DND.
ภารกิจนี้ถูกปล่อยออกมาสักระยะแล้วและมันก็เป็นภารกิจลับที่มีแต่คนทำภารกิจเท่านั้นที่รู้รายละเอียดของมัน เมื่อข่าวเรื่องภารกิจนี้ถูกคืนกลับมาเกิดขึ้น ก็หมายความว่าผู้ที่รับภารกิจคนก่อนล้มเหลว ดังนั้นมันจึงมีมาให้รับอีกครั้ง
“ภารกิจนี้มีอะไรพิเศษหรือ?”
ซือหยูถาม
จื่อเสวียนพยักหน้า
“ข้าได้ยินว่าคะแนนของภารกิจนี้คือคะแนนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตำหนักโลหิตมันให้คะแนนสูงกว่าสังหารอาชญากรหมายเลขหนึ่งของดินแดนพรสวรรค์ซะอีก!”
ซือหยูย้อนคิดถึงอรหันต์ผีที่เป็นอาชญากรลำดับสิบสามเขามีค่าหัวสามแสนคะแนน ดังนั้นอาชญากรลำดับหนึ่งจะต้องมีค่ามากกว่าหนึ่งล้านคะแนนไม่ผิดแน่!
“เท่าใดหรือ?”
ซือหยูถาม
“ข้าได้ยินว่าสามล้าน…”
จื่อเสวียนบอก
ซือหยูเบิกตากว้าง…สามล้านคะแนน!จะมีภารกิจที่ให้คะแนนมากมายขนาดนั้นได้ยังไง?
“คนที่ประกาศคืออาจารย์พรายอาจารย์ปรุงยาของตำหนักใน เขาปรุงโอสถชั้นยอดได้เกือบทุกชนิดที่จ้าวเทวะในตำหนักโลหิตใช้”
จื่อเสวียนกล่าว
นางพูดต่อ
“ดังนั้นเขาจึงมีคะแนนกับตัวอยู่มากจำนวนคะแนนที่เขามีมากจนเจ้าสำนักซ้ายขวาเทียบไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเขาสามารถเสนอสามล้านคะแนนได้!”
อาจารย์พรายหรือ?ซือหยูเคยได้ยินมาก่อน เขาน่าจะเป็นอาจารย์ปรุงยาที่เลื่องชื่อจากตำหนักใน
หยวนหยิงหยิงคงจะถูกอาจารย์พรายสังเกตเห็นและรับนางเข้าตำหนักในไปเขามีตำแหน่งที่สำคัญ จ้าวเทวะในตำหนักจึงเคารพยำเกรงอยู่เสมอ
ซือหยูไม่คิดเลยว่าภารกิจยาวนานสิบปีนี้จะถูกตั้งโดยอาจารย์พรายและรางวัลยังสูงมากอีกด้วย หลังจากทำภารกิจเสร็จ เขาจะได้ใกล้การเข้าสู่แดนมณีมหัศจรรย์ยิ่งขึ้น
น่าเสียดายที่ซือหยูตัดสินใจออกจากตำหนักเพื่อที่จะเลี่ยงองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าไปแล้วภารกิจนี้จึงรับหน้าที่ช่วยซือหยูเพียงเหตุผลเดียว…นั่นก็คือการทำให้เขาออกจากตำหนักได้อย่างไม่มีปัญหาติดขัด
“ภารกิจออกมานานเท่าไหร่แล้วมีคนรับไปแล้วหรือยัง?”
ซือหยูถาม
จื่อเสวียนส่ายหน้า
“ไม่เลยมีศิษย์มากเกินไปที่ต้องการภารกิจนี้ อาจารย์พรายจึงตัดสินใจที่จะไม่ออกภารกิจตามปกติ นั่นเป็นเหตุให้ภารกิจนี้ยังคงไม่สำเร็จแม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว”
เมื่อภารกิจไม่สำเร็จมากว่าสิบปีมันก็มีเหตุผลที่ทุกคนจะสงสัยในตัวภารกิจอย่างมากและอยากให้มันสำเร็จ
“หืม?ถ้าไม่ได้ออกตามปกติ แล้วจะไปรับภารกิจได้ยังไงล่ะ?”
ซือหยูถาม
“เจ้าสมัครเพื่อรับโอกาสไว้ได้จากนั้นอาจารย์พรายจะเลือกจากผู้สมัครด้วยตัวเอง”
“มีเงื่อนไขหรือข้อยกเว้นในการสมัครไหม?”
ซือหยูถามเขารู้ว่าถ้าหากภารกิจนี้ยาก มันจะต้องมีการประเมินอะไรบางอย่างอยู่ด้วย
“ไม่เลยใครจะสมัครก็ได้”
จื่อเสวียนตอบ
แปลกมาก!ซือหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า
“เช่นนั้นข้าก็จะลองไปสมัครดู”
ที่หอภารกิจเมื่อผู้จ่ายภารกิจฉีได้ตายไปอย่างลึกลับ เขาก็ถูกแทนที่ด้วยผู้จ่ายภารกิจคนใหม่ น่าแปลกใจที่ซือหยูรู้จักผู้จ่ายภารกิจคนใหม่นี้
“จ้าวหอทำไมถึง…”.novel-lucky.
สตรีที่ทำหน้าที่รับสมัครหน้ารายการภารกิจนั้นยั่วยวนชวนหลงใหล
ความงามและใบหน้าอันน่าจดจำของนางย่อมทำให้บุรุษตกหลุมรักนางในพริบตาสตรีผู้นี้คือจ้าวหอเพลิงคลั่ง
นางเงยหน้าโดยไม่รู้ตัวจากนั้นดวงตาของนางก็แสดงความเจ็บปวด
“เจ้ากลับมาครึ่งเดือนแล้วแต่เพิ่งจะมาหาข้าตอนนี้หรือ?เจ้าคนไร้หัวใจ!”
นางยืนขึ้นและเดินไปหาซือหยูในขณะที่พูดจากนั้นนางก็โยนกายเข้าหาอ้อมแขนของเขาโดยที่ซือหยูไม่ทันตั้งตัว
ซือหยูกลอกตาเขาไม่รู้จะพูดอะไรกับนาง!
เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อยและพูด
“จ้าวหอยินดีด้วยที่ได้เลื่อนตำแหน่ง”
เทียบกับหอเพลิงคลั่งที่ห่างไกลการดูแลหอภารกิจที่มีคนใช้บริการเยอะย่อมเป็นตำแหน่งที่ดีกว่า โดยเฉพาะเมื่อเป็นคนจ่ายภารกิจ ผลตอบแทนที่นางจะได้ย่อมไม่น้อยไปกว่าหอเพลิงคลั่ง
“ฮ่าๆๆทั้งหมดก็เพราะเจ้ายังไงล่ะน้องชาย! เจ้าช่วยให้ข้าได้คะแนนจากการขายโอสถมากนัก ข้าเลยติดสินบนพวกระดับสูงให้ข้าได้มาแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่…”
นางยิ้มกว้าง
นางยอมรับได้อย่างหน้าตาเฉยว่านางใช้วิธีสกปรกในการรับตำแหน่งนี้
“จ้าวหอข้ามาที่นี่เพื่อหาข้อมูลเรื่องภารกิจหนึ่ง…”
ซือหยูพูด
นางกระพริบดวงตาอันงดงาม
“เอาล่ะสบายมาก เจ้าอยากรู้เรื่องภารกิจไหนล่ะ? ข้าดูแลรายการภูติผี ทุกภารกิจล้วนเป็นภารกิจระดับสูง น้องชาย ไม่ว่าจะเป็นภารกิจใหญ่แค่ไหน ข้าจะบอกเจ้าก่อนได้เสมอ แต่ราคาน่ะ…ฮ่าๆๆๆ…”
สตรีผู้นี้น่าสะอิดสะเอียนซะจนทำให้ซือหยูอยากจะถลกหนังนางทิ้งเสีย!แต่ซือหยูก็รู้ว่านางเพียงแค่พูดเล่นกับเขาเท่านั้น
“ข้าอยากจะรู้ว่าข้าสมัครภารกิจที่อาจารย์พรายประกาศผ่านเจ้าได้หรือไม่?”
ซือหยูพูดเข้าประเด็นทันที
เมื่อได้ฟังรอยยิ้มของจ้าวหอผู้ยั่วยวนก็หายไป แววตานางเริ่มจริงจัง
“เจ้ามาที่นี่เพื่อถามถึงภารกิจนั่นรึ?”
สีหน้านางเย็นชาลงเมื่อเห็นซือหยูพยักหน้าตอบ
“เจ้าอยากตายรึไง?”
น้ำเสียงแข็งๆของนางแสดงถึงความห่วงใยในความปลอดภัยของเขา
“โปรดบอกข้าเถอะจ้าวหอ ข้ามาเพื่อฟังเรื่องภารกิจนี้…”
ซือหยูกล่าว
จ้าวหอเข้าใจสถานการณ์แล้วดูเหมือนว่าซือหยูจะยังไม่รู้ว่าภารกิจนี้อันตรายเพียงใด
นางส่ายหน้าและถามกลับ
“ทำไมเจ้าถึงกล้าประมาทรับภารกิจที่เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยกัน?อย่าได้คิดถึงภารกิจนี้เลย มันไม่เหมาะกับเจ้า! ต่อให้เป็นตำหนักในก็มีแค่ศิษย์สามสิบลำดับแรกที่มีคุณสมบัติพอจะรับได้!”
มีมาตรฐานในระดับสูงเช่นนั้นเชียวหรือ?ซือหยูสงสัยขึ้นมาทันที
“จ้าวหอข้าขอถาม ทำไมภารกิจนี้ถึงต้องการศิษย์ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นแล้วให้รางวัลมากขนาดนี้?”
“ข้าไม่รู้รายละเอียดชัดๆอาจารย์พรายคือคนๆเดียวที่รู้เรื่องนี้…”
ซือหยูขมวดคิ้ว
“รายละเอียดของภารกิจไม่ได้หลุดออกมาจากพวกที่พยายามทำภารกิจมาตลอดสิบปีก่อนหน้านี้เลยหรือ?ต่อให้เป็นข่าวลือ…มันก็ต้องมีหลุดออกมาบ้างใช่ไหม?”
นางส่ายหน้า
“ไม่ใช่ว่าคนพวกนั้นไม่อยากจะบอกแต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้บอก นั่นก็เพราะไม่มีคนรับภารกิจนี้คนไหนที่มีชีวิตรอดกลับมา!”
นางพูดต่อ
“เมื่อเดือนก่อนตราประกันชีวิตของศิษย์ในสามคนถูกทำลายไป ดังนั้นภารกิจจึงล้มเหลว”
“คนพวกนั้นมีฐานพลังระดับไหนกัน?”
ซือหยูถามเพราะรู้สึกถึงอันตราย
จ้าวหอผู้ยั่วยวนตอบ
“ที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นจ้าวเทวะระดับสามที่แข็งแกร่งสุดคือระดับห้า”
เมื่อได้ยินดังนั้นซือหยูตัวแข็งทื่อ…ภารกิจนี้มันอะไรกันแน่?
เขาถามต่อ
“ตำหนักไม่ได้ตามหาศิษย์ที่หายตัวไปเลยหรือ?”
จ้าวหอผู้ยั่วยวนใบหน้าเศร้าหมองยิ่งกว่าเดิม
“ตำหนักตามหาแต่ก็เจอแค่เศษผิวหนัง ไร้อวัยวะ กระดูก หรือแม้กระทั่งสมอง!”
ความเย็นยะเยือกรดรินแผ่นหลังซือหยูเขาตัวสั่น…พวกขาตายอนาถนัก!
“เจ้ายังอยากจะสมัครอยู่หรือไม่?ข้าได้ยินว่าเจ้าทำเล่าอ๋ายพิการในกระบวนท่าเดียว แต่ภารกิจนี้ไม่ใช่การต่อสู่กับเล่าอ๋าย มีศิษย์ในหลายคนตายไปแล้วในการทำภารกิจนี้!”
จ้าวหอชี้แนะเขาอย่างอดทนและต่อต้านการสมัครของซือหยู
นางพูดต่อไปอีก
“หลังจากได้ยินเรื่องความเสียหายจากภารกิจนี้ก็ไม่มีศิษย์ในมากนักที่จะมาสมัครภารกิจนี้เลยถ้าเจ้าอยากจะทำ มันก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย”
ซือหยูหยุดพูดไปนานจากนั้นจึงถาม
“ข้าจะสมัครได้ที่ไหน?ข้าต้องการทำภารกิจนี้!”
ด้วยวิชามากมายที่ปลายนิ้วแม้ว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ เขาก็มั่นใจว่าเขาจะปกป้องตัวเองได้ และต่อให้มีอันตรายในภารกิจนี้ มันก็เสี่ยงน้อยกว่าการอยู่ในตำหนัก เพราะถ้าหากองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้ามาถึง ซือหยูก็ไม่มีโอกาสมีชีวิตรอดอีกแล้ว!