AST
บทที่1785 – การรวมตัวกันในนามกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ
ตูมมมมมมม~~
ครึ้นนนนนน~~~~
เสียงระเบิดดังกึกก้องพร้อมกับคลื่นพลังปราณที่แผ่กระจายไปทั่วสารทิศฝุ่นควันและหมอกเกิดขึ้นทั่วชั้นบรรยากาศพร้อมกับเสียงร้องมันเจ็บปวดคล้ายกับเสียงทรมานของสัตว์
รอยประทับฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏณ ใจกลางพื้นที่ของกลุ่มคนจำนวนมาก มันทำให้กระบวนทัพของพวกเขาแตกระแหงออกจากกันอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ แต่สภาพของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความน่าสมเพช ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยใช้แค่หางตามองก็สามารถประเมินพลังของทุกคนได้ทันทีและรู้ว่าการโจมตีง่ายๆแบบนี้ก็มากพอจะทำให้สิ่งที่เขาต้องการบรรลุผล สร้างความหวาดกลัวนี่คือสิ่งที่เขาต้องการเขารู้ดีว่าศัตรูนั้นอ่อนแอและไร้ประโยชน์ หากต้องเผชิญหน้ากับตัวของเขา เขาจึงต้องสร้างความหวาดกลัวให้ฝังรากลึกเพื่อให้ทุกคนรับรู้ได้ว่าอนาคตอันน่ากลัวนั้นเป็นเช่นไร
แม้กลุ่มที่บาดเจ็บจะมีจำนวนน้อยแต่สีหน้าของทุกคนนั้นบ่งบอกถึงความหวาดกลัวจนหน้าซีดเซียว และจ้องมองเด็กหนุ่มเป็นสายตาเดียวกัน
ชิงสุ่ยชำเลืองมองกลุ่มคนแถวหน้าที่ยืนอยู่ด้วยท่าทางปกติสองคนจากกลุ่มแถวหน้ามีลักษณะคล้ายผู้สูงอายุที่สวมเสื้อคลุมสีดำปักลายดาบคมบนตัวเสื้อคลุม นอกจากนี้ด้านข้างก็ยังปรากฏให้เห็นเป็นชายลักษณะวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนปรากฏขึ้นท่ามกลางอากาศเขามีรูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้าง ความแน่วแน่ของเขาไม่แพ้ชายหนุ่มผู้ใดบนโลกใบนี้ ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและรอยยิ้มแห่งศักดิ์ศรี
สิ่งที่ชิงสุ่ยทำลงไปไม่ใช่ต้องการเพื่อทำร้ายพวกเขาเพราะถ้าหากเขาต้องการจริงๆ คนทั้งโขยงก็คงตายไปในชั่วพริบตา
”เจ้าต้องการให้ข้าร้องขอให้พวกเจ้าลงมาจากฟ้าอย่างนั้นหรือ?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะจ้องมองผู้คนที่ลอยอยู่บนฟ้า
การโจมตีก่อนหน้านี้ไม่กดดันให้คนหมู่มากร่วงลงมาสู่พื้น หลงเหลืออีกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่บนกลางอากาศได้ ชิงสุ่ยไม่ชอบแหงนหน้าพูดคุยกับคนอื่น ฉะนั้นเขาจึงยิ้มอย่างเย็นชาและจ้องมองคนที่ลอยอยู่บนฟ้า
”ทำไมเจ้าถึงกล้าต่อต้านคฤหาสน์ดาบสวรรค์ของพวกเรา”ชายวัยกลางคนยังคงยืนรออยู่กลางอากาศไม่สนใจคำพูดของชิงสุ่ยเพียงแต่ถามกลับมาพร้อมกับก้มหน้ามองดูถูกชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยไม่พูดอะไรอีกแล้วพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขารุนแรงและทรงพลังกว่าครั้งก่อนหลายเท่า
ตูมมมมม!!
พื้นดินไปจนถึงภูเขาสะเทือนเหมือนกำลังจะพังทลายลงตอนนี้ไม่มีใครสามารถยืนหยัดอยู่อากาศได้อีก ชิงสุ่ยจ้องมองออกไปที่หลุมขนาดใหญ่ที่อยู่ต่อหน้าขาว แน่นอนว่าภายในหลุมปรากฏให้เห็นเป็นคนกลุ่มเดิมที่เคยลอยอยู่กลางอากาศ “รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งหากยังวางตัวว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่า มันจะกลายเป็นการแสดงท่าทางตลก!!
ใบหน้าของผู้ที่เคยยืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวลความเชื่อมั่นในพลังของตัวเองสูญสลายกลายเป็นความหวาดกลัว ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตัวตายมากขึ้นเท่านั้น และจากการกระทำของพวกเขายิ่งถูกพิจารณาให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าสังหารได้ในทันที
พวกเขายังคงยืนอยู่ในปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ยิ่งคิดมากความหวาดกลัวก็ยิ่งครอบงำ
”พูดมาซะ ท่ามกลางกลุ่มของพวกเจ้าใครคือผู้นำคฤหาสน์ดาบสวรรค์ ถ้าหากไม่มี พวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ “ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับท่าทางที่ดูเรียบง่าย
”ข้าคือผู้นำคฤหาสน์ดาบสวรรค์คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของข้า คุณชายชิง ไม่ทราบว่าท่านเรียกหาข้าด้วยเหตุอันใด?”ชายวัยกลางคนลดความหยิ่งยโสลงอย่างฉับพลันจากนั้นก็กล่าวพร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อย
ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจในการแสดงออกของคนหมู่มากที่อยู่เบื้องหน้าแต่เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้เขาถึงกับต้องขมวดคิ้ว
”นี้เจ้าไม่รู้จริงๆหรือว่าทำไมข้าถึงต้องการให้เจ้ามาด้วยตัวเอง?”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
”เห้อออคุณชายชิงก็รู้ดีว่าพวกเราคฤหาสน์สวรรค์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องภายนอก พวกเราถูกบังคับให้ต้องทำเช่นนี้มิฉะนั้นข้าเองก็คงถูกสังหารจนหมดสิ้นถ้าหากขัดขืนคำสั่ง”ผู้นำคฤหาสน์ดาบสวรรค์กล่าวพร้อมจะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ชิงสุ่ยกวาดสายตามองผู้นำคฤหาสน์ดาบสวรรค์
”เจ้าเองก็เป็นถึงผู้ฝึกตนระดับสูงสุดของขั้นพลังบัญชาสวรรค์พินาศทำไมเจ้าถึงต้องยอมทำตามคำสั่งผู้อื่น?”ชิงสุ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด
”ข้าเองก็รู้เพียงแค่ว่าพวกมันใช้ชื่อว่ากลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะส่วนเรื่องที่เหลือข้ารู้เพียงแค่ว่าพวกมันต้องการให้พวกเรารวบรวมขุมพลังแห่งมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ เพื่อช่วยพวกมันเข้าต่อกรกับคนของทวีปอื่นในอนาคต” ผู้นำคฤหาสน์ดาบสวรรค์กล่าวตอบ
”ว่าแต่เจ้าทำหน้าที่อะไรในกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
”ข้าเองก็เป็นเพียง1 ใน 100 นิกายที่ถูกต้อนให้เข้าร่วมกับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ และสิ่งที่ข้าทำไปล้วนเป็นคำสั่งการของพวกมัน” ผู้นำคฤหาสน์ดาบสวรรค์กล่าวตอบ
”คุณชายชิงเนื่องด้วยตำแหน่งของข้านั้นเป็นตำแหน่งไม่ใหญ่โต แต่ถ้าเชื่อว่าจะต้องมีใครหลายคนหมายตาท่านอยู่”ชายคนนั้นยังคงกล่าวต่อ
”โอ้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ชิงสุ่ยก็ยังคงไม่ได้รู้สึกกังวลเขาเองก็เคยได้ยินมาก่อนว่าอีกไม่นานจะเกิดสงครามใหญ่ระหว่างมหาทวีปทั้งเก้า และเมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าข่าวลือที่เขาได้ยินจะเริ่มมีมูลสัญญาณความจริงแล้ว
”มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ ชื่อกลุ่ม นิกายหรือชื่อตระกูลของแต่ละคนก็ยังคงเช่นดั่งเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น องค์กรนี้ให้ความอิสระในการติดต่อพบปะผู้คน เพื่อแลกกับค่าตอบแทนแน่นอนว่าทุกอย่างย่อมต้องมีของแลกเปลี่ยน เพื่อให้พวกเราอยู่รอด พวกเราจึงต้องทำตามคำสั่งของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ และเตรียมพร้อมเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน”
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาบอกเป็นเรื่องปกติบนโลกใบนี้ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องมีการแลกเปลี่ยน
”ถ้าเช่นนั้นวันนี้เราจะจัดการเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไร?”ชิงสุ่ยต้องการรีบจบปัญหาให้เร็วที่สุด
”จะว่าอย่างไรบ้างถ้าหากพวกเราจะขอให้คุณชายชิงเข้าร่วมกับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ?”ชายคนนั้นกล่าวถามด้วยความระมัดระวัง
”ลืมมันไปเถอะถ้าพวกเราไม่ต้องการอะไรก็จงกลับไปซะ ถ้าไม่อยากถูกรบกวนและไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด!!”ชิงสุ่ยกล่าว
”คุณชายมั่นใจเถิดอีกไม่นานจะต้องมีใครบางคนมาหาท่าน ส่วนในวันนี้พวกข้าคงต้องขอตัวลา คุณชายจะได้กังวลพวกเราจะไม่กลับมารบกวนท่านอีก”ชายคนนั้นกล่าวด้วยความสุภาพ
ชิงสุ่ยไม่สามารถบอกได้ว่าชายคนนี้มีนิสัยที่แท้จริงเป็นอย่างไรแต่จากรอยประทับฝ่ามือครั้งที่ 2 มันก็รุนแรงมากพอที่จะทำให้ชายผู้นี้ไม่กล้าแสดงความเกลียดชังออกมาอีกทั้งยังแสดงความนอบน้อมถ่อมตนยอมก้มหัวให้กับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า การแสดงออกของชายผู้นั้นจึงกลายเป็นเหตุผลหลักๆที่ทำให้ชิงสุ่ยยอมปล่อยไป
��