เศษชิ้นส่วน Abyssal Blade

ป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน :

เมื่อโทรเบิ้ลไทม์ตาย ซือเฟิงก็กลับมาที่เมืองป่าหินพร้อมกับกองกำลังนรก เขาไม่ได้เลือกจะอยู่ในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบต่อไป

ช่วงเวลาที่เฮลรัช และคนของเขาเข้ามาในเมืองป่าหิน ฉากตรงหน้าที่พวกเขาได้เห็นนั้นมันก็ทำให้พวกเขาตกตะลึง

เมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองกิล และโดยปกติแล้วมันจะมีเพียงแต่ผู้เล่นเท่านั้นที่เข้ามาเยี่ยมชมเมืองกิลในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย และ NPC มักจะไม่ค่อยมาเยี่ยมชมเมืองกิลแบบนี้ แต่ตอนนี้เมืองป่าหินกับเต็มไปด้วย NPC จำนวนมาก มันมีกระทั่งพ่อค้า NPC ที่ต่อแถวยาวรอเข้าสู่เมืองที่ทางเข้าหลักของเมือง และการเรียกเมืองนี้ว่าเมือง NPC นั้นก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงด้วยซ้ำ

เฮลรัชนั้นยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีก เมื่อเห็นจำนวนและคุณภาพของผู้เล่นที่มาเยือนเมืองของสภาสิบแปดปีก เขาได้เห็นผู้เล่นขั้นสามหลายโหล ขณะที่เหลือบมองไปรอบๆถนนสายหลัก ….

แม้ว่ามหาอำนาจต่างๆจะมีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้วในระยะนี้ของเกม และบางกลุ่มนั้นก็ถึงขั้นมีหลายร้อยคน แต่ผู้เล่นขั้นสามก็ยังจัดว่าหายากมากโดยภาพรวม และไม่ว่าจะไปที่ไหนผู้เล่นขั้นสามก็จะดึงดูดความสนใจได้อย่างมาก

อย่างไรก็ตามผู้เล่นขั้นสามในเมืองป่าหินกับเป็นภาพที่ดูปกติเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสองเลย ….

“นี่คือเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” ธันเดอร์บีสต์พึมพำและมองไปยังรอบๆตัวเขาด้วยความประหลาดใจ

กองกำลังนรกนั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั้งหมดสามร้อยคน ซึ่งมันนับเป็นจำนวนที่ไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด แต่ในเมืองป่าหินนี่มันนับว่าไม่มีอะไรเลย จากสิ่งที่เขาเห็น มันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนแน่นอนที่เดินไปมาอยู่ในเมือง

แม้แต่บลูฟอร์ส และสมาชิกของสภาสิบแปดปีกจากดาร์คเดนก็ยังตกตะลึงกับฉากนี้ เขตของพวกเขานั้นยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามไม่ถึงหนึ่งร้อยคนด้วยซ้ำในตอนนี้ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากที่นั่น

แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ตามถนนของเมืองป่าหินกับมีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าเขตที่อยู่อาศัยของดาร์คเดนซะอีก ….

“บลู ไอ้เวรนี่ !!! นายเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากพวกเราได้ดีน่าดูเลยนะ !!! ถ้าเรารู้ว่ากิลเรามีเมืองกิลที่สวยงามเช่นนี้ เราจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกนานแล้ว !!!” เคิร์สแมนเซอร์ขั้นสาม ที่เข้าร่วมกับเขตหนึ่งและสภาสิบแปดปีกกล่าวบ่นรองหัวหน้ากิลของเขา ขณะที่เขาชื่นชมบรรยากาศตรงหน้า

เท่าที่เขาเห็นนั้น เคิร์สแมนเซอร์ก็สามารถจะประเมินได้เลยว่า เมืองป่าหินนั้นมีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าดาร์คเดนหลายเท่า ….

ผู้เล่นทั่วไปอาจไม่สนใจว่าเมืองกิลมีผู้เล่นขั้นสามกี่คน แต่อย่างไรก็ตามสำหรับคนอย่างเขาที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการเขตหนึ่ง สิ่งนี้มันควรค่าแก่การสนใจมากๆ

คุณค่าของผู้เล่นแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะในเมืองกิล เมืองจะได้รับประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าขั้นสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของทรัพยากร ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่มีคุณภาพได้มากกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสอง เพราะพวกเขาจะสามารถสำรวจสถานที่อันตรายได้มากกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสอง

ในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้น ผู้เล่นจะเพิ่มทรัพยากรให้กับเมืองโดยไม่เจตนา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นสมาชิกของกิลผู้ปกครองเมืองก็ตาม ซึ่งนี่มันก็จะช่วยดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้ามามากขึ้นด้วย

ประโยชน์อีกประการหนึ่งก็มาในรูปแบบของการเก็บเลเวล

ผู้เล่นชั้นแนวหน้าของ God domain นั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยขึ้นไปกันแล้ว และหลังจากมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยนั้น ผู้เล่นก็ต้องการ EXP จำนวนมากขึ้นเพื่อจะไปให้ถึงเลเวลต่อๆไป และผู้เล่นก็จำเป็นจะต้องเอาชนะและฆ่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่ามาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากผู้เล่นขั้นสาม หากต้องการจะเก็บเลเวลให้ได้อย่างรวดเร็ว
นี่เป็นสาเหตุที่ผู้เล่นในดาร์คเดนนั้นต้องการจะมาพัฒนาตัวเองในเขตที่ทรงพลัง

ด้วยจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เดินไปมาตามท้องถนนของเมืองป่าหินนั้น หากพวกเขาประกาศจัดทีมออกล่า พวกเขาก็จะเก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็วแบบน่าเหลือเชื่อ ซึ่งมันจะทำให้เขตต่างๆของดาร์คเดนไม่สามารถจะจินตนาการได้ออกเลยว่าผู้เล่นที่มาถึงที่เมืองป่าหินได้จะเก็บเลเวลได้เร็วแค่ไหน

หากผู้เล่นในดาร์คเดนรู้ว่าสภาสิบแปดปีกปกครองเมืองกิลแบบนี้ ทุกคนจะพยายามเข้าร่วมกับกิลทันทีแน่นอน

อยางไรก็ตามบลูฟอร์สนั้นก็ไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรเกี่ยวกับคำบ่นของเคิร์สแมนเซอร์ แม้ว่าเขาจะรู้มาตลอดว่าสภาสิบแปดปีกนั้นค่อนข้างพิเศษ แต่เขาก็ไม่นึกเลยว่ากิลจะทรงพลังมากขนาดนี้

อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งที่บลูฟอร์สและพรรคพวกของเขาไม่รู้ก็คือ มันมีมหาอำนาจจำนวนมากได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามายังเมืองป่าหิน เนื่องจากการแสดงครั้งล่าสุดของซือเฟิงที่เมืองปีศาจ ในความเป็นจริงต้องบอกว่ามหาอำนาจกลุ่มแรกๆที่ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาที่นี่จำนวนมากนั้นก็คือมหาอำนาจจากจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ แถมพวกเขายังส่งพวกระดับสูงบางส่วนเข้ามาด้วย

ด้วยเหตุนี้จำนวนผู้เล่นของเมืองป่าหินจึงสูงเป็นประวัติการณ์ และมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามในเมืองเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในขณะเดียวกันตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม สามคน ที่มีเลเวลหนึ่งร้อยแปดก็กำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารจานพิเศษในห้อง VIP ของร้านอาหารชั้นสูงแห่งหนึ่งในเมืองป่าหิน ซึ่งร้านอาหารชั้นสูงนี้นั้นอยู่ไม่ไกลจากสถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีกมากนัก โดยคนเหล่านี้คอยสังเกตทีมของซือเฟิงอย่างเงียบๆหลังจากที่พวกเขาเข้ามา และสองในสามคนนั้นคือหยวนเทียนซิน กับเพอเพิ้ลเจดจากศาลาลับ ในขณะที่คนที่สามเป็นหญิงสาวในวัยยี่สิบกลางๆ

ถ้าซือเฟิงรู้เกี่ยวกับการรวมตัวครั้งนี้เขาจะต้องประหลาดใจมากแน่นอน

หยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดนั้นแสดงให้เห็นถึงความเคารพต่อหญิงสาวคนนี้อย่างมาก และแม้ในขณะที่เธอพูด ดวงตาของเพอเพิ้ลเจดก็ยังเปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น และเคารพ แม้ว่าเธอจะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งศาลาลับ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้าหญิงสาวคนนี้เลย

“เขาคือแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ? เขาช่างดูพิเศษจริงๆ ช่างน่าเสียดาย เขาไม่น่าไปยั่วยุหัวใจปีศาจเลย ด้วยตัวตน ความสามารถ และพลังของเขา บวกกับเมืองป่าหิน มันคงจะใช้เวลาไม่นานนักสำหรับสภาสิบแปดปีกก่อนที่จะกลายเป็นมหาอำนาจที่แท้จริง นี่มันช่างน่าเสียดายจริงๆ …” หญิงสาวผมยาวสีฟ้ากล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงที่เดินหายเข้าไปในสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก

“คุณแน่ใจหรอว่าคุณจะไม่ลองพิจารณาดูใหม่น่ะ รองหัวหน้ากิลดอร์น ? เมืองป่าหินเป็นเมืองอันดับหนึ่งในป่าใบไม้ผลิ แถมมันยังอยู่ใกล้แผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยอีกหลายแห่ง ถ้าคุณยอมก้าวออกมา ฉันแน่ใจว่าหัวใจปีศาจจะไม่กล้าทำอะไรกับเมืองแน่นอน” หยวนเทียนซินขอร้องหญิงสาวด้วยความเคารพ

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นคือดอร์น เจด และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องแสดงความเคารพต่อเธออย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว เธอเป็นผู้ที่มีแนวโน้มสูงมากที่จะขึ้นเป็นหัวหน้ากิลของศาลาลับในอนาคต และในปัจจุบันอำนาจของเธอในศาลาลับก็เป็นรองแค่หัวหน้ากิลเท่านั้น

“ก่อนที่เขาจะไปก่อปัญหาที่เมืองปีศาจ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมหัวหน้ากิลถึงมีความเห็นในแง่ดีนักเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีก แต่ผู้อาวุโสหยวน คุณก็รู้ดีนี่หว่าเวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว มหาอำนาจสายความมืดนั้นเข้ามามีอิทธิพลใน God domain มากกว่าที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะกับหัวใจปีศาจที่แทบจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของเหล่ามหาอำนาจสายความมืด แต่แบล๊คเฟรมกับเลือกจะฆ่าคนๆหนึ่งที่เฟรมมิ่งไลท์ปกป้องอยู่อย่างไร้ความปราณี ดังนั้นเหล่ามหาอำนาจสายความมืดต่างๆของ God domain โดยเฉพาะกับหัวใจปีศาจ จึงคิดจะใช้สภาสิบแปดปีกเชือดไก่ให้ลิงดูแน่นอน …” ดอร์นเจดกล่วพลางถอนหายใจ “สภาสิบแปดปีกได้ยั่วยุมหาอำนาจมากเกินไป และจากรายงานล่าสุด นอกเหนือจากไมโทโลจี้แล้ว เฟรมมิ่งไลท์ยังได้ไปเจรจาขอความร่วมมือจากจักรพรรดิอสูร ซึ่งปัจจุบันครอบครองจักรวรรดิออร์คอยู่ และตอนนี้แม้แต่หัวหน้ากิลของเราก็จะไม่สามารถป้องกันสภาสิบแปดปีกจากการล่มสลายได้ ไม่ต้องพูดถึงกองกำลังนรกจากจักรวรรดิโลกใต้พิภพเลย คนของคุณควรเตรียมการให้พร้อมเช่นกัน ฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานหัวใจปีศาจจะเริ่มเคลื่อนไหวแน่นอน แต่อย่ากังวลมากเกินไป ฉันจะคิดวิธีการรักษาส่วนแบ่งเมืองป่าหินของเราไว้”

เมื่อดอร์นเจดกล่าวจบ เธอก็ตัดบทด้วยการใช้สกิลเปิดสปาร์เชี่ยลเกตขึ้น และเดินเข้าสปาร์เชี่ยลเกตหายออกไปจากร้านอาหาร

ความเงียบนั้นเข้าปกคลุมอีกสองคนที่เหลือเป็นเวลานาน หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองจากไป

“ลุงหยวนเราจะทำยังไงกันดี ? หากรองหัวหน้ากิลไม่ช่วย เราจะมีกองกำลังไม่มากพอที่จะใช้ปกป้องเมืองป่าหิน แม้ว่าเราจะรวบรวมผู้เล่นทั้งหมดของเราแล้วก็ตาม …” เพอเพิ้ลเจดกล่าวถาม

มันมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงความน่ากลัวของหัวใจปีศาจ และเมื่อกิลสายความมืดกิลนี้เลือกจะเคลื่อนไหว พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนป่าใบไม้ผลิให้กลายเป็นรังของผู้เล่นสายความมืดแน่นอน

เฟรมมิ่งไลท์นั้นครอบครองวิธีการเปิดประตูสู่โลกแห่งความมืดอยู่ และเขาก็สามารถจะอนุญาติให้ผู้เล่นจากโลกอื่นไหลทะลักเข้ามาที่ทวีปหลักได้ นี่เป็นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังหวาดกลัวหัวใจปีศาจ

เพียงแต่ว่าเฟรมมิ่งไลท์นั้นต้องการที่จะให้หัวใจปีศาจสร้างฐานที่มั่นของตัวเองขึ้นใน God domain ได้โดยไม่ต้องมีศัตรูมากนัก ดังนั้นเขาจึงยังไม่เลือกใช้ไพ่ใบนี้ก็เท่านั้น

น่าเสียดายที่เหตุการณืที่เกิดขึ้นที่ผ่านมานั้นเฟรมมิ่งไลท์ไม่สามารถจะทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกได้ และซือเฟิงก็ได้ก่อความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับหัวใจปีศาจ ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก มันจึงทำให้กิลถูกคุกคามได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นโอกาสที่เฟรมมิ่งไลท์จะตัดสินใจเปิดใช้งานประตูสู่โลกแห่งความมืดนี้จึงมีค่อนข้างสูงมาก

โดยโลกแห่งความมืดนี้จัดว่าเป็นโลกที่แข็งแกร่งกว่าโลกอื่นๆอย่างมาก และที่สำคัญที่สุดคือมันมีประชากรผู้เล่นที่สามารถเทียบได้กับสองถึงสามจักรวรรดิอย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นทุกคนในโลกแห่งความมืดยังเป็นผู้เล่นสายความมืด เมื่อเฟรมมิ่งไลท์ตัดสินใจเปิดใช้งานประตูสู่โลกแห่งความมืดในป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหินก็จะต้องเผชิญหน้ากับการไหลบ่าเข้ามาของผู้เล่นสายความมืด และโอกาสที่เมืองจะรอดชีวิตไปได้นั้น มันก็แทบจะไม่มีเลย ในความเป็นจริงการเปิดประตูนี้จะส่งผลกระทบไปหมดทั้งในอาณาจักรสตาร์มูน และประเทศใกล้เคียงทั้งหมดแน่นอน

“ฉันไม่รู้แล้ว ตอนนี้ก้าวไปทีละก้าวแล้วกัน …” หยวนเทียนซินกล่าวออกมาอย่างหมดหนทาง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังทิศทางที่ซือเฟิงจากไปและกลอกตา

แทนที่จะพัฒนาตัวเองอย่างเงียบๆ ซือเฟิงได้ทำตัวเด่นใน God domain เสมอ และสร้างศัตรูขึ้นกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ตอนนี้แม้แต่ศาลาลับก็ไมม่สามารถจะช่วยกิลได้แล้ว และพวกเขาก็จะทำได้แค่ดูสภาสิบแปดปีกถูกทำลายเท่านั้น

ในระหว่างการประชุมในร้านอาหารใกล้เคียงของหยวนเทียนซิน เพอเพิ้ลเจด และดอร์นเจดนั้น ซือเฟิงก็ได้เดินเข้าไปที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สองของกิลฮอลของสภาสิบแปดปีก

หลังจากเข้ามาในห้องหลักแล้ว เขาก็เปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันของห้องและทำการปิดผนึกทั้งชั้น จากนั้นเขาก็ดึงดาบสีดำสนิทออกมาจากกระเป๋าของเขาอย่างระมัดระวัง

ดาบเล่มนี้นั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจาก Cruel Darkness ของกบฎสายฟ้า ตอนแรกซือเฟิงนั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับอาวุธเวทย์มนต์ที่กบฎสายฟ้าดรอปมากนักเลย เพราะเขามุ่งเน้นไปแต่การต้องฆ่าชายคนนี้ให้ได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตามพอเขาเริ่มทำการเก็บรวบรวมไอเทมที่ดรอปนั้น เขาก็พบว่า Cruel Darkness นี้มีปฎิกิริยากับ Abyssal Blade และเขาก็ได้รู้ข้อมูลบางอย่างซึ่งมันทำให้เขาตื่นเต้นมากๆ

อาวุธทั้งสองนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากใน God domain แต่ทั้งสองก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธชิ้นหนึ่ง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือทั้งสองคือเศษอาวุธ

ในฐานะที่เป็นอาวุธเวทย์มนต์ Abyssal Blade แข็งแกร่งอย่างน่ากลัว และมันทรงพลังมากพอที่จะเทียบกับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานได้เลยในปัจจุบัน ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่สามารถจะนึกออกได้เลยว่า หากอาวุธอยู่ในสภาพสมบูรณ์จริงๆมันจะทรงพลังมากขนาดไหน ?

หรือว่ามันจะกลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานที่แท้จริงเลย ?

หรือว่ากลายเป็นไอเทมระดับตำนาน ?

ซึ่งเมื่อรู้ถึงเรื่องนี้นั้น ซือเฟิงก็รีบฆ่าโทรเบิ้ลไทม์และกลับมาที่เมืองป่าหินทันที

นี่น่าจะปลอดภัยเพียงพอแล้ว หวังว่าการหลอมรวมกันจะไม่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนมากเกินไป

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้นำ Abyssal Blade และ Cruel Darkness ออกมาวางคู่กัน ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา

ระบบ : Abyssal Blade ได้ค้นพบชิ้นส่วนที่มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน คุณต้องการหลอมรวมชิ้นส่วนนี้เข้ากับ Abyssal Blade ไหม ?

“หลอมรวม !!”