บทที่ 1786 - เดินทางกลับบ้านหลังจากห่างหายไปนานหลายป

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1786 – เดินทางกลับบ้านหลังจากห่างหายไปนานหลายปี
  ผู้นำคฤหาสน์ดาบสวรรค์ลาจากไปอย่างรวดเร็วชิงสุ่ยเองก็ถึงเวลาต้องจากไปแล้ว อย่างไรก็ตามคำพูดของผู้นำคฤหาสน์ดาบสวรรค์ได้ทิ้งท้ายว่า อีกไม่นานจะต้องมีใครมาหาชิงสุ่ย และคนผู้นั้นคงจะเป็นคนที่มีพลังระดับสูงของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ
  ”ท่านผู้อาวุโสพี่ชาย พวกเราคงต้องขอตัวลา”ชิงสุ่ยมีความปรารถนาที่จะกลับบ้าน เพราะตอนนี้เขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว
  สำหรับชิงสุ่ยการเดินทางของเขาใช้เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา
  ”เดินทางปลอดภัย!!”
  …………………………….  ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อที่กำลังอุ้มชิงซิ่วโบกมือลาทุกคนและจากไปอย่างรวดเร็ว
  ”ท่านผู้นำอาวุโสถ้าสงสัยเหลือเกินว่าจะเอาชนะภัยอันตรายและอยู่รอดด้วยความปลอดภัยได้หรือไม่”หมอปีศาจกล่าวขณะจ้องมองไปยังทิศทางที่ชิงสุ่ยจากไป
  ”ฮ่าฮ่า ฮ่า เจ้าอย่าได้กังวลเลย เมื่อแผ่นดินเกิดภัยพิบัติ เหล่าชนชั้นสูงก็จะร่วมมือกัน กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะก็มีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ และถ้าเชื่อว่าพวกมันก็ไม่ใช่กลุ่มเดียวที่หมายมั่นจะปกป้องแผ่นดินแห่งนี้เหมือนกับชิงสุ่ย นอกจากนี้เจ้าคงเห็นความสามารถปัจจุบันของชิงสุ่ยแล้วสินะ เขาพูดถึงคนระดับความศักดิ์สิทธิ์อย่างเรียบง่าย ไม่มีแม้แต่ท่าทางตกใจคงเป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าตัวของเขานั้นมีพลังอยู่ในระดับใด” ปู้หยางชิงพูดด้วยท่าทางผ่อนคลายและมีความสุข
  ”นี้ท่านผู้นำอาวุโสกำลังจะบอกว่าชิงสุ่ยเองก็บรรลุระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วอย่างนั้นหรือ?”หมอปีศาจกล่าวด้วยความกระวนกระวาย
  ”ผู้นำคฤหาสน์ดาบสวรรค์ ควรจะมีพลังอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปราณบัญชาสวรรค์พินาศ แต่การกระทำของเขาทันทีที่เผชิญหน้ากับชิงสุ่ยนั้นมีแต่ความนอบน้อมถ่อมตนไม่กล้าต่อต้านแม้แต่คำเดียว นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้มากพอแล้วว่าชิงสุ่ยจะต้องอยู่ในระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วอย่างแน่นอน”
  หมอปีศาจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อธิบายได้”ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าชิงสุ่ยจะสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่อายุเยาว์วัย”
  ……………………………..
  ย่างก้าว9 เทวา………..
  เมื่อชิงสุ่ยหยุดใช้ทักษะย่างก้าวระยะทางห่างจากพวกเขาและบ้านก็อยู่ใกล้กันมากชิงสุ่ยจึงเปลี่ยนวิธีการเดินทางมาใช้สัตว์อสูรมังกรทองแทน  และเมื่ออยู่ในระยะ10 ลี้ ชิงสุ่ยก็เก็บมังกรทอง และเลือกที่จะบินทะยานกลับไปทีบ้านแทน
  เมืองที่เจริญรุ่งเรืองเต็มไปด้วยการจราจรที่คับคั่งยิ่งเข้าใกล้บ้านมากเท่าไหร่ ชิงสุ่ยยิ่งเป็นห่วงคนในบ้านของเขามากขึ้นเท่านั้นแม้จะรู้ดีว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
  ทันทีที่องครักษ์ประจำบ้านมองเห็นการกลับมาของชิงสุ่ยเขาแสดงสีหน้าตกตะลึงและตะโกนยังมีความสุขว่า “คุณชายชิงกลับมาแล้ว!!”
  ”ทุกอย่างที่บ้านยังคงปกติใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้า
  ”ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ!!”
  หลังจากนั้นอีกไม่กี่อึดใจผู้คนในตระกูลก็รีบออกมาต้อนรับชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วเขาจะไปหลายปีแล้วและระยะเวลา 7 ปีสำหรับพวกเขาถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก
  ”ท่านพ่อ!!”   เสียงที่คุ้นเคยของเด็กหญิงคนนึงดังขึ้น
  ”เด็กน้อยอวี้!!”อีเย่เจี้ยนเก้ออุ้มลูกน้อยของเธอออกจากอ้อมกอดชิงสุ่ยและปล่อยให้เขากอดเด็กหญิงที่ตะโกนเรียกเขาว่าพ่อ
  ชิงอวี้ตอนนี้เติบโตขึ้นมากเธอเหมือนห่าวหยุนลิ่วลี่ไม่มีผิดเพี้ยนจากนั้นเด็กน้อยคนนั้นก็หันไปหาอีเย่เจี้ยนเก้อ “ท่านป้า ท่านช่างงดงามจริงๆ”
  ”เจ้าเองก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงแม้ว่าเจ้าจะโตขึ้นแล้วก็ตาม”อีเย่เจี้ยนเก้อลูบหัวชิงอวี้
  ”เจ้าตัวเล็กคนนี้หน้าตาหล่อเหลาจังเลยข้าขออุ้มเขานะ”ชิงอวี้ปล่อยมือจากอ้อมกอดชิงสุ่ยและหันเหความสนใจเข้าหาเด็กน้อย ซึ่งตอนนี้ทุกคนได้ทยอยกันมารวมตัวในลานหน้าบ้าน
  ทันทีที่ชิงสุ่ยมองเห็นชิงอี้เขาก็รีบเดินตรงไปหาแม่ของเขาอย่างรวดเร็ว “พ่อแม่สบายดีหรือไม่?”   ทันทีที่เขาเห็นแม่ของเขาความสุขก็ถูกเติมเต็มในจิตใจ หลายปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ใบหน้าแม่ของเขาเปลี่ยนไปเลย มันยังคงเป็นเหมือนเดิมนั่นก็หมายความว่าเธอเองไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องวิตกกังวล ชิงสุ่ยจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
  ”แม่เองก็สบายดีดีจริงๆเลยที่เจ้ากลับมา แม่ได้ส่งคนให้บอกพ่อของเจ้าให้รีบกลับมาที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”เมื่อชิงอี้แต่พบเจอกับลูกชายของเธอ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
  ”ท่านแม่ไม่ต้องรีบหรอกคราวนี้ลูกจะอยู่บ้านยาวนานเพื่อใช้เวลาร่วมกับท่านแม่”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมีความสุข
  ”ดีแล้วละตอนนี้ลูกของเก่าเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เจ้าในฐานะผู้เป็นพ่อควรไปพูดคุยกับพวกเขาและพวกเธอให้มาก”ชิงอี้กล่าวยังมีความสุขขณะที่เธอชี้ไปยังบรรดาลูกหลานที่อยู่ด้านข้าง
  ชิงซุนชิงหยินและชิงหมิงเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่ก่อน สรีระร่างกายของทั้ง 3 เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากโดยเฉพาะกับชิงซุนและชิงหมิง
  ชิงซุนเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่อบอุ่นและหล่อเหลาร่างกายของเขาเติมเต็มไปด้วยพลังหยางที่แข็งแกร่ง ชิงสุ่ยก็ไม่แปลกใจเลยเพราะชิงซุนนั้นมีพลังธรรมชาติที่แข็งแกร่งแฝงอยู่ในตัวเขา
  จากการมองดูเพียงแค่แว๊บเดียวชิงสุ่ยก็รับรู้ได้ทันทีว่าพลังของลูกชายของเขาตอนนี้ได้บรรลุถึงขีดสูงสุดของพลังระดับปราณนักบุญพิโรธ
  ชิงสุ่ยเองก็ไม่แน่ใจว่าชิงซุนนั้นพัฒนาเร็วเกินไปหรือช้าเกินไปเพราะอะไรที่เร็วเกินไปจะทำให้รากฐานไม่แน่น แน่นอนว่ามันจะส่งผลให้อนาคตเกิดเส้นทางที่แตกต่าง ฉะนั้นการฝึกฝนย่อมต้องใช้เวลาเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
  แต่ที่เขามั่นใจคือความสามารถของชิงซุนนั้นอยู่ในระดับที่เสถียรมากเพราะกลิ่นอายที่แพสร้างเอามาจากพลังธรรมชาติของเขา มันคือพลังที่ทรงพลังแล้วเป็นพลังที่มีความมั่นคง จึงเป็นข้อบ่งบอกความเสถียรของระดับพลังที่เขาครอบครอง
  ชิงสุ่ยพยักหน้าขณะแตะไหล่ชิงซุน”ไม่เลว”
  ”ข้ายังไม่อาจเทียบชั้นและยังด้อยกว่าความสามารถกว่าท่านพ่อยิ่งนัก”ชิงซุนกล่าวดวงตาของเขาเป็นไปด้วยความชื่นชมในตัวของชายผู้เป็นพ่อ
  พ่อคือผู้กล้าหาญในใจลูกๆทุกคน
  ”ความแตกต่างของระดับการฝึกฝนไม่ใช่ข้อพิสูจน์ที่สมบูรณ์ยังมีอีกหลายวิธีที่ใช้สังหารผู้ที่อยู่ระดับเหนือกว่าเรา ฉะนั้นจงรักษาความมุ่งมั่น อย่าได้หลงมอมเมาเร่งฝึกฝนจนมากเกินไป”ชิงสุ่ยกล่าว
  ”ข้าจะจดจำคำสอนของท่านพ่อ”
  ชิงสุ่ยโอบไหล่ของชิงซุนอีกครั้งหลังจากนั้นเขาก็หันไปยิ้มให้กับชิงหยิน ลูกสาวคนนี้เติบโตขึ้นมามีรูปลักษณ์ที่งดงามยิ่งนัก กลิ่นอายของเธอเต็มไปด้วยความสง่างามและอ่อนโยน เธอมีความสงบที่อยู่เหนือกว่า แม้แต่ชิงซุนก็เทียบไม่ได้
  ”ท่านพ่อ!!”
  ชิงหยินโอบแขนชิงสุ่ยใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยความเขินอาย
  ชิงสุ่ยกอดเธอ” เจ้าเองก็โตขึ้นมากจวนจะถึงเวลาหาสามีแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังคงเป็นเด็กขี้อายเหมือนเดิม”
  ”ข้าจะไปหาสามีที่ไหนทั้งสิ้นท่านพ่อกำลังจะวางแผนขับไล่ข้าออกจากบ้านอย่างนั้นหรือ?”ชิงหยินเงยหน้ามองชิงสุ่ย
  ชิงสุ่ยถึงกับชะงักและสายหน้า “ก็ได้ๆ เช่นนั้นพ่อก็เอาตามที่เจ้าต้องการล่ะกัน มันจะต้องมีสักวันที่เจ้าจะได้พบเจอกับคนที่เหมาะสมกับเจ้า ”
  ชิงหยินยิ้มและพยักหน้า
  ปัจจุบันชิงหยินเองก็เป็นถึงยอดยุทธระดับพลังปราณนักบุญพิโรธขั้นที่10 และอีกในไม่ช้าเธอก็จะก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงสุดของพลังขั้นนักบุญพิโรธ อย่างไรก็ตามชิงหยินก็ไม่ใช่คนที่ชอบแข่งขันกับคนอื่นแต่ช่างน่าแปลกที่เธอเองกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนที่ฉลาดและมีความอดทนสูงจึงส่งผลให้เธอสามารถฝึกฝนได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
  ส่วนชิงหมิงทันทีที่ชิงสุ่ยมองดูชิงหมิง มันเหมือนกับเขากำลังมองดูเงาของตัวเองที่กำลังยืนอยู่ ทุกอย่างมองเห็นด้วยความรู้สึก เพราะไม่มีแม้แต่คลื่นพลังใดๆเปล่งออกมาจากตัวเขา แต่จากความรู้สึกของชิงสุ่ยเห็นได้ชัดว่าพลังเจ้าพิภพที่อยู่ในตัวของเด็กหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ซึ่งชิงสุ่ยเองก็ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลไปในทางที่ดีหรือไม่
  อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ไม่สามารถตรวจจับภัยอันตรายที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเด็กหนุ่มผู้นี้ได้เขายังคงรู้สึกว่ากำลังพลังเจ้าพิภพกำลังครอบงำรอบกายของเขาอยู่เล็กน้อย