คุณนายราศรีได้พยักหน้า และตอบกลับ“ใช่แล้ว”
“เป็นไปไม่ได้!”มายมิ้นท์ลุกขึ้นยืนทันที ส่ายหัวอย่างรุนแรง และพูดด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดว่า:“เป็นไปได้ยังไงที่ฉั นจะไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของคุณพ่อคุณแม่ของฉัน”
“อะไรนะ?ที่รัก ไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของคุณลุงไตรภูมิและคุณป้าเมธินี?” ลาเต้ที่พึ่งจะโทรหาคุณพ่อของลาเต้กลับมา ก็ได้ยินคำพูดที่ทำให้ตกใจของมายมิ้นท์นี้ คนทั้งคนตกตะลึงไปหมด
เขารีบเดินมาอยู่ตรงหน้าของคุณนายราศรี“คุณแม่ครับ คุณแม่รู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย เป็นไปได้ยังไงที่ที่รักจะไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของคุณป้าเมธินีและคุณลุงไตรภูมิล่ะ”
“แม่ไม่ได้พูดผิด แม่รู้ว่าตัวแม่เองกำลังพูดอะไรอยู่ แต่นี่เป็นความจริง”คุณนายราศรีถอนหายใจ
ร่างกายของมายมิ้นท์สั่นอย่างรุนแรง ใบหน้าของเธอก็ซีดลงมาก และรูม่านตาของเธอก็ขยายออก“ไม่ เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้!”
“นั่นสิครับคุณแม่ มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ!”ลาเต้ก็ไม่กล้าเชื่อเช่นกัน เขามองดูที่คุณนายราศรี“คราวก่อน ผมพูดออกมาว่าตอนที่ผมยังเด็กได้เห็นทารกครั้งแรกที่ตระกูลกิตติภัคโสภณไม่ใช่ที่รัก ในตอนนั้นที่รักก็สงสัยเรื่องต้นกำเนิดของตัวเองแล้ว ดังนั้นก็ได้ไปที่เมืองน้ำรุ้งโดยเฉพาะ เพื่อไปขอพิสูจน์ว่าตัวเองใช่ลูกของตระกูลกิตติภัคโสภณหรือไม่ ต่อจากนั้นผมก็ได้ถามคุณแม่แล้ว คุณแม่พูดว่าตอนที่ผมเจอทารกครั้งแรกนั้น เป็นลูกของญาติตระกูลกิตติภัคโสภณ ที่รักก็คือลูกของคุณลุงไตรภูมิพวกเขา แล้วทำไมตอนนี้ถึงบอกว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะครับ!”
มายมิ้นท์มองดูคุณนายราศรีด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยการเฝ้ารอความคาดหวัง “คุณป้าคะ คุณป้าโกหกฉันอยู่ใช่ไหมคะ ?ฉันก็เป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ของฉัน!”
“ขอโทษนะมิ้นท์ คุณป้าได้โกหกคุณจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะครั้งนี้ เป็นคราวก่อนต่างหาก คราวก่อนฉันได้พูดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของญาติตระกูลกิตติภัคโสภณจริงๆ เพียงเพราะไม่อยากให้คุณเสียใจ แต่อันที่จริงแล้ว เด็กคนนั้นเป็นลูกที่แท้จริงของคุณพ่อคุณแม่ของคุณ แต่ด้วยว่าเด็กคนนั้นมีชีวิตไม่ถึงห้าเดือน ดังนนั้นคุณพ่อของคุณจึงไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยเฉพาะ และได้อุ้มคุณกลับมา ก็เพื่อมาแทนที่ของเด็กคนนั้น ไม่ให้แม่ของคุณเสียสติเพราะการตายจากของลูกคนนั้น”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้ไฟแห่งความหวังในใจของมายมิ้นท์ ดับในทันที
ตัวเธอโยกเยก ท้ายที่สุดก็ลุกขึ้นยืนไม่ไหวแล้ว จึงทรุดตัวนั่งลงบนโซฟานั้น ร่างกายของเธอหมดเรี่ยวแรง ราวกับสูญเสียวิญญาณไป
เป็นเช่นนี้นี่เอง……
ถึงว่าทำไมคุณตาถึงได้เก็บรูปเด็กที่เป็นลูกของญาติไว้ และยังเก็บไว้อย่างดีที่ห้องทำงานของตัวเอง เพราะนั่นไม่ใช่ลูกของญาติอะไรแต่อย่างใด แต่เป็นหลานสาวที่แท้จริงของคุณตาต่างหาก
คุณตาได้โกหกเธอ เธอไม่ใช่หลานสาวของคุณตาเลย แต่เป็นเพียงแค่ตัวปลอม เป็นเด็กที่ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นตัวปลอมที่ไม่รู้แม้แต่คุณพ่อคุณแม่เป็นใคร
เธอที่เรียกคุณพ่อคุณแม่มาตั้งแต่เด็กนั้นไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่ของเธอ คุณตาก็ไม่ใช่ของเธอ แม้แต่ชื่อมายมิ้นท์นี้ ก็ไม่ใช่ของเธอเลย
เธอเป็นเพียงคนหนึ่ง เป็นเด็กไม่มีใครเอาที่มาแทนทุกสิ่งทุกอย่างของมายมิ้นท์ตัวจริง!
พอนึกถึงตรงนี้ มุมปากของมายมิ้นท์ก็กระตุก ได้ดึงความสิ้นหวังและความเจ็บปวดออกมา
พอเห็นมายมิ้นท์ที่เป็นแบบนี้ ภายในใจของลาเต้เสียใจเป็นอย่างมาก
เขามองดูคุณนายราศรีด้วยความโกรธ “คุณแม่ครับ ทำไมคุณแม่ต้องบอกเรื่องพวกนี้กับที่รักด้วย คราวก่อนคุณแม่ก็ได้พูดแล้วไม่ใช่หรือว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของญาติตระกูลกิตติภัคโสภณ ในตอนนั้นคุณแม่ตั้งใจที่จะปกปิดตัวตนของที่รักอยู่แล้ว ถ้าคิดจะปกปิด ก็ต้องปกปิดไปตลอดชีวิตเลยสิ แล้วทำไมถึงจะมาเปิดเผยเอาตอนนี้ล่ะครับ?”
คุณนายราศรีก็รู้ว่าตัวเองพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา จะทำให้มายมิ้นท์เสียใจมาก แต่เธอไม่พูดไม่ได้เลย
เธอได้สูบหายใจเข้าลึกๆ “นั่นเป็นเพราะว่าหลังจากที่แม่โกหกแล้ว ไม่สบายใจมาโดยตลอด แม่ไม่รู้ว่าในตอนนั้นที่ได้โกหกไปมันดีหรือเปล่า หลังจากที่กลับมาแล้ว แม่ได้ไปเปิดดูรูปตอนยังมีชีวิตอยู่ของลีน่า และได้นึกถึงเรื่องที่ลีน่าเคยกำชับไว้ ดังนั้นแม่จึงได้ตัดสินใจที่จะบอกให้กับมิ้นท์ เพราะถึงจะไม่บอกตอนนี้ มิ้นท์ก็จะรู้ในภายหลังเช่นกัน”
“ใครพูดล่ะ หากคุณแม่ไม่บอกให้เธอ เธอก็จะรู้ได้ยังไงล่ะครับ”ลาเต้กำหมัดอย่างแน่น
คุณนายราศรีมองดูเขา“ลูกคิดเช่นนั้นจริงๆหรือ?ก่อนหน้านั้นแม่ไม่แม้แต่จะบอกต้นกำเนิดของมิ้นท์เลยแม้แต่น้อย แต่มิ้นท์ก็รู้เรื่องของเด็กคนนั้นแล้ว และได้เริ่มสงสัยตัวตนของตัวเอง ลูกคิดว่าเรื่องแบบนี้ สามารถปกปิดได้ตลอดชีวิตจริงๆหรือ?”
“คือ……”ลาเต้พูดไม่ออก
คุณนายราศรีได้พูดขึ้นมาอีกว่า:“ถึงแม้ว่าในวันนี้แม่ไม่พูดตัวตนที่แท้จริงของมิ้นท์ให้กับเธอ ในภายหลังเธอก็ต้องรู้อย่างแน่นอน”
พอพูดถึงตรงนี้ เธอได้มองไปทางมายมิ้นท์“มิ้นท์ คุณพ่อคุณแม่ของคุณได้มองการณ์ไกล พวกเขารู้ว่าถึงแม้จะก่อตั้งเทนเดอร์กรุ๊ปขึ้นมา ก็ไม่มีการรับประกันว่าเทนเดอร์กรุ๊ปจะสามารถดำรงอยู่ได้ตลอด และพวกเขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าวันหนึ่งพวกเขาจะเสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุไหม ดังนั้นพวกเขาจึงฝากเงินทุนจำนวนมหาศาล ไว้ให้คุณเมื่อคุณยังเด็กมาก”
“เงินทุน?”มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้น
คุณนายราศรีพยักหน้า“ใช่แล้ว พวกเขาคิดอยู่ว่า ถ้าหากวันหนึ่งเทนเดอร์กรุ๊ปไม่เหลือแล้ว หรือว่าวันหนึ่งพวกเขาเกิดอุบัติเหตุ และได้ทิ้งคุณไว้เพียงคนเดียว คุณก็ไม่ต้องลำบากในการใช้ชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงได้เก็บเงินทุนไว้ให้ก้อนหนึ่ง ได้ฝากไว้ที่ธนาคาร รอถึงวันที่คุณมีอายุสามสิบปีแล้ว ธนาคารก็จะบอกเรื่องนี้อย่างเป็นทางการกับคุณเอง หลังจากนั้นคุณก็ต้องไปธนาคารเพื่อทำตามขั้นตอนการรับเงินพร้อมข้อมูลโดยละเอียดของคุณพ่อคุณแม่ของคุณ พอถึงตอนนั้น คุณจะพบว่ากรุ๊ปเลือดของคุณพ่อคุณแม่ของคุณต่างจากคุณ ฉันจึงได้บอกยังไงล่ะ ว่าถึงแม้ว่าฉันจะไม่บอกคุณในวันนี้ คุณก็ต้องรู้ตัวตนของคุณอยู่ดี”
“มีเรื่องแบบนี้อีกด้วย”ลาเต้พูดด้วยความตกตะลึง
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากของตัวเอง ไม่ได้พูดอะไร
คุณนายราศรีตบไหล่ของเธอ“มิ้นท์ คุณก็อย่าโทษคุณป้าที่บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ คุณป้าก็ทำเพื่อคุณ เพราะว่าตัวตนของคุณ ไม่มีทางที่จะปกปิดไปตลอดชีวิตเลย ในตอนนั้นที่คุณพ่อคุณแม่ของคุณเก็บเงินทุนก้อนนี้ไว้ให้กับคุณ ก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว ว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณนั้นพวกเขาไม่คิดที่จะปกปิดคุณอยู่แล้ว เพราะว่าคุณมีสิทธิ์ที่รู้ตัวตนของตัวเอง ดังนั้นคุณแม่ของคุณจึงได้ให้กล่องนี้กับฉันมา ให้ฉันส่งให้กับเธอเมื่อเธอรู้ตัวตนของตัวเองแล้ว แต่ฉันคิดว่า เอาให้คุณเร็วหน่อยจะดีกว่า พร้อมบอกกับคุณ เรื่องตัวตนของคุณจะดีที่สุด”
“ทำไมครับ?”ลาเต้ไม่เข้าใจเล็กน้อย
คุณนายราศรีมองเขาราวกับกำลังมองคนโง่“เพราะถ้าบอกให้มิ้นท์เร็วหน่อย ความที่มิ้นท์สามารถยอมรับได้ก็จะเยอะหน่อย เพราะเธอสามารถรู้ว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในตระกูลกิตติภัคโสภณได้ยังไง และหากให้มิ้นท์พบว่าตัวเองนั้นไม่ใช่ลูกของตระกูลกิตติภัคโสภณ เธอก็จะคิดได้เยอะมากกว่านี้”
ในครั้งนี้ ลาเต้ไม่มีคำพูดใดๆจะพูดแล้ว
เพราะว่าสิ่งที่คุณนายราศรีพูดเป็นความจริงหมด บอกให้มายมิ้นท์ตอนนี้ มายมิ้นท์รับรู้ ว่าตัวเองเป็นความปรารถนาหลายเท่าของคุณป้าเมธินีและคุณลุงไตรภูมิที่มาถึงตระกูลกิตติภัคโสภณ ดีกว่าภายหลังที่ตัวมายมิ้นท์มารู้ตัวตนด้วยตัวเองอีก
หากมายมิ้นท์รู้ว่าด้วยตัวเองว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของตระกูลกิตติภัคโสภณล่ะก็ เธอคงจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เรื่องง่ายๆก็อาจจะคิดให้มันยุ่งยากมากขึ้น บางทีอาจจะด้วยเหตุนี้ทำเรื่องบ้าๆอะไรออกมาก็ได้
“มิ้นท์”คุณนายราศรีเอนตัวลง และได้โอบกอดมายมิ้นท์เบาๆ“คุณป้ารู้ว่าในใจคุณตอนนี้เสียใจมาก และยอมรับมันไม่ได้ แต่คุณป้าหวังว่าคุณจะไม่คิดมากขนาดนั้น ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพวกเขา แต่ในใจของพวกเขาแล้ว คุณก็คือลูกที่แท้จริงของพวกเขานะ พวกเขานั้นรักคุณ เข้าใจไหมคะ?”
“ฉันรู้ค่ะ……”น้ำตาของมายมิ้นท์ได้ไหลลงมา ตกลงบนหลังมือของเธอ น้ำเสียงก็สะอึกสะอื้นทันที“ฉันรู้ค่ะว่าพวกเขารักฉันมาก และมองฉันเป็นลูกที่แท้จริงมาโดยตลอด มิเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ทำอะไรเพื่อฉันมากขนาดนี้ ฉันก็แค่ ……ก็แค่ไม่สามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงตัวตนของฉันได้อย่างไม่สะทกสะท้านเลยจริงๆ ……”
คุณนายราศรีบอกกับเธอเรื่องพวกนี้ ทำให้เธอพังทลายแล้วจริงๆ
ตั้งแต่เล็กจนโต เธอเติบโตมาภายใต้การดูแลของพ่อแม่เสมอมา แม้ว่าคุณแม่ของเธอ จะเสียชีวิตตั้งแต่อายุได้ห้าขวบ แต่พ่อของเธอก็ยังปฏิบัติต่อเธอเช่นเคยไม่เปลี่ยน
เธอในแบบนี้ ไม่สามารถมาสงสัยได้เลยว่าตัวเองไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพวกเขาเลย
แต่กลับกัน เธอกลับไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพวกเขาจริงๆ……
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมฟ้าต้องเล่นตลกกับเธอขนาดนี้ด้วย