ตอนที่ 913 - อันตรายใกล้เข้ามา

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  “ฮื่ม!ข้าจะฟันเจ้าให้ตายเลย ไอ้แก่ชั่วช้าบ้ากาม!”
  ปิงหวูชิงซัดกระบี่ออกมามันกลายเป็นเงากระบี่หลายร้อยเล่ม
  การฝึกฝนวิชากระบี่ของนางมาจนถึงระดับของขั้นที่ประสานไปกับจิตใจนั่นหมายความว่านางเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ไปแล้ว มันทำให้นางแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่น่าจะมีคนที่ระดับพลังเท่านางต่อสู้กับนางได้ แม้แต่จ้าวเทวะระดับหนึ่งก็อาจจะหลบกระบี่นางไม่ได้เช่นกัน
  ซือหยูรำคาญใจทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้นั้นดีเยี่ยม เว่นแต่ความเข้มงวดกับนิสัยที่เกินจะทนของนาง! ในใจเคลื่อนไหว หยกแก่นเพลิงในหัวใจซือหยูเคลื่อนออกมาเป็นเพลิง
  ด้วยความเข้าใจในธาตุทั้งห้าของซือหยูตอนนี้เขาได้ถึงระดับที่เป็นหนึ่งเดียวกับทุกธาตุ เพียงแค่คิด เขาก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับไฟ!
  เขายื่นดัชนีทั้งห้าออกไฟห้าเปลวร้อนสูงถูกปล่อยออกมาจากมือ มันกลายเป็นแหเพลิงขนาดยักษ์ จากนั้นเงากระบี่หลายร้อยเล่มก็ดับไปในแหเพลิงขนาดยักษ์
  ปิงหวูชิงชักกระบี่กลับและถือในแนวระนาบพลังมหาศาลของกระบี่พุ่งเข้าไปฉีกกระชากแหเพลิง
  “กระบี่ผสานใจ!”
  ปิงหวูชิงตะโกนบัญชากระบี่
  ในพลังทุกวิถีการถึงจุดสูงสุดนั้นหมายถึงการกำลังจะทะลวงพลังต่อไป แต่ไม่ใช่กับวิถีกระบี่ ไฟ น้ำแข็ง วารี และสิ่งที่คล้ายกันนี้
  มีเพียงการฝึกฝนที่ดีกว่าเท่านั้นที่จะทำให้ทะลวงระดับมาถึงขั้นผสานใจได้จากนั้นยอดฝีมือก็จะจมอยู่ในวิถีและระเบิดพลังออกมาได้
  นางบ่มเพาะในวิถีกระบี่มามากกว่าสิบปีนางจึงมาถึงขั้นกระบี่ผสานใจได้…ซือหยูเซี่ยนมีระดับไฟผสานใจตั้งแต่เมื่อใดกัน?
  ซือหยูพูด
  “ถ้าเจ้าจะประลองกับข้าข้าคงไม่สนใจ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปซะ ข้าเพิ่งละออกจากการบ่มเพาะพลัง ข้าต้องพัก”
  “แน่ล่ะข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า!”
  ปิงหวูชิงพูดอย่างเยือกเย็น
  “ว่ามา…”
  ซือหยูเดินเข้าเรือนไปโดยไม่หันมอง
  ปิงหวูชิงกล่าว
  “คืนเมล็ดต้นปรารถนาที่ควบคุมหวูซื่อมาซะเจ้าน่ะโตแล้ว ใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนี้ควบคุมสตรีไม่ทำให้เจ้าละอายใจบ้างหรือ?”
  เพราะเรื่องนี้สินะ?ซือหยูคิดออกแล้ว เขาวางแผนจะคืนตั้งแต่ก่อนจะออกจากตำหนัก เขาไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้ปิงหวูชิงเข้าใจผิดและมาเผชิญหน้ากับเขา!
  “เอาไป”
  ซือหยูโยนเมล็ดทั้งสองให้นางเขาไม่ได้มองหากงซุนหวูซื่อที่น่าจะคอยบงการปิงหวูชิงด้วยซ้ำ
  เขาไม่แน่ใจว่าทำไมกงซุนหวูซื่อถึงปลีกตัวออกจากเขายิ่งกว่าเดิมจนถึงขั้นชิงชังเขาหลังจากที่กลับจากเมืองเทียนหยาเขาคิด…หรือว่าจะเป็นเพราะถ้าชิงสิทธิ์ในขั้นที่ห้าสิบของนางมา?
  ซือหยูสับสนใจเรื่องนี้เขาคิดว่าจะอธิบายให้นางเข้าใจเรื่องนี้ แต่ดูจากความสัมพันธ์ในตอนนี้แล้วคงต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน
  ปิงหวูชิงตกใจเล็กน้อยที่ซือหยูไม่ลังเลในการคืนเมล็ดให้มันน่าแปลกใจมากทีเดียว
  ตามที่กงซุนหวูซื่อกล่าวหาซือหยูยืนกรานที่จะไม่คืนเมล็ดให้นางตอนที่นางขอ และดูเหมือนว่าเขาพยายามจะลวนลามนางอีก! แต่ตอนนี้ไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลย!
  “เดี๋ยวสิ…เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าสองคนกันแน่?”
  ปิงหวูชิงพยายามถาม
  ซือหยูหันไปมองนางและคิด…บอกเจ้าไปแล้วจะได้อะไรถ้าเจ้าหันกระบี่ใส่ข้าตั้งแต่ฟังความข้างเดียวจากคนอื่นมาแล้ว?
  “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า…”
  ซือหยูพูดเบาๆก่อนจะหันกลับเข้าเรือนไปพักเขาปิดประตูสนิท
  เขาเพิ่งจะเคร่งเครียดมาเมื่อไม่นานเพราะการปรากฏตัวขององครักษ์แสงกระจ่างตอนนี้เขาแทบจะคิดอะไรไม่ออก
  สิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่อาจจะไม่ได้ตั้งใจอย่างน้อยมันก็ผ่านไปแล้ว แต่มันฟังดูไร้เยื่อใยสำหรับปิงหวูชิง
  “ซือหยูเซี่ยนเป็นอะไรของเจ้า?”
  ปิงหวูชิงโมโหซือหยูมักจะอ่อนโยนและเป็นคนที่นอบน้อม…ใยเขาถึงดูเย็นชาในตอนนี้เล่า?
  นางเก็บเมล็ดทั้งสองและรีบไปที่เรือนกงซุนหวูซื่อ
  เพี๊ยะ!
  นางตบเมล็ดทั้งสองลงบนโต๊ะ
  “ข้าได้พวกมันมาคืนเจ้าแล้วเจ้าจะบอกได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้าสองคน?”
  นางคิดว่าการเปลี่ยนไปของซือหยูเมื่อครู่จะต้องเกิดจากกงซุนหวูซื่อกงซุนหวูซื่อตาลุกวาวพร้อมคว้าเมล็ดทั้งสองพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
  “ตอบคำถามข้ามา…”.ไอลีนโนเวล.
  ปิงหวูชื่อพูดขณะที่จ้องมองกงซุนหวูซื่อ
  กงซุนหวูซื่อปัดขนตาขณะที่มองดูปิงหวูชิงหัวจรดเท้านางถาม
  “พี่หวูชิงทำไมจู่ๆถึงคิดเรื่องเขาขึ้นมาเล่า? หรือว่าจะตกหลุมรักเขาเข้าซะแล้ว? นี่มันเรื่องไม่ดีเลยนะ ศิษย์พี่ในตำหนักในมากมายคงจะอกหักแน่!”
  นางพูดเพราะว่าฐานะของปิงหวูชิงในตำหนักในนั้นไม่ต่างจากเทพธิดามีคนนับไม่ถ้วนต้องการจะใกล้ชิดนาง
  “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้คิดอะไรตอบคำถามข้ามาได้แล้ว!”
  ปิงหวูชิงพูดอย่างไร้อารมณ์ขณะที่จ้องมองกงซุนหวูซื่อต่อไป
  กงซุนหวูซื่อแก้มป่อง
  “ไม่มีอะไรหรอกข้าก็แค่ไม่อยากจะเข้าใกล้คนแบบนั้นอีกแล้ว…”
  ปิงหวูชิงดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่นางหรี่ตาและถาม
  “หวูซื่อเขาสารภาพรักกับเจ้า แต่เจ้าปฏิเสธเขาเพราะข้า จนซือหยูเซี่ยนต้องคอตกอยู่อย่างนี้น่ะรึ? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ว่าอะไร! เถ้าเจ้าชอบเขาจริงๆ เจ้าก็อยู่กับเขาได้!”
  เมื่อได้ยินอย่างนั้นกงซุนหวูซื่อก็อ้าปากเล็กๆจนกว้าง นางไม่คิดเลยว่าปิงหวูชิงจะคิดเป็นเช่นนั้นไปได้!
  “เขาน่ะรึ?นี่พูดจริงใช่ไหม?”
  กงซุนหวูซื่อสะดุ้งโหยงนามทั้งโมโหและอาย
  “ข้าจะไปตกหลุมรักไอ้โจรลามกนั่นได้ยังไง?ถ้าจะชอบใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขา! ต่อให้เขาเป็นผู้ชายคนเดียวบนโลก ข้าก็จะไม่มีทางอยู่ร่วมกัน!”
  ปิงหวูชิงถอนหายใจเมื่อเห็นความแน่วแน่มั่นใจของนาง
  “เอาเถอะข้าแค่หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจ”
  “ปู่ววววว!”
  กงซุนหวูซื่อเป่าปากเล่นไม่สนใจแต่หลังจากมาถึงขั้นนี้ นางก็อดคิดถึงบุรุษวิถีอสูรผู้ที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้ ความอ่อนโยนและความเขินอายปรากฏในแววตา
  กลับมาในเรือนซือหยูกำลังคิดหนัก องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าเจอเขาแล้ว อีกทั้งยังรู้ว่าเขาอยู่ในตำหนักโลหิต เขาจึงคิด…ที่นี่จะยังปลอดภัยพอหรือไม่? ถ้าหากเป็นตำหนักในก็จะมีม่อเทียนฉวนคอยปกป้อง องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าอาจจะกลัวและไม่กล้าไปที่ตำหนักใน
  แต่ที่นี่คือตำหนักนอกที่ห่างไกลจากตำหนักในถ้าหากองครักษ์แสงกระจ่างบุกเข้ามาก็จะไม่มีใครช่วยเขาได้! หลังจากคิดเรื่องเหล่านี้ ความกังวลใจของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตลอดครึ่งเดือนที่เขาปิดประตูฝึกตน ความกังวลของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ นั่นทำให้หัวใจเขารู้สึกไม่ปลอดภัยมาเป็นเวลานาน
  ถ้าหากปัญหายังคงไม่ได้รับการแก้ไขซือหยูก็รู้ว่าเขามิอาจจะใจเย็นลงได้อีกครั้ง! แผนเดียวที่เขาเหลือตอนนี้ก็คือการออกจากตำหนักโลหิต เขาคิด…บางทีข้าอาจจะหนีจากองครักษ์แสงกระจ่างได้สักหน่อย…
  เมื่อคิดดังนี้เขาก็เริ่มวางแผนในใจ แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างมากในตำหนักโลหิตและตั้งรกรากที่นี่ แต่ถ้าเขาถูกองครักษ์แสงกระจ่างเจอตัวและรูปลักษณ์ชายแก่ของเขาถูกมองออก การฝึกฝนต่อในตำหนักโลหิตก็คงจะเป็นอันตราย!
  ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาจะต้องออกจากตำหนักและหาที่หลบภัยที่ปลอดภัยกว่าแต่การคิดถึงวิธีออกจากตำหนักก็เป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน
  เพราะชื่อเสียงของเขามากกว่าแต่ก่อนนอกจากจะเป็นเหตุพิเศษก็ไม่มีทางเลยที่ตำหนักจะให้ปราชญ์ภาษาไม้อย่างเขาออกจากตำหนักไปได้!
  เขาคงต้องเลือกวิธีที่ตำหนักจะไม่ต่อต้านเมื่อคิดหาแนวทาง ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามา…การรับภารกิจ!
  ถ้าหากเขาทำการกิจเขาจะสามารถหนีไปไกลจากดินแดนพรสวรรค์ได้! เมื่อคิดได้เขาก็ถอนหายใจยาว นั่นก็เพราะว่าเขาไม่ได้อยากจะไปทำภารกิจไกลๆนัก
  ถึงจะอยู่ตำหนักโลหิตมาไม่ถึงปีเขาก็ไม่คิดจะออกไปจากที่นี่นัก ที่นี่มีอดีตมากพอแล้ว เขายังติดค้างชางก่วนหยุนซื่อในการปกป้องตระกูลชางก่วนของเขาอยู่อีก หากตอนนี้เขาหนีไป เขาก็จะรักษาคำพูดไม่ได้!
  เอี๊ยด…
  ในตอนนั้นเองจื่อเสวียนเปิดประตูเข้ามา นางพูด
  “มีภารกิจใหญ่กำลังติดประกาศอยู่ตอนนี้ศิษย์หลายคนที่ได้ข่าวกำลังไปหอภารกิจเพื่อรับมัน”
  ภารกิจหนึ่งมาถึงแล้วและซือหยูก็กำลังต้องการภารกิจอยู่พอดี!
  “ภารกิจอะไรกัน?”
  ซือหยูถาม
  จื่อเสวียนตอบ
  “เป็นภารกิจที่ไม่สำเร็จในรายการภูติผีมันไม่มีใครทำได้มาสิบปีแล้ว!”
  “หา?สิบปีเชียวรึ?”
  ซือหยูตาเป็นประกายเพราะเขาจะได้ลางๆว่ามีภารกิจหนึ่งที่ยากมากและยังไม่มีใครทำสำเร็จมาก่อน มันจะต้องเป็นภารกิจนี้อย่างแน่นอน!