคือพลังที่แท้จริงของคุกเทวะห้าธาตุ แต่เจ้าจะใช้พลังพิเศษได้หลังจากชำระเก้าสิบอักษร”
  “มันคือพลังอะไรกัน?”
  ซือหยูถามขณะที่ถือหอคอยห้าสีในมือ
  มังกรวารียิ้ม
  “คลื่นห้าชีพจร!”
  มันพูดต่อ
  “พลังเดียวของมันก็คือการป้องกัน!เจ้าแค่ต้องปรับห้าธาตุที่เจ้ารับรู้ ใช้คุกเทวะห้าธาตุเรียกมันออกมาเป็นคลื่นป้องกัน ยากที่จ้าวเทวะระดับต่ำกว่าหกจะทำลายได้ มันจะช่วยชีวิตเจ้าได้ในเวลาสำคัญ แต่เป็นเพราะเจ้ายังไม่เข้าถึงพลังของห้าธาตุมากพอ เจ้าจะใช้พลังนี้ได้เดือนละครั้ง และ…มันปกป้องได้แค่คนเดียวเท่านั้น! แต่ถ้าเจ้าเข้าใจร้อยอักษรเท่าใด มันจะไม่มีขีดจำกัดอีกแล้ว”
  การป้องกันการโจมตีของจ้าวเทวะระดับหกได้นั้นยอดเยี่ยมมาก!เกราะแข็งแกร่งเช่นนี้ดีเสียยิ่งกว่าเกราะราชาศิลานิรันดร์! แต่ถ้าเกราะราชาศิลานิรันดร์ถูกซ่อมขึ้นใหม่ มันก็จะแตกต่างกันไปอีก!
  “เจ้าเด็กมนุษย์ศึกษาต่อไปเสีย คุกเทวะห้าธาตุจะทำให้เจ้าตกใจยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ!”
  มังกรวารียิ้มอย่างประหลาด
  หลังจากปิดประตูฝึกตนมาครึ่งเดือนสิ่งที่ซือหยูได้เริ่มจะลดน้อยถอยลง เขาจึงตัดสินใจที่จะเลิกบ่มเพาะชั่วคราว
  หลังหยุดบ่มเพาะพลังครั้งนี้ข้าคงอยู่ในตำหนักนานไม่ได้แล้ว มีปัญหาเยอะเกินไป ข้าต้องออกจากตำหนักให้เร็วที่สุดและทำภารกิจเพื่อหาคะแนน แต่ข้ายังขาดอีกสามล้านกว่าคะแนน! ภารกิจธรรมดาๆจะให้รางวัลมากเช่นนั้นหรือ?
  ซือหยูขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงสิ่งที่ต้องทำ
  การหาสี่ล้านคะแนนนั้นยากกว่าที่เขาคิด!และเขายังเหลือเวลาอีกแค่สี่เดือน!
  ข้าจะไปถามจื่อเสวียนก่อนนางบันทึกภารกิจเอาไว้ นางอาจจะเห็นภารกิจที่ให้คะแนนเยอะมาแล้ว ซือหยูคิดดังนี้และมุ่งหน้ากลับเขาอสูร
  แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะมีสตรีที่งดงามอย่างมากยืนอยู่ในสวนนางให้บรรยากาศของความเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง ดวงตาดั่งหิมะของนางเย็นชาแข็งกร้าวราวกับจะแช่แข็งผู้คนที่มองได้
  “ในที่สุดเจ้าก็ออกมา!ข้ารอเจ้ามานานเกินไปแล้ว!”
  นางไม่ลังเลก่อนจะชักกระบี่เล่มยาวออกมาซัดไปทางซือหยู
  กระบี่ของนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วดุดันแม้ว่าจะเป็นแค่การซัดกระบี่ครั้งเดียว วงแสงหลายร้อยก็ได้เกิดขึ้นมาทำให้ยากที่จะหลบเลี่ยง ทุกการเคลื่อนไหวของกระบี่นี่แข็งแกร่งมาก!
  เส้นเลือดปูดโปนที่หน้าผากของซือหยู
  “นังผู้หญิงบ้า!เจ้าอยากจะฟันข้าให้ตายเลยหรือไง?”