ในช่วงที่เซบาสกับซิกเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่พวกเราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับรีเบคก้า

 

ในเมืองหลวงจักรวรรดิ, ขุมอำนาจต่างๆกำลังเริ่มเคลื่อนไหว

 

“องค์หญิงซานดร้า ได้โปรดให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วยเถอะครับ”

 

นักล่าถูกส่งมาจากองค์กรลักพาตัวให้มาที่เมืองหลวงและขอความช่วยเหลือจากซานดร้า

 

พวกเขามีกันห้าคน และเป็นนักฆ่าที่เก่งที่สุดที่องค์กรมี นอกจากพวกเขา, ยังมีนักล่าอีกส่วนนึงที่แทรกซึมเข้ามาในเมืองหลวงจักรวรรดิ องค์กรได้ทำทุกอย่างเพื่อตามหาตัวรีเบคก้า

 

จดหมายของรีเบคก้าสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้องค์กรได้ และมันยังร้ายแรงกับขุนนางทางใต้และซานดร้าที่มีกำลังสนับสนุนหลักจากทางใต้ด้วย

 

“ได้สิ, ข้าคงจะมีปัญหาเอาได้ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางทางใต้กับองค์กรถูกเปิดเผย กุนเธอร์”

 

“ครับ, นายหญิง”

 

กุนเธอร์, นักฆ่าที่เคยหมายเอาชีวิตอัลโค้งคำนับซานดร้าจากระยะไกลๆ

 

ข้างหลังเขาคือนักฆ่าที่ซานดร้าเกณฑ์มาจากทั่วโลก พวกเขามีจำนวนประมาณ 20 คน

 

“จงใช้ทุกอย่างที่ทำได้เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะได้จดหมายนั่น”

 

“ตามประสงค์ครับ แต่ว่า….ข้ากังวลอยู่เรื่องนึง, นายหญิง”

 

“ลีโอนาร์ดสินะ? เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเขาหรอก ลีโอนาร์ดไม่ค่อยมีนักฆ่าให้ใช้งาน ที่เจ้าต้องกังวลก็มีแค่เซบาสเตียนเท่านั้น, คนที่ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านเพียงคนเดียวของอาร์โนลด์”

 

“นั่นก็เรื่องนึงครับ แต่ว่า, เรื่องที่ข้ากังวลก็คือขุมอำนาจขององค์ชายกอร์ดอน”

 

“เรื่องอะไรเกี่ยวกับกอร์ดอนหล่ะ? ข้าไม่คิดว่าเจ้าสมองกล้ามนั่นเป็นศัตรูที่พวกเราต้องระวังหรอกนะ”

 

สิ่งที่ซานดร้าพูดนั้นถูกต้อง

 

ตามข้อมูลที่มีอยู่, กอร์ดอนไม่มีคนที่เหมาะสมกับงานลอบเร้นเลย

 

อย่างไรก็ตาม, จากข้อมูลที่กุนเธอร์รวบรวมมาได้ไม่นานนี้, ความเข้าใจนั้นได้รับการแก้ไขแล้ว

 

“อันที่จริง….ข้าได้รับข้อมูลมาว่าเขาเริ่มก่อตั้งหน่วยลอบเร้นที่ทำการฝึกฝนมาอย่างลับๆครับ”

 

“ในกองทัพเนี่ยนะ?”

 

“ครับ”

 

“ไม่ว่าเขาจะทำอะไร, กอร์ดอนจะสามารถสร้างหน่วยที่มีฝีมือดีได้จริงๆหรอ?”

 

“ข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นหน่วยที่ไม่เป็นทางการครับ, นายหญิง ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการของหน่วยนั้นจะถูกเรียกตัวมาที่เมืองหลวงจักรวรรดิเมื่อไม่นานนี้ด้วย”

 

“และเป้าหมายของพวกนั้นก็คงเป็นจดหมายแน่ๆสินะ…..”

 

ซานดร้าเขย่าขาในขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

 

ในขณะที่ใช้มือเท้าคางเอาไว้, เธอก็มองดูดวงอาทิตย์ที่เริ่มตกข้างนอก

 

เมืองหลวงจักรวรรดิจะถูกปกคลุมด้วยความมืดยามค่ำคืนในเร็วๆนี้และการต่อสู้ก็จะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน

 

ถ้าเธอแพ้ในการต่อสู้นี้, ซานดร้าจะได้รับความเสียหายหนักที่สุด ฐานสนับสนุนทางใต้ของเธอจะหายไป

 

นักเวทย์จากหลากหลายแห่งในโลกนี้จะยังคงสนับสนุนซานดร้าต่อแต่นั่นก็แค่ระดับบุคคล สงครามผู้สืบทอดไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างผู้เข้าชิงแต่ยังรวมถึงขุมอำนาจของพวกเขาด้วยและขุมอำนาจที่อ่อนแอจะไม่มีทางรักษาบัลลังก์เอาไว้ได้

 

ในส่วนของลีโอนั้นมีดยุคไคลเนลต์คอยหนุนหลังอยู่, และเธอจะสูญเสียอำนาจไปอย่างมีนัยสำคัญถ้าเธอสูญเสียดยุคครูเกอร์ที่เป็นคนสนับสนุนเธอ

 

“แสดงว่ากอร์ดอนพยายามจะแซงหน้าข้าในจุดนี้ให้ได้สินะ”

 

“สำหรับองค์ชายเอริคข้าคิดว่าครั้งนี้เขาคงจะสังเกตดูจากข้างสนามครับ”

 

“ถ้าเป็นเอริคก็คงจะตามนั้นแหล่ะ เขาไม่มีวันทำให้มือสกปรกจนกว่าจะถึงที่สุดจริงๆ เขาน่าจะรอให้พวกเราตีกันเองจนเหนื่อย แต่นี่คือโอกาสของพวกเรา ถ้าพวกเราสามารถชิงจดหมายนั้นกลับมาได้ข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องฐานสนับสนุนของข้าอีก”

 

‘ที่สำคัญกว่านั้น, ข้าห่วงเรื่องการทดลองร่างกายนั้นมากกว่า’

 

ซานดร้าพึมพำในใจ ส่วนตัวแล้ว, นี่คือสิ่งที่สำคัญกับเธอยิ่งกว่า สำหรับซานดร้า, สิ่งที่เธอต้องการเพื่อให้ได้รับชัยชนะในสงครามผู้สืบทอดนี้ไม่ใช่อำนาจทางการทหารหรือขุมอำนาจของเธอแต่เป็นศาสตร์ต้องห้ามของเธอ

 

ถ้าเธอทำการทดลองศาสตร์ต้องห้ามนี้สำเร็จขุมอำนาจของเธอก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป จะไม่มีใครที่สามารถขัดขืนซานดร้าได้

 

ทุกคนจะยอมคุกเข่าให้เธอเอง นี่คือโลกในอุดมคติของซานดร้า

 

“กุนเธอร์ สำหรับตอนนี้, ไปตามหาจดหมายที่ผู้หญิงคนนั้นถืออยู่ซะ แต่ห้ามแตะต้องเธอนะ”

 

“แบบนั้นจะไม่เป็นอะไรหรอครับ, นายหญิง?”

 

“ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้สมุนของลีโอนาร์ดกับกอร์ดอนต่อสู้กันเองไปก่อน พวกเราคอยจัดการพวกนั้นในตอนที่อ่อนแอลงแล้ว”

 

“ตามประสงค์ครับ”

 

ตอนนี้มีนักฆ่าและนักติดตามจำนวนมากที่องค์กรเกณฑ์เข้ามาในเมืองหลวงจักรวรรดิ

 

ถ้าเธอเรียกรวมพวกเขาทุกคนเธอก็น่าจะสามารถชนะได้ผ่านวิธีการที่รุนแรงแต่ซานดร้าไม่อยากทำให้จำนวนนักฆ่าของเธอลดลงไปอีก

 

นี่คือสาเหตุที่เธอให้คำแนะนำแบบนี้และกุนเธอร์ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเลยเหมือนกัน

 

ตั้งแต่แรกแล้ว, เธอไม่เคยคิดว่ารีเบคก้าจะถูกเจอตัวได้ง่ายๆเนื่องจากเธอหนีจากนักล่าขององค์กรมาได้ถึงขนาดนี้และยังสามารถเข้ามาในเมืองหลวงได้อีก

 

“เอาหล่ะ, ไปได้แล้ว ถ้าเกิดจำเป็นต้องต่อสู้ขึ้นมาข้าก็ไม่ถือสาไม่ว่าเจ้าจะต้องฆ่าใครไปก็ตาม”

 

“รับทราบครับ ถ้างั้นข้าขอตัวลา”

 

พอพูดจบ, กุนเธอร์ก็หายไปด้วยกันกับนักฆ่าที่อยู่ข้างหลังเขา

 

นักล่าที่องค์กรส่งมาเองก็หายตัวไปก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวเหมือนกัน

 

พอเหลืออยู่แค่ห้องอันว่างเปล่า, ซานดร้าก็ยิ้มออกมา

 

“ถ้าข้าชิงจดหมายนั้นมาไม่ได้…..ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทิ้งท่านลุงสินะ แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ใช่ไหมหล่ะ? ถึงยังไงมันก็เพื่อทำให้ข้าได้เป็นจักรพรรดินี”

 

ซานดร้าพึมพำเช่นนั้นออกมาด้วยรอยยิ้มอันบ้าคลั่ง

 

….

 

“เห้ย เห้ย, นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกันเนี่ย?”

 

ซิกที่ออกมาด้วยกันกับเซบาสพึมพำในขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงตัวตนมากมายกำลังเคลื่อนไหวไปทั่วในระหว่างที่กำลังนอนเหยียดอยู่บนหลังคา

 

ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว มันแปลกมากที่มีคนจำนวนขนาดนี้เคลื่อนไหว

 

“ต้องเป็นนักฆ่าขององค์หญิงซานดร้าแน่นอนครับ”

 

“หมดนี่เลยหรอ?”

 

“พวกเขาน่าจะมีนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาและนักล่าที่ถูกส่งมาล่าตัวท่านรีเบคก้าด้วย พวกเขามีจุดมุ่งหมายร่วมกันดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าพวกเขาจะร่วมมือกัน”

 

“เจ้าพูดแบบนั้นแต่ฝั่งเรามีแค่สองคนเองไม่ใช่รึไง?”

 

“นี่ไม่ใช่สงครามเพราะฉะนั้นพวกเขาคงเอาจำนวนมาชิงความได้เปรียบไม่ได้หรอกครับ ซิกกับข้าน่าจะเพียงพอที่จะรับมือกับพวกเขา”

 

“เจ้านี่พูดง่ายจังเลยนะ…..”

 

ซิกถอนหายใจแล้วมองไปรอบๆ

 

การหาตัวรีเบคก้าคืองานที่น่าท้อใจเพราะขนาดศัตรูส่งคนหาทั่วขนาดนี้ก็ยังไม่เจอเธอเลย

 

“แต่….การที่นักล่ามารวมตัวกันแบบนี้, ดูเหมือนว่าเธอจะมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วจริงๆสินะ?”

 

“เธอน่าจะมีพรรคพวกด้วย และถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราเองก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเหมือนกัน”

 

“มันคงจะเป็นปัญหาเอาได้ถ้าเธอคิดว่าพวกเราเป็นศัตรู แต่ไม่ว่ายังไง, ก่อนอื่นก็ต้องหาที่อยู่ของเธอให้ได้ก่อนหล่ะนะ”

 

พอพูดจบ, ซิกก็ลุกขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้า

 

อย่างไรก็ตาม, มีกระแสลมแรงพัดมาในเวลาที่ประจวบเหมาะพอดี

 

มันคงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับมนุษย์แต่ลมนี้ก็ผลักร่างกายของซิกจนเสียหลัก

 

“อ้ะ”

 

ซิกส่งเสียงออกมาสั้นๆแล้วลื่นจากหลังคา

 

“!!??”

 

ซิกกรีดร้องแบบไม่มีเสียงในขณะที่สามารถหลีกเลี่ยงการตกลงไปได้ด้วยการใช้มือคว้าส่วนที่ยื่นออกมาของบ้านเอาไว้

 

“เห้อ…..เกือบไปแล้วสิ”

 

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

 

“อา,  ไม่เป็นไร……ซะที่ไหนเล่า!?”

 

นอกจากซิก

 

ชามที่วางเอาไว้บนส่วนที่ยื่นออกมาของบ้านกำลังแกว่งไปมา

 

จากนั้นมันก็ร่วงตามแรงโน้มถ่วงและตกลงไป

 

แล้วมันก็แตกพร้อมกับส่งเสียงดังลั่น

 

“…….”

 

“……”

 

เซบาสกับซิกมองชามที่แตกอย่างเงียบๆตามสันชาตญาณ

 

ในขณะที่พวกเขาทำแบบนั้น, ตัวตนทั้งหลายก็มารวมกันรอบตัวพวกเขา

 

“นั่นไงหล่ะ มันเป็นความผิดของลม ใช่แล้ว, ลมผิดเต็มๆเลย”

 

“เห็นด้วยครับ”

 

พอพูดจบ, ทั้งสองก็เพ่งสมาธิแล้วเตรียมอาวุธของพวกเขา

 

เซบาสเอามีดของเขาออกมาในขณะที่ซิกเปลี่ยน ‘ทำลาย’ ให้กลายเป็นหอกแล้วปีนขึ้นไปบนหลังคา

 

ในตอนที่ทั้งสองเตรียมตัวเสร็จแล้ว, คนสามคนก็กระโดดขึ้นมาบนหลังคาห

 

อย่างไรก็ตาม, พวกเขาทั้งสามก็ร่วงลงไปพร้อมกับโดนมีดของเซบาสแทงที่หว่างคิ้ว

 

“ฝีมือไม่เบานี่”

 

“พวกเขายังเข้ามาอยู่นะครับ”

 

มีคนปีนขึ้นมาบนหลังคาเพิ่มแต่ครั้งนี้ซิกเป็นคนเหวี่ยง ‘ทำลาย’ เขากระแทกคนนึงตกลงไปและฟันคอหอยของอีกคนนึง จากนั้นก็กระโดดไปที่หลังคาอีกหลังแล้วเข้าไปหาคนสุดท้าย

 

“หมีหรอ!?”

 

“ใช่แล้ว”

 

พอพูดจบ, ซิกก็ทะลวงใบหน้าของชายคนนั้น

 

ชายคนนั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงร้องแล้วก็ได้ตายจากไป

 

“ขอโทษที แต่หมีตอนกลางคืนมันดุนะ”

 

“เป็นทักษะหอกที่งดงามมาก ไม่นึกเลยว่าท่านจะสามารถแสดงพลังได้มากขนาดนี้ด้วยร่างกายแบบนั้น”

 

“เจ้าก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ, ขนาดแก่แล้ว, ก็ยังฝีมือใช้ได้อยู่ไม่ใช่หรอ?”

 

“เป็นเกียรติที่ได้ยินเช่นนั้นครับ แต่จำนวนขนาดนี้ก็ยังคงมากเกินไปอยู่ดี”

 

“นั่นสินะ ถ้างั้นใช้แผนบีกันเถอะ”

 

“แผนบีหรอครับ?”

 

เซบาสที่ไม่เคยได้ยินแผนนั้นพึมพำออกมาอย่างงงงวยแต่ซิกก็แค่ปีนขึ้นไปบนหลังของเซบาส

 

ในตอนที่เขาเกาะไหล่ของเซบาสแล้ว, เขาก็พูดออกมาอย่างน่าไม่อาย

 

“เจ้าแบกข้าแล้วหนีไง”

 

“ท่านนี่ใช้งานคนแก่เก่งไม่เบาเลยนะครับ”

 

“อย่าพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวหลังจากนี้ข้าจะนวดไหล่ให้นะ”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า, ถ้างั้นก็คงต้องรบกวนท่านด้วย”

 

พอหัวเราะออกมา, เซบาสก็หนีออกจากฉากด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา

 

หลังจากนั้น, ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวในเมืองหลวงอีกเลย

 

ไม่มีขุมอำนาจไหนได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ในศึกราตรีแรก

 

ซึ่งความจริงนี้ก็ได้กระตุ้นทุกขุมอำนาจ

 

รีเบคก้าซ่อนตัวได้เก่งมาก, หรือว่าเธอกำลังร่วมมือกับคนที่มีความสามารถ?

 

แต่ไม่ว่าแบบไหน, มันก็เห็นได้ชัดว่าคนที่ถือจดหมายนั้นไม่ใช่คนที่โง่ๆซื่อๆ