ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ซิกเข้าร่วมกับขุมอำนาจของเรา

 

ฉันได้ส่งคนไปรวบรวมข้อมูลในเมืองหลวงจักวรรดิ สิ่งที่ฉันกำลังค้นหาอยู่ก็คือคนที่ดูไม่คุ้นหน้าหรือพวกหน้าใหม่ที่เข้ามาในเมืองหลวงจักรวรรดิ แน่นอนว่า, ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตามหารีเบคก้า

 

“แล้ว? ยังไม่ถึงตาของข้าอีกหรอ?”

 

“ไม่, ยังก่อน จะถึงตาของเจ้าก็ต่อเมื่อพวกเรายืนยันได้แล้วว่ารีเบคก้าเข้ามาในเมืองหลวงจักรวรรดิแล้ว”

 

“สำหรับเรื่องนั้น, เธอจะมาที่นี่จริงๆหรอ?”

 

ฉันพยักหน้าให้กับคำถามของซิกโดยไม่ลังเล

 

เธอเป็นอัศวินที่หนีไปได้อย่างรอบคอบหลังจากที่เอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ฝากฝังจดหมายของเขาเอาไว้กับเธอ รายละเอียดของจดหมายนั้นจะต้องเป็นคำสารภาพไม่ผิดแน่

 

และถ้าเป็นแบบนั้นจุดหมายของเธอก็คือเมืองหลวง

 

ถ้าขุนนางทางใต้เกี่ยวข้องกับคดีนี้คนๆเดียวที่เธอจะยื่นคำร้องได้ก็คือจักรพรรดิ

 

“เธอจะต้องมาที่เมืองหลวงจักรวรรดิอย่างแน่นอน”

 

“เจ้าดูมั่นใจจังเลยนะ เอาเถอะ, ข้าก็ไม่ได้อะไรหรอกแต่เจ้าจะตามหาคนที่ไม่รู้จักแม้แต่หน้ายังไงกัน?”

 

“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก พวกเราถามข้อมูลหน้าตาของเธอมาจากคนที่รู้จักเธอในบัสเซาแล้วและให้ทำภาพหน้าตรงขึ้นมาด้วย มันน่าจะมาถึงวันนี้แหล่ะ”

 

“เตรียมการดีใช้ได้เลยไม่ใช่หรอ?”

 

“มันเป็นคำแนะนำของน้องชายข้า ไม่ใช่ข้า”

 

“โฮ่, สมกับเป็นเจ้าชายผู้กล้า เขาทำงานละเอียดจริงๆ”

 

“แน่นอน, เขาให้คำแนะนำนี้มาก็เพราะเขาคาดเอาไว้แล้วว่าเหตุการณ์จะพัฒนาไปแนวนี้ แต่ว่า….ลีโอรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบเธอ เขาน่าจะอยากปกป้องผู้หญิงที่ชื่อรีเบคก้าคนนี้”

 

เอิร์ลเดนนิส ฟอน ซิทเทอร์ไฮม์ได้ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านพวกเขาก็เพราะรู้ว่าลีโอกำลังมา บางทีน่าจะมีความขัดแย้งในองค์กรของพวกเขามาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่กระตุ้นเขาก็คือการมาถึงของลีโอ

 

ลีโอคิดว่าถ้าเขาไปเร็วขึ้นอีกซักนิดหรือเลือกที่จะอาศัยอยู่ในบัสเซา, บางทีมันน่าจะสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้นได้

 

ถ้าเป็นลีโอหล่ะก็เขาจะต้องรู้สึกอยากรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ

 

“เขาเป็นคนอ่อนโยน อ่อนโยนเกินไป”

 

ซิกทำสีหน้าเบื่อหน่าย

 

ก็นะ, มันก็จริงนั่นแหล่ะ ฉันเองก็คิดว่าลีโอไม่ควรกังวลเกี่ยวกับมันขนาดนั้น

 

แต่นั่นคือลีโอ

 

“บางครั้ง, ความอ่อนโยนก็ช่วยคนได้นะ”

 

“ก็อาจจะ แต่ถ้าทำตัวอ่อนโยนครึ่งๆกลางๆมันจะเป็นการเปิดช่องโหว่วเอาไม่ใช่รึไง?”

 

ซิกชี้จุดอ่อนด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคม

 

สมแล้วที่เป็นนักผจญภัยระดับสูง เขาจะเข้มงวดกับเรื่องเหล่านี้

 

นักผจญภัยนั้นมักจะเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้าย ต่อให้พวกเขาสูญเสียพรรคพวกไป, พวกเขาก็ต้องกำจัดมอนส์เตอร์ให้ได้ ถ้าพวกเขายอมถอดใจจากคำขอเพียงเพราะเรื่องนั้น, ทุกสิ่งที่ทำมาก็จะสูญเปล่า

 

นักผจญภัยเก่งในเรื่องการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง

 

“ไม่ต้องห่วง ความอ่อนโยนของลีโอมันเข้าขั้นบ้าเลยหล่ะ มันไม่ใช่ความอ่อนโยนครึ่งๆกลางๆอย่างแน่นอน”

 

“เป็นข้าคงไม่พูดแบบนั้นหรอก……”

 

“ข้ารู้ แต่จะไม่มีการเปิดช่องว่างเพราะเรื่องนั้นแน่ การที่ข้าอยู่ที่นี่ก็เพื่อรับรองไม่ให้มันเกิดขึ้น”

 

“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร ข้าไม่อยากทำเรื่องห่ามๆแค่เพราะลูกค้าอ่อนโยนเกินไปเข้าใจใช่ไหม? ข้าจะไม่รับผิดชอบชีวิตของคนอื่นนอกจากข้า โดยเฉพาะตอนนี้”

 

“แค่นั้นก็พอแล้ว รีเบคก้าน่าจะซ่อนตัวอยู่หลังจากที่เธอเข้ามาในเมืองหลวง คนที่ไล่ตามเธอน่าจะเป็นนักฆ่าของซานดร้า บางทีผู้เข้าชิงตำแหน่งคนอื่นๆอาจจะส่งโจรไปตามล่าเธอด้วย ถึงยังไงถ้าพวกเขาสามารถชิงจดหมายมาได้พวกเขาก็สามารถต่อรองกับลีโอได้ ข้าอยากได้ใครซักคนที่เคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมเช่นนี้และเห็นได้ชัดเลยว่าเจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสม, ซิก”

 

ไม่ว่าซานดร้าจะเกี่ยวข้องโดยตรงรึเปล่า, ขุนนางทางใต้ก็ถือเป็นฐานอำนาจสำคัญของเธอ เธอจะไม่ยอมให้มีคนไปโจมตีพวกเขาแน่ๆ ด้วยเหตุนี้เอง, การกำจัดรีเบคก้าและทำลายจดหมายนั่นจึงเป็นการแก้ปัญหาที่เร็วที่สุดและแน่นอนที่สุด ซึ่งสำหรับพวกเราก็คือในทางตรงกันข้าม ดังนั้นไม่ว่ายังไง, จดหมายของรีเบคก้าก็คือกุญแจสำคัญในการกำจัดซานดร้า

 

นี่คือสาเหตุที่ถ้าเกิดเธอเข้ามาในเมืองหลวง, เธอจะตกเป็นเป้าของหลากหลายขุมอำนาจอย่างแน่นอน

 

โครงสร้างอำนาจจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการต่อสู้เพื่อรีเบคก้านี้

 

มันมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ซานดร้าหลุดออกจากสงครามผู้สืบทอดด้วยเรื่องนี้

 

และถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ, ก็ถือเป็นก้าวใหญ่สู่บัลลังก์สำหรับพวกเรา

 

“นี่, เจ้าหนู ข้าขอแนะนำวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่ข้าคิดได้ตอนนี้จะได้ไหม?”

 

“ให้พวกเขาสู้กันเองสินะ? พวกเราแค่ดูอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้พวกเขาปะทะกันเองจากนั้นพวกเราก็ค่อยชิงตัวรีเบคก้าและจดหมายไปในจังหวะสุดท้าย”

 

“อะไรกัน เจ้าเองก็คิดได้อยู่แล้วนี่ ทำไมถึงไม่ทำซะหล่ะ?”

 

ก็นะ, แม้กระทั่งซิกก็ยังถามฉัน

 

แน่นอนว่ามันเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุด

 

แถมด้วยเซบาสกับซิกโอกาสที่มันจะสำเร็จก็ยังสูงด้วย อย่างไรก็ตาม, ถ้าพวกเราจะทำแบบนั้น, ก็หมายความว่าพวกเราจะใช้รีเบคก้าเป็นเหยื่อล่อ

 

“ถ้าเจ้าเป็นรีเบคก้า, เจ้าจะส่งจดหมายให้คนที่ปรากฎตัวขึ้นมาตรงหน้าในช่วงจังหวะสุดท้ายไหมหล่ะ?”

 

“ก็คงจะส่ง ถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องยุ่งยาก และข้าก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันแถมมันยังมีแต่จะเรียกหาอันตรายมาหาข้าด้วย”

 

“แนวคิดของเจ้ากับเธอมันไม่เหมือนกัน เธอเป็นอัศวิน วัตถุประสงค์ของเธอน่าจะเป็นการฟื้นฟูเกียรติให้เอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ เธอจะไม่มีวันยอมส่งจดหมายให้กับคนที่เธอไม่ไว้ใจ ไม่ว่าเธอจะต้องเสี่ยงแค่ไหน, จดหมายนั้นก็ยังมีค่ากว่าชีวิตของเธอ สำหรับเธอ, จดหมายฉบับนี้คือความภาคภูมิใจของเธอ”

 

“ให้ความสำคัญกับความภาคภูมิใจมากกว่าชีวิตของตัวเองนี่นะ? น่าตลกชะมัด”

 

“ใช่, มันเป็นเรื่องที่น่าตลก ไม่ว่ายังไง, ชีวิตของตัวเองก็สำคัญที่สุด แต่ว่า, อัศวินเป็นคนที่เลือกความภาคภูมิใจมากกว่าชีวิตจนน่าหัวเราะเลยหล่ะ นี่คือหลักการของพวกอัศวิน พวกเขาไม่เหมือนพวกเรา”

 

เราไม่สามารถทำอะไรด้วยความภาคภูมิใจได้

 

ความภาคภูมิใจไม่ได้ทำให้แข็งแกร่งขึ้นหรือทำให้อิ่มท้อง

 

แต่อัศวินก็มักจะเชิดชูความภาคภูมิใจอยู่เสมอ

 

“ความภาคภูมิใจไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิต, แต่สิ่งที่ไม่จำเป็นนี้สามารถดึงดูดผู้คนได้ ความภาคภูมิใจของอัศวินไม่ได้เป็นแค่สำหรับบุคคลเดียว มันคือสิ่งที่หลอมรวมกัน ผู้หญิงคนนั้นเองก็แบกรับความภาคภูมิใจของเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ ดังนั้นถ้าเธอไม่ไว้ใจลีโอ, เธอก็จะไม่ยอมส่งจดหมายให้หรอก”

 

“พวกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยุ่งยากจังเลยนะ, พวกอัศวินเนี่ย”

 

“ถึงเจ้าจะพูดแบบนั้นแต่เจ้าเองก็มีความภาคภูมิใจในฐานะนักผจญภัยไม่ใช่รึไง?”

 

“ไม่อะ, ภูมิใจที่ได้เป็นนักผจญภัยเนี่ยนะ”

 

“จริงรึเปล่า? ข้ารู้จักนักผจญภัยที่พกความภาคภูมิใจเอาไว้อยู่หลายคนนะรู้ไหม?”

 

นักผจญภัยเป็นอิสระ ดังนั้น, สิ่งที่พวกเขาตัดสินใจทำด้วยตัวเองจะไม่มีวันแปรเปลี่ยน

 

นอกจากความมุ่งมั่นนี้, ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขานั้นไร้กฏเกณฑ์จนน่ากลัวดังนั้นพวกเขาจึงดูเหมือนพวกไร้กฏหมายแต่ถึงอย่างนั้นนักผจญภัยส่วนใหญ่ก็มีกฏเหล็กอยู่

 

พวกเขาจะรู้สึกรับผิดชอบต่อคำร้องขอที่พวกเขาได้รับมา ถ้าพวกเขาไม่ทำตามนั้นชื่อเสียงของพวกเขาก็จะตก นี่คือสาเหตุที่พวกเขาไม่มีวันทำแบบนั้น

 

ความจริงที่ว่าซิกไม่เคยพูดเรื่องป่าที่เขาไปก็แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็มีความภาคภูมิใจในฐานะนักผจญภัย แน่นอนว่ามันคงจะดีสำหรับเขากว่าถ้าเขาบอกพวกเราเกี่ยวกับมันแต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะไม่บอก

 

ฉันรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งจากจุดนี้

 

“เห้อ สำหรับข้า, นักผจญภัยที่น่าภาคภูมิใจนั้นไม่ใช่นักผจญภัยเลยซักนิด”

 

พอพูดจบ, ซิกก็หยิบแก้วชาขึ้นมาจ่อที่ปากของเขาแล้วจิบชาดำเข้าไป

 

จากนั้น, ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ประตูก็เปิดออก

 

“ขออนุญาตครับ ท่านอาร์โนลด์”

 

“มีอะไรหรอ? เซบาส?”

 

“ภาพหน้าตรงมาถึงแล้วครับ นอกจากนี้พวกเรายังได้รับรายงานว่ามีคนหน้าตาคล้ายกับข้อมูลเข้ามาในเมืองหลวงด้วย”

 

“งั้นหรอ…..”

 

ฉันรับภาพหน้าตรงมาจากเขา

 

ผมสีน้ำตาลจนเกือบส้มยาวประบ่าพร้อมกับสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยพลัง

 

ฉันบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนสวย แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่ภาพหน้าตรงเท่านั้น

 

ฉันแสดงภาพนั้นให้ซิกดู

 

จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มไม่หวั่นกลัวออกมา

 

“ดีเลยนี่, ตามหาคนสวยแบบนี้มีกำลังใจกว่าตามหาพวกมอนส์เตอร์เยอะเลย โชคดีแล้วสิ”

 

พอพูดจบ, ซิกก็เตรียมออกเดินทางพร้อมกับภาพหน้าตรง

 

แต่ฉันก็หยุดเขาเอาไว้แล้วขอให้เซบาสเอาของบางอย่างมา

 

“นี่ นี่, เจ้ายังมีอะไรมายับยั้งข้าเพิ่มอีกหรอ?”

 

“ไม่ใช่หรอก ถ้าถือหอกแบบนั้นมันก็ดูจะไม่ค่อยสะดวกใช่ไหมหล่ะ?”

 

“ก็นะ, มันก็ใช่อยู่หรอก”

 

ไม่นานนักนักเซบาสก็กลับมาพร้อมกับแท่งเล็กๆในมือของเขา

 

ความยาวของแท่งนี้ประมาณ 30 เซนติเมตร ในตอนที่ฉันได้รับมาจากเซบาส, ฉันก็กดปุ่มที่แท่งนั้น, แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นหอกยาวสองเมตร

 

“โฮ่?”

 

“มันคืออุปกรณ์เวทมนตร์ที่สามารถแปลงสภาพได้ เป็นยังไงหล่ะ?”

 

ฉันทำให้หอกกลับไปอยู่ในสภาพเดิมแล้วโยนไปให้ซิก

 

ซิกรับมันแล้วเปลี่ยนเป็นหอกอีกครั้ง

 

“เบาไปนิด…..แต่ก็เอาเถอะ, ข้าว่ามันก็ไม่เลว”

 

ในขณะที่พูด, ซิกก็ควงมันอย่างสบายๆ

 

แม้ว่าห้องจะเต็มไปด้วยของต่างๆมากมาย, แต่เขาก็เหวี่ยงไม่โดนพวกมันเลยซักชิ้น

 

จากนั้นซิกก็หยุดควงหอกแล้วแทงออกไปในทันที

 

ปลายหอกหยุดอยู่ตรงหน้าแก้วชาที่ซิกดื่มเมื่อสักครู่นี้

 

“เป็นหอกที่ดี แล้วมันมีชื่อว่าอะไรหล่ะ?”

 

“หอกเวทมนตร์ [ทำลาย] ถ้าเจ้าชอบก็เอาไปใช้ได้ตามสบายเลย”

 

“โอเค, ถ้างั้นขอเอาไปใช้หล่ะ—อ้ะ, แล้วก็…”

 

ซิก, ที่กำลังจะออกจากห้อง, หยุดฝีเท้าของเขาเอาไว้

 

ในอีกด้านนึง, เซบาสก็ออกจากห้องไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไร

 

“ถ้าข้าช่วยชีวิตเธอไม่ได้….ข้าจะให้ความสำคัญกับจดหมายแทนโอเคไหม?”

 

“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าให้เจ้าเลือกวิธีการได้เลย?”

 

“อย่ามาบ่นข้าทีหลังก็แล้วกัน จดหมายนั่นจะถือเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับข้า เข้าใจนะ?”

 

“ข้าหน่ะไม่อะไรหรอก แต่ว่า…..”

 

“แต่อะไร?”

 

ฉันมองตรงไปที่ซิก

 

ซิกถามฉันหลังจากที่เขาทำการตัดสินใจแล้ว

 

ในเมื่อเป็นแบบนี้, ฉันเองก็ต้องตอบเขาด้วยการตัดสินใจของฉัน

 

“เจ้าต้องทำให้มั่นใจ ข้าจะไม่ยกโทษให้ถ้าเจ้าไม่พยายามช่วยเหลือเธอเลย จงช่วยเธอด้วยพลังทั้งหมดของเจ้า แต่ถึงขนาดนั้นแล้วยังช่วยเธอไม่ได้ก็ค่อยให้ความสำคัญกับจดหมายเป็นที่หนึ่งแทน”

 

ฉันออกคำสั่งในขณะที่วางศอกทั้งสองข้างลงบนโต๊ะแล้วประสานมือเข้าด้วยกัน

 

บางทีเขาคงคิดไม่ถึงว่าจะได้รับความรู้สึกคุกคามที่รุนแรงเช่นนี้จากฉัน, ดวงตาของซิกเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

 

จากนั้น

 

“อย่างนี้นี่เอง, เจ้าเองก็มีสายตาที่ยอดเยี่ยมอยู่นี่ เข้าใจหล่ะ รอฟังผลลัพธ์ได้เลย”

 

“ขอบใจนะ”

 

พอพูดจบ, ซิกก็เดินออกจากห้องตามเซบาสไป

 

ลีโอเองก็ยังตามหารีเบคก้าอยู่แต่การเคลื่อนไหวหลักๆในเรื่องนี้น่าจะเป็นเซบาสกับซิก

 

ใครก็ตามที่ได้ตัวรีเบคก้าจะสามารถตัดสินอนาคตของสงครามผู้สืบทอดได้

 

นับจากนี้ไป, กลางคืนจะเป็นสนามหลักของพวกเราไปพักนึง

 

ฝ่ายอื่นๆเองก็คงเตรียมรับการนองเลือดเอาไว้แล้วเหมือนกัน

 

นี่คือสาเหตุที่พวกเราต้องชนะ

 

“ตอนนี้, ข้าคงต้องขอให้เจ้าออกจากเวทีในเร็วๆนี้นะ ซานดร้า”