เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 666
“สมควรตาย! มึงสมควรตาย!”
ผู้คุมกฎสิบเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาราวกับจะฉีกกระชากชั้นบรรยากาศและนำพามาซึ่งแต่โทสะและความโกรธา
ลูกกระสูนบินเหล่านี้ ไม่มีทางโจมตีโดนผู้คุมกฎสิบได้อยู่แล้ว
ท้ายที่สุด
การมาเยือน ณ เขตแดนแห่งนี้ของผู้คุมกฎสิบ
การใช้อาวุธความร้อนธรรมดาสังหารเขา แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“พยายามได้ดี”
เมื่อเห็นผู้คุมกฎสิบพรวดพราดเข้ามา
กัสสปะแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยาม และมุ่งตรงขึ้นไปประจันหน้า
เป็นถึงหนึ่งในจตุขุนพลภายใต้อำนาจของหยางเฟิง เขาผู้ที่ลี้ลับซับซ้อน จะให้ไร้ซึ่งพละกำลังความสามารถได้อย่างไรเล่า?
ตูม!
เสียงดังสนั่นก้องฟ้า
กำปั้นคู่ของกัสสปะและผู้คุมกฎสิบปะทะกัน
ภายใต้ฟากฟ้า
บรรยากาศแต่เดิมที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้น ท้ายที่สุดก็กระจัดกระจายจนหายไป
ช่องว่างกลางระหว่างคนทั้งสอง
พลันก่อเกิดเป็นเกลียวคลื่นพายุทราย
โครม!
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่
ทั้งสองก็ผละตัวออกจากกัน
กัสสปะถอยหลังไปสองสามก้าว
บนใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความหวาดผวา
พละกำลังนี้ของผู้คุมกฎสิบ เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้เลย
มิน่าเล่าถึงได้ก่อความยุ่งยากแก่ท่านแม่ทัพได้
สำหรับผู้คุมกฎสิบแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่เหลือทน
ร่างของเขาลอยกลับหัว เลือดสดที่ปะปนคลุกเคล้ากับชิ้นส่วนของตับไตไส้พุง ฉีดพ่นออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ก่อนหน้านั้น ครั้งเมื่อเขาต่อสู้กับหยางเฟิง
ก็ถูกหยางเฟิงโจมตี และได้รับบาดเจ็บ
มาวันนี้ก็ได้สู้กับกัสสปะอีก
นี่ยิ่งทำให้บาดแผลในร่างกายของเขา ร้ายแรงขึ้นไปอีก
“ช่างเป็นผู้ที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้”
“ต้าเซี่ยแห่งนี้ กองทัพผู้ทำสงครามที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ปรากฎขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน? เกรงว่าวันเวลาในต้าเซี่ยนี้ คงจะแปรเปลี่ยนไปเสียแล้ว ”
แม้ผู้คุมกฏสิบจะได้รับบาดเจ็บ แต่สติสัมปชัญญะของเขายังคงชัดเจน เขาอาศัยความเร็วในการถอยหลังของร่างกาย วิ่งหนีไปราวสุ้มเสียงที่รวดเร็ว
เขาทราบดี
ถ้าตนไม่หนี ก็มีแต่ต้องตาย!
สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงก็คือ
ด้วยพละกำลังอันสง่าผ่าเผยของผู้คุมกฎสิบแห่งกุ่ยเหมินเช่นเขา กลับไม่รู้จักต้าเซี่ย เมื่อใดปรมาจารย์ที่ไม่มีผู้ใดทัดเทียมจะปรากฏตัวอีกครั้ง
ดูท่าทางแล้ว อย่างไรเสียก็ยังเป็นคนของกองทัพ
หากบอกให้เขารู้ กัสสปะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหยางเฟิง และยังเป็นหนึ่งในจตุขุนพลอีกด้วย เกรงว่าจะตกตะลึงจนกรามค้าง
เมื่อเห็นผู้คุมกฏสิบวิ่งหนีไป
กัสสปะอดไม่ได้ที่จะเก็บซ่อนความเกลียดชังไว้
ครั้งแรกที่เขาได้ประมือกับผู้คุมกฎสิบ คาดไม่ถึงเลยว่าคนเยี่ยงนี้จะเจ้าเล่ห์ราวสุนัขจิ้งจอก
ตนเองคิดใคร่ครวญวางแผนเสียอย่างแยบยล ยังไม่วายปล่อยให้เขาหนีไปได้อีก
กัสสปะหันกลับไปพลางเหลือบมองสาวกของกุ่ยเหมินที่เหลืออยู่ และออกคำสั่ง “สังหารทั้งหมดให้สิ้นเพื่อสนองแก่ข้า”
ปัง ปัง ปัง!
กระสุนแห่งความโกรธา ลั่นไกไปยังสาวกของกุ่ยเหมินเหล่านี้
เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที
สาวกนับร้อยของกุ่ยเหมินล้วนล้มลงจมกองเลือด
จนกระทั่งตอนนี้
กุ่ยเหมินและศูนย์พันธมิตรบู๊ครั้งนี้ เกือบย่อยยับทั้งหมด
แฮก!
แฮก!
แฮก!
มีเงาของหลายร่างพุ่งกระโจนออกมา
ผู้นำคือหนิงชิงเฉิง
กัสสปะรีบออกคำสั่งโดยทันที
“ทุกนายเตรียมพร้อม!”
เกิดเสียงดึงไกปืนขึ้นอย่างฉับพลัน
ปากกระบอกปืนดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเป้าไปยังหนิงชิงเฉิงและคนอื่นๆ
เมื่อเห็นสภาพการณ์ดังนี้
คนทั้งหลายของตระกูลหนิงหน้าถอดสี
แต่ละคนล้วนตื่นกังวลจนเกินเหตุ
สวีโหย่วหรงเดินออกมา และตะโกนบอก “ปิดตาสุนัขของพวกเจ้าไว้เสีย พวกข้าเป็นคนจากตระกูลหนิงแห่งจงโจว พวกเจ้ากล้าลั่นไกใส่พวกข้างั้นรึ?”
ตระกูลหนิงแห่งจงโจว เป็นถึงตระกูลที่เพรียบพร้อมทั้งเงินทองและอำนาจ
มีอิทธิพลอย่างมากในทั่วทุกแห่งของต้าเซี่ย
ณ หน้าชั้นศาล ก็มีอำนาจในการต่อรองด้วยเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ติดอาวุธในบางพื้นที่ เมื่อเห็นคนจากตระกูลหนิงเช่นพวกเขา กลับไม่สั่นกลัวและปฏิบัติต่อพวกเขาเยี่ยงแขกผู้มีเกียรติ
แล้วนี่เป็นหมาแมวจากไหน ถึงอาจหาญต่อกรกับพวกเขา?
เมื่อได้ยินดังนี้
ใบหน้าของกัสสปะเผยให้เห็นถึงความจองหอง “ตระกูลหนิงก็แค่พวกไร้น้ำยา บังอาจมาอวดดีต่อหน้ากู สังหารพวกมันให้สิ้น!”
ต้องทำความเข้าใจว่า
กัสสปะเป็นถึงหนึ่งในสี่ผู้บัญชาการใหญ่ภายใต้บังคับบัญชาของหยางเฟิง
ควบคุมกองทหารแห่งกัสสปะนับแสน ยืนหยัดต่อสู่โดยตัวคนเดียว!
ตระกูลหนิงจะเป็นผู้ดีไฮโซแล้วมันเป็นเช่นไรเล่า?
ช่างกวนโมโหเขาเสียแล้ว
กองทหารหลายแสนนาย จงบุกเคลื่อนพลลงทิศทักษิณ มุ่งสังหารตระกูลหนิงของพวกมันให้เลือดสาดนอง
“เจ้า……”
เมื่อเห็นกัสสปะพูดจาโอ้อวดอย่างหน้าไม่อาย
สวีโหย่วหรงพลันเดือดดาลขึ้นมาทันใด