สั่นสะเทือนจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ การตัดสินใจที่ถูกต้อง

จักรวรรดินักบุญทั้งสิบ เมืองหลวงนักบุญแห่งสวรรค์ สถานที่พักกิล Battle Wolves :

ชายคนหนึ่งในชุดเกราะสีแดงเข้มที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟลวงตานั่งอยู่เงียบๆต่อหน้าดาบใหญ่สีแดงเข้ม ในขณะที่ดวงตาของเขานั้นก็ปิดอยู่ และตัวของเขานั้นก็อยู่ในห้องรับรองชั้นบนสุดของกิลฮอลที่มีความสูงเกือบหนึ่งร้อยเมตร แม้ว่าชายคนนี้จะไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แต่ดาบและเปลวไฟรอบตัวเขามันก็วนรอบตัวเขาเรื่อยๆราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง และอักษรรูนศักสิทธิ์ก็เริ่มปรากฎขึ้นในอากาศทีละตัวๆ ขณะที่มันดึงดูดมานาประเภทไฟโดยรอบเข้ามาหาชายคนนี้ และเมื่อมีมานาเข้ามามากขึ้น ออร่าของเขานั้นก็มีความรุนแรงมากขึ้น

หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีออร่าของชายคนนี้ก็รุนแรงพอๆกับพวกขั้นสี่ และเขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้กลายร่างเป็นปีศาจไฟ ขณะที่เปลวไฟนั้นก็เปล่งประกายเต็มห้อง

ถ้าซือเฟิงมาเห็นสิ่งนี้เขาจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน

ชายที่ร่างอาบไปด้วยไฟตอนนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซีเรียส หนึ่งในสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของ Battle Wolves ซีเรียสในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งที่ใกล้เคียงกับขั้นสี่ แต่การควบคุมมานาประเภทไฟของเขายังขึ้นไปอยู่เหนือซือเฟิงที่ใช้เทคนิคมานาได้อย่างมาก ซีเรียสนั้นจัดการควบคุมมานาได้เหมือนกับส่วนขยายของร่างกาย ซึ่งเขาสามารถทำมันได้อย่างละเอียดอ่อนและสมบูรณ์ และตอนนี้เขาก็สามารถควบคุมการไหลของมานาประเภทไฟที่แตกต่างกันออกไปได้ ….

เมื่อซีเรียสลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าเปลวไฟสีแดงเข้มรอบตัวเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว-ฟ้าแล้ว และอุณภูมิของห้องนั้นก็เพิ่มขึ้นทันทีหลายร้อยองศา ซึ่งแม้แต่ผู้เล่นขั้นสองทั่วไปก็จะไม่สามารถเข้าใกล้ชายคนนี้ได้ ก่อนที่พวกเขาจะถูกเผาจนตาย

“ในที่สุด ฉันก็ดูดซับสายเลือดนักบุญแห่งไฟนี้เสร็จแล้ว มันควรจะถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปเยี่ยมเมืองปีศาจอีกครั้ง …” ซีเรียสพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาตรวจดูอักษรรูนศักสิทธิ์สีน้ำเงินบนแขนของเขา

ระหว่างการต่อสู้ในป่าเบิร์นนิ่ง รองหัวหน้ากิลของหัวใจปีศาจอย่างเฟรมมิ่งไลท์ได้เอาชนะเขาได้ และในตอนแรกเขาก็รู้สึกหมดหวังที่จะเอาชนะเฟรมมิ่งไลท์ให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ แต่กิลของเขานั้นก็โชคดีมากพอที่จะพบกับสายเลือดขั้นสูงที่หายากมากซึ่งนั่นก็คือ สายเลือดนักบุญแห่งไฟ

ตอนแรกเขาคิดว่าสายเลือดนักบุญแห่งไฟนั้นจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาเพียงแค่เศษเสี้ยว แต่ตอนนี้เขาได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับมันแล้ว เขาจึงได้เข้าใจแล้วว่ามันน่ากลัวเพียงใด

เขามั่นใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาสามารถจะเดินทางเข้าไปยังเมืองปีศาจและกลับออกมาทั้งๆที่ยังมีชีวิตได้ ไม่ต้องพูดถึงการแก้แค้นเฟรมมิ่งไลท์เลย

ขณะที่ซีเรียสเตรียมที่จะเดินออกจากห้องรับรอง ชายวัยกลางคนร่างสูงที่มีออร่าโอ่อ่า ก็พุ่งเข้ามาหา ซึ่งชายคนนี้นั้นก็คือ เอเวอร์ลาสติ้งวอร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมต่อสู้กลอเรียสไลอ้อน

“ผู้บัญชาการ เราพึ่งจะได้รับข่าวอัพเดทเกี่ยวกับเมืองปีศาจมา ไม่เพียงต่แบล๊คเฟรมจะสามารถบุกเข้าไปในเมืองได้ แต่เขายังฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจไปด้วย ….” เอเวอร์ลาสติ้งวอร์กล่าวรายงาน

“โทรเบิ้ลไทม์ตายภายในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจ ?” ข่าวนี้ทำให้ซีเรียสตกตะลึง และคิดว่าเขาได้ยินผิดรึปล่าว

เขานั้นรู้สึกประหลาดใจมากอยู่แล้วที่ซือเฟิงสามารถนำทีมของเขาไปถึงเมืองปีศาจได้ เพราะท้ายที่สุดแม้ว่า Battle Wolves จะส่งกองทัพมากกว่าหนึ่งแสนคนออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถจะมองเห็นประตูเมืองได้ด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้เขากับได้รู้ว่าซือเฟิงบุกเข้าไปในเมืองได้ แถมยังฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ได้ภายในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจ ซึ่งนี่มันน่าประหลาดใจมากจริงๆ !!!

“หัวใจปีศาจได้สูญเสียชื่อเสียงและศักศรีดิ์ส่วนใหญ่ในเมืองปีศาจไปแล้ว และตอนนี้แม้แต่การคุกคามมหาอำนาจต่างๆของพวกเขาก็ลดน้อยลงอย่างมาก เราจะยังมุ่งหน้าไปที่เมืองปีศาจไหมผู้บัญชาการ ?” เอเวอร์ลาสติ้งวอร์กล่าวถามซีเรียสด้วยสีหน้าแปลกๆ

ข่าวการตายของโทรเบิ้ลไทม์นั้นได้แพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดินักบุญทั้งสิบแล้ว และการเก็บเรื่องนี้ไว้ให้เป็นความลับนั้นก็เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปสำหรับหัวใจปีศาจ ในขณะเดียวกันสถานการณ์นี้ก็ได้ปล้นโอกาสแก้แค้นของ Battle Wolves ต่อหัวใจปีศาจไปแล้ว หากกิลกำหนดเป้าหมายไปที่หัวใจปีศาจตอนนี้ พวกเขาก็จะถูกเรียกว่า “คนพาล” แน่นอน ซึ่งนี่ก็จะมีแต่ทำให้ชื่อเสียงของกิลเสื่อมเสียลงไปอีก

“เราไม่จำเป็นจะต้องไปที่เมืองปีศาจอีกต่อไป เราควรไปเยี่ยมเยียนสภาสิบแปดปีกแทน” ซีเรียสกล่าว “การที่ทำได้ขนาดนี้นั้นต้องบอกเลยว่าแบล๊คเฟรมน่าประทับใจมากๆ !!! แต่น่าเสียดายที่หัวใจปีศาจนั้นก็ไม่ใชคู่ต่อสู้ที่ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างเฟรมมิ่งไลท์ เพราะหากไม่เป็นแบบนั้น มหาอำนาจบางส่วนในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบคงไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับกิลสายความมืดกิลนี้อย่างเต็มใจ”

“เข้าใจแล้ว ฉันจะไปเตรียมการที่จำเป็นทันที” เอเวอร์ลาสติ้งวอร์กล่าว หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผู้บัญชาการของเขา

สองถึงสามวันที่ผ่านมานั้น เอเวอร์ลาสติ้งวอร์ไม่ได้คิดว่าสภาสิบแปดปีกได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เลย เพราะท้ายที่สุดจากข้อมูลที่ Battle Wolves รวบรวมมานั้น หัวใจปีศาจมีพลังในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยมากกว่าที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถจินตนาการได้ สิ่งที่ซือเฟิงได้ทำทั้งหมดนั้นก็คือการกระตุกหนวดเสือ และทำให้ชื่อเสียงของหัวใจปีศาจเสื่อมเสียเท่านั้น ซึ่งมันเป็นการกระทำที่บ้าและโง่เง่ามากๆ

ในขณะเดียวกันมหาอำนาจต่างๆที่ได้เรียนรู้ถึงความสำเร็จของซือเฟิงต่างก็ประหลาดใจมากเช่นเดียวกัน ไม่มีใครคิดว่าซือเฟิงจะสามารถเขย่ารากฐานของเมืองปีศาจได้แบบนี้

ความแข็งแกร่งของนักดาบนั้นมันเหนือมนุษย์ไปแล้ว !!!

“มหาอำนาจพวกนี้บ้าไปแล้วงั้นหรอ รองหัวหน้ากิล ? พวกเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อกดดันหัวใจปีศาจ แต่กับพุ่งเป้ามาที่สภาสิบแปดปีกแทนเนี่ยนะ ….” แอสซาซินขั้นสามข้างอิลูซะรี่เวิร์ดกล่าว หลังจากที่เขาได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่กิลของเขารวบรวมมาได้ “นี่พวกเขาไม่ได้ยินประกาศของระบบภูมิภาคเบิร์นนิ่งงั้นหรอ ? ความเร็วในการพัฒนาของผู้เล่นปีศาจนั้นจะลดลงไปอย่างมาก มันจึงนับเป็นโอกาสดีในการเข้าตีนะ …”

“พวกเขาไม่ได้บ้า …” อิลูซะรี่เวิร์ดที่ยุ่งอยู่กับการกลั่นกรองรายงานกล่าวพลางส่ายหัว “พวกเขาเพียงแค่ตัดสินใจอย่างถูกต้องเท่านั้น”

“ตัดสินใจอย่างถูกต้อง ?” คำพูดนี้ทำให้แอสซาซินขั้นสามสับสน เขาไม่เข้าใจว่าอิลูซะรี่เวิร์ดหมายถึงอะไร

เนื่องจากซือเฟิงได้ทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองปีศาจไปแล้ว และผู้เล่นปีศาจทั้งหมดของเมืองก็มีความแข็งแกร่งลดลงยี่สิบเปอเซ็นต์ ดังนั้นนี่มันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่มหาอำนาจต่างๆจะกำจัดผู้เล่นปีศาจเหล่านี้ออกไป

หัวใจปีศาจนั้นได้หยุดยั้งมหาอำนาจต่างๆของจักรวรรดิจากการได้รับทรัพยากรจำนวนมากในแผนที่เป็นกลาง เลเวลหนึ่งร้อยมานานแล้ว ดังนั้นมันจึงจะเป็นการปลอดภัยมากขึ้นสำหรับมหาอำนาจต่างๆที่จะปราบปรามหัวใจปีศาจในเวลานี้

“ใช่แล้ว” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “มันมีสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆเพียงแค่ไม่กี่คนที่ตระหนักถึงความน่ากลัวของหัวใจปีศาจ เพราะท้ายที่สุดจริงๆแล้วนั้นกิลได้เข้าเป็นพันธมิตรกับหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไมโทโลจี้ ดังนั้นทั้งความแข็งแกร่งและรากฐานโดยรวมของกิลตอนนี้จึงเหนือกว่าสภาสิบแปดปีกมาก ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว มหาอำนาจต่างๆจึงต้องการจะใช้ประโยชน์จากสภาสิบแปดปีกมากกว่าหัวใจปีศาจ”

“หัวใจปีศาจได้เป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้จริงๆงั้นหรอ ?” แอสซาซินขั้นสามเริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ทั้งหมดทันที เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวอธิบาย

ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain และกิลนี้ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่ามหาอำนาจทั่วไปอย่างจักรพรรดิคริมสันมาก และซุเปอร์กิลทั่วไปปก็เทียบกับพวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ หากไมโทโลจี้เลือกจะสนับสนุนหัวใจปีศาจแล้ว กิลสายความมืดกิลนี้ก็จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาเลย แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ล่าสุด

ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบกำลังยุ่งอยู่กับการวางแผนเข้าไปหาผลประโยชน์จากสภาสิบแปดปีกชายหนุ่มรูปงามในชุดขาวก็ได้มาถึงสถานที่ที่อุดมไปด้วยมานานอกจักรวรรดิมังกรไฟ ซึ่งชายคนนี้ก็คือเฟรมมิ่งไลท์ รองหัวหน้ากิลผู้มีชื่อเสียงของหัวใจปีศาจ

ไม่นานหลังจากที่เขามาถึง ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยเจ็ดสองคนก็เข้ามาสกัดกั้นเขา

“คุณมีธุระอะไรที่นี่ ?” ชิลวอริเออร์ขั้นสามกล่าวพลางมองไปยังเฟรมมิ่งไลท์อย่างดูถูก

“ฉันมีบางอย่างที่ต้องคุยกับรองหัวหน้ากิลโคลท์ชาโด้ว เธอพอจะมีเวลาเหลือไหม ?” เฟรมมิ่งไลท์กล่าวถามด้วยความจริงใจ