หลังจากพูดอย่างตรงไปตรงมาจบไม่ทันรอให้ใครได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง หลูปิงเซ่อก็หมุนตัวกลับหลังหันเดินออกไปจากห้องประชุมทันที จุดประสงค์ของเขาชัดเจนมาก ในเมื่อเขาไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้เขาก็จะไม่เสียเวลาอยู่ที่นี้อีกต่อไป
ในที่สุดทุกคนก็สามารถวิเคราะห์จุดประสงค์หลักของลูกผสมได้หลังจากผ่านการระดมสมองช่วยกันวิเคราะห์เป็นเวลาหนึ่งคืนแม้ว่ามันจะมีข้อสงสัยและความไม่เข้าใจมากมาย หากมันก็ไม่สามารถขัดขวางพวกเขาให้สาเหตุของสถานการณ์ในครั้งนี้ได้
แน่ชัดแล้วว่าจุดประสงค์ของการกระทำของลูกผสมในครั้งนี้ก็คือค่ายเขี้ยวหมาป่า!
ดังนั้นหลูปิงเซ่อจึงเตรียมตัวพร้อมตั้งแต่เช้าตรู่แม้ว่าเขาจะเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธจากคนของค่ายหนานตู้ ทว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องลองดู ค่ายเขี้ยวหมาป่าและค่ายหนานตู้อยู่ห่างไกลกันมากและตอนนี้ก็มีอุปสรรคเป็นพวกลูกผสมอีก ค่ายเขี้ยวหมาป่าของพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
เขาจะต้องรีบกลับไปค่ายเขี้ยวหมาป่าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
หากการขอยืมเฮลิคอปเตอร์กลับไม่สำเร็จซึ่งมันเป็นเรื่องที่เด็กแสนรู้อย่างซงเสี่ยวคาดการณ์เอาไว้แต่แรกดังนั้นในตอนนี้หลูปิงเซ่อที่กำลังอยู่ตรงโถงทางเดินหลังจากออกมาจากห้องประชุมก็เจอกับฉางกวนยวีซิน หลูปิงเซ่อสบตากับฉางกวนยวีซินพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ
ฉางกวนยวีซินที่เห็นก็ชะงักเธอสบตาตอบหลูปิงเซ่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามและข้อสงสัยมากมาย ผสมกับความตื่นเต้นและตึงเครียดและความกังวลที่ไม่อาจหยุดได้
”ที่คุณบอกว่าชูฮันยังไม่ตายมันเรื่องจริงเหรอ?” ฉางกวนยวีซินรีบเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้
แววตาของหลูปิงเซ่อเป็นประกายวาบจากนั้นก็พยักหน้า ยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่เสาหินที่อยู่ห่างออกไปพร้อมพูดขึ้น “ดูนั่นสิ ชื่อของเขายังอยู่ที่นั่น”
ตาของฉางกวนยวีซินเบิกกว้างหยดน้ำตาแห่งความดีใจกลิ้งไหลลงมาทันที จากนั้นก็รีบเอ่ยขึ้น “มากับฉันเร็ว!”
หลูปิงเซ่อรีบเดินตามไปทันทีพร้อมกับแอบยกย่องความคิดของซงเสี่ยวในใจไปด้วย
การเข้าไปขอยืมเฮลิคอปเตอร์เพื่อกลับไปค่ายเขี้ยวหมาป่าที่ห้องประชุมมันเป็นแค่การวางเบ็ดเท่านั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงคือเพื่อดึงความสนใจจากฉางกวนยวีซินและเอ่ยขอความช่วยเหลือเป็นการส่วนตัว
ด้วยความสนใจที่ฉางกวนยวีซินมีต่อชูฮันมันจึงความเป็นไปได้ที่เขาจะได้เฮลิคอปเตอร์หรืออาจจะได้ความช่วยเหลือจากค่ายหนานตู้ตามมาด้วยซ้ำ แม้ว่ามันอายจะดูน่าอายที่ต้องใช้กลโกงคนจำนวนมากและไม่ยุติธรรมกับฉางกวนยวีซินที่ใช้ความรู้สึกของเธอเป็นเครื่องมือ แต่ในเมื่อตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอย่างอื่นแล้ว มันจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้ และก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตชูฮันคงจะไม่เลือกที่จะแต่งงานกับฉางกวนยวีซิน
ค่ายหนานตู้มีแต่เสียงใบพัดตีจนหูอื้อเมื่อมีเฮลิคอปเตอร์หลายคำบินเข้าบินออกจากค่ายอื่นๆเพื่อส่งทรัพยากรต่างๆมาช่วยเหลือค่ายหนานตู้ที่กำลังอยู่ในช่วงสงครามและต้องการความช่วยเหลือ
ท่ามกลางเฮลิคอปเตอร์ที่บินเข้าบินออกก็มีสามคนซึ่งก็คือซงเสี่ยว ไก๋หนาน และฟานเจี้ยนที่ยืนหลบมุมรอคอยอยู่อย่างกังวล
”แน่ใจเหรอว่ามันจะได้ผล?”ไก๋หนานยังคงข้องใจ จากเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงวันนี้ ไก๋หนานรู้สึกสับสนมึนงงอย่างหนักจนทำตัวไม่ถูก ไอลีนโนเวล
และทันทีที่ไก๋หนานถามออกมาร่างของฉางกวนยวีซินและหลูปิงเซ่อก็ปรากฏขึ้นในระยะสายตาของทั้งสามคนทันที ทั้งสองร่างรีบรุดหน้ามายังจุดที่ทั้งสามยืนหลบอยู่อย่างรีบร้อน
ไก๋หนานอ้าปากค้างในใจรู้สึกชื่นชมซงเสี่ยวอย่างแรงกล้า ซงเสี่ยวสามารถคาดการณ์ทุกอย่างได้อย่างแม่นยำจนน่ากลัว หรือนี้จะเป็นร่างจำลองของชูฮัน?
ฟานเจี้ยนเหลือบมองเด็กชายอายุสิบสามปีซึ่งอยู่ถัดจากเขายกมือขึ้นแตะปลายคางอย่างใช้ความคิดก่อนจะถามขึ้น “เด็กน้อยทำไมฉลาดขนาดนี้ ไปเรียนมาจากไหน?”
”รูปแบบพฤติกรรมของฉางกวนยวีซินสามารถคาดเดาได้ไม่ยากเลยถ้าเคยเจอฉางกวนยวีซินเวลาที่อยู่กับชูฮันก็จะรู้ได้ว่าความรักที่ฉางกวนยวีซินมีต่อชูฮันมันมากขนาดไหน?” ซงเสี่ยวตอบเสียงเรียบ “ดูจากทิศทางของปัญหาทุกอย่างแล้ว มันก็เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดแล้ว เพราะถึงอย่างไรแล้วฉางกวนยวีซินก็เป็นลูกสาวคนเดียวของฉางกวนหลง แม้ว่าเวลามันจะกระชั้นชิด แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องช่วยพวกเราเต็มที่เพื่อชูฮันและก็ไม่มีใครห้ามเธอได้ เราก็แค่มารออยู่ที่เฮลิคอปเตอร์ พอพวกเขามาถึงเราก็จะไปได้ทันที”
ในเวลาเดียวกันฟานเจี้ยนและไก๋หนานก็กระตุกยิ้มที่มุมปากและไม่มีอะไรจะพูดต่อ
”เร็วเข้า!มาเร็ว!” ฉางกวนยวีซินรีบพาหลูปิงเซ่อมาที่ด้านข้างของเฮลิคอปเตอร์ “ฉันจะอยู่ช่วยจัดการทหารที่จะตามมาเอง”
และในตอนนั้นเองเหนือความคาดหมายของฉางกวนยวีซิน จู่ๆก็ร่างของทั้งสามคนปรากฏขึ้นที่มุมอับ และตามหลูปิงเซ่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปทันที
ฉางกวนยวีซินที่ก็รู้ว่าไก๋หนานและซงเสี่ยวล้วนสนิทสนทกับชูฮันจึงเข้าใจว่าทำไมทั้งสองคนถึงตามมา
แต่กับราชานักล่า?
หากไม่มีใครสนใจจะอธิบายให้ฉางกวนยวีซินฟังทุกคนรีบขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปอย่างเร่งรีบ
”ใครจะเป็นคนขับ?”ทันใดนั้นหลูปิงเซ่อก็นึกถึงปัญหาใหญ่ที่ลืมคิดไปเลยออก อดไม่ได้ที่จะเหงื่อตก แม้ว่าโปรแกรมการฝึกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะมีมากและครบถ้วนทุกอย่างแต่เป็นเพราะเงินทุนที่ขาดแคลนพวกเขาจึงยังไม่เคยจับเฮลิคอปเตอร์มาก่อน
ไก๋หนานที่นึกขึ้นได้ก็เบิกตากว้าง”อย่าบอกฉันนะว่าพวกเราไม่มีใครสักคนที่ขับเป็น!”
ฟานเจี้ยนเองก็เงียบสนิทอย่างพูดอะไรไม่ออกพวกเขาคิดแผนการ คิดทางหนีทีไล่เอาไว้มากมายแต่กลับลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด!
ฉางกวนยวีซินเหลือบมองเห็นเฮลิคอปเตอร์ที่ยังไม่ขยับก็รู้ได้ว่ามันต้องมีบางอย่างผิดปกติและที่โชคร้ายไปกว่านั้น กลุ่มทหารที่กำลังขนย้ายของอยู่แถวๆนั้นก็เริ่มสังเกตเห็นและกำลังวิ่งกรูกันมา เหล่าทหารตะโกนโวยวายและข่มขู่ ”เร็วเข้า!มีคนขโมยเฮลิคอปเตอร์!”
”ขวางเอาไว้!เร็วเข้า จับพวกมัน!”
หลูปิงเซ่อเริ่มเหงื่อแตกอดไม่ได้ที่จะหันไปมองฉางกวนยวีซินที่กำลังยืนหน้าซีดอยู่ด้านนอกเฮลิคอปเตอร์ “ยวีซิน คุณขับเฮลิคอปเตอร์เป็นมั้ย?”
”เอ่อ—“ฉางกวนยวีซินเองก็ทั้งตกใจและทำตัวไม่ถูก ตาเริ่มแดงก่ำ น้ำเสียงสั่นอย่างคุมตัวเองไม่อยู่ “ฉันขับไม่เป็น ซางจิ่วตี้ต่างหากคือคนที่ขับเป็น”
ฉางกวนยวีซินรู้ว่าซางจิ่วตี้ขโมยเฮลิคอปเตอร์จากซางจิงบินหนีมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าเพื่อตามหาชูฮันแต่ตัวเธอไม่มีความสามารถและพลังที่จะทำแบบนั้นได้?
หลูปิงเซ่อหน้าซีดและเหงื่อตกหนักเข้าไปอีกหน้าผากตึงเครียด นี้มันใช่สถานการณ์ที่ฉางกวนยวีซินจะเหม่อถึงความหลังมั้ย?
ในช่วงเวลาเร่งด่วนทุกคนตึงเครียดอย่างหนัก ซงเสี่ยวที่นั่งอยู่ด้านหลังทันใดนั้นก็ปีนขึ้นไปตรงที่นั่งคนขับ และขยับเปิดปุ่มทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่วไม่สมกับขนาดตัวที่ไม่พอดีกับที่นั่งเลยสักนิด!
”หยุด!ฉันสั่งให้พวกแกลงมาเดี๋ยวนี้!” ด้านนอกของเฮลิคอปเตอร์ ทหารสี่คนที่วิ่งมาถึงตะโกนขู่อยู่
ในตอนนี้ใบพัดเฮลิคอปเตอร์เริ่มหมุนแล้วด้วยฝีมือของซงเสี่ยวและเริ่มทะยานขึ้นฟ้ามุ่งหน้าไปไกล
ด้วยความสามารถที่เกินตัวไปมากและความมุ่งมั่นไร้ซึ่งความลังเลใดๆ!