SD:บทที่ 45 : เสียงกระซิบของสายลม และเสียงร่ำไห้ของนกกระสา

ซู ฉิวไป่ ออกจากโรงพยาบาล แล้วขับรถแท็กซี่ของตนผ่านพายุฝนห่าใหญ่ เมื่อเขามาถึงถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ชายหนุ่มจึงเปิดช่องทางการข้ามเวลาทันที

กู่ จ้านชุน ได้แจ้งให้เขาทราบเรื่องอิทธิพลของตระกูลเซี่ยวแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเซี่ยวได้กว้านซื้อและครอบครองธุรกิจทั้งหมดบนเส้นทางถนนตงโขว่ จนสุดท้าย มันได้กลายเป็นถนนที่อลหม่านและอันตรายที่สุดในเมืองตงไห่ มีผู้คนมากมายหลายหลายประเภทที่อาศัยและวนเวียนอยู่บนถนนสายนี้ ส่วนมากเป็นพวกที่จะเป็นการดีกว่าหากเราไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว คนพวกนั้นน่ะอยากทำอะไรก็ทำได้ ราวกับบ้านเมืองไร้ขื่อไร้แป เพราะถือว่าตนเป็นเจ้าของถิ่นนั้น!

ทั้งหมดล้วนเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าตระกูลเซี่ยวมีอำนาจเหนือพื้นที่นั้นเป็นระยะเวลานับหลายสิบปี ไม่ว่าใครต่างก็คงจินตนาการได้โดยง่ายถึงพลังอำนาจของตระกูลนี้ และในตอนนี้ พวกนั้นกำลังกบดานอยู่ที่สถานที่เรียกว่า สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ!

เมื่อพูดถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว กู่ จ้านชุน ได้ย้ำนักย้ำหนาว่าหาก ซู ฉิวไป่ ประสงค์จะบุกเข้าไปใน สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ แล้ว เขาสามารถขอความช่วยเหลือจากตระกูลกู่ได้เสมอ พวกเขาเตรียมพร้อมอยู่ทุกเมื่อ

แม้อีกฝ่ายจะคอยย้ำเตือนเขา ซู ฉิวไป่ ไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก

สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ? ไพ่ใบสุดท้ายของตระกูลเซี่ยว? หึหึ คิดว่าเหล่าผู้กล้าทั้งหนึ่งร้อยแปดแห่งภูเขาเหลียงซานจะกลัวกับอีแค่ สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ ของพวกแกเหรอ ถนนตงโขว่เอ้ย เตรียมตัวถูกบดขยี้ได้เลย*! ไม่ว่าจะมาไม้ไหน ฉันทำลายพวกแกได้หมดแน่!*

และด้วยความคิดเช่นนั้นเอง ซู ฉิวไป่ ก็หายไปในท้องถนนนั้นในชั่วพริบตา

ณ อีกด้านหนึ่ง ที่ถนนตงโขว่ ข่าวลือแพร่สะบัดยิ่งกว่าไฟป่าว่านายน้อยแห่งตระกูลเซี่ยวได้กระโดดตึกฆ่าตัวตาย เป็นระยะเวลานานเหลือเกิน ทุกคนต่างเข้าใจเป็นอย่างดีว่าตระกูลเซี่ยวมีอำนาจเหนือคนธรรมดาที่อยู่บนถนนเส้นนี้มากมายแค่ไหน

ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลย หากจะพูดว่าตระกูลเซี่ยวนั้น คือพระเจ้าของถนนตงโขว่!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของ สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ สถานที่ซึ่งเป็นที่ซ่อนของพลังอำนาจที่แท้จริงของตระกูลเซี่ยว!

ทว่ากลับมีข่าวลือที่ตามมาพร้อมกับข่าวซุบซิบที่กล่าวถึงการพยายามฆ่าตัวตายของ เซี่ยว หยุน ที่ว่าความจริงแล้ว เด็กหนุ่มถูกบังคับให้โดดจากตึก และคนที่ทำเช่นนั้นได้ เป็นแค่คนขับรถแท็กซี่เท่านั้น

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน คนขับรถคนนั้นคงคิดสั้นเป็นแน่! ตระกูลเซี่ยวได้ครองเมืองตงไห่มานานเสียจนลืมไปแล้วว่าการถูกหาเรื่องนั้นเป็นเช่นไร

ดังนั้น เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้ว เซี่ยว ซิวเหวิน ไม่มีความสนใจผลลัพธ์ของการกระทำของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งเมื่อฝ่ายศัตรูนั้นหาเรื่องกับคนที่เป็นถึงลูกชายหัวหน้าใหญ่แห่งตระกูลเซี่ยวแล้ว

ไม่ต่างจากที่หลายคนคาดการณ์ ในเย็นเดียวกันที่ข่าวลือแพร่ไปทั่วว่าตระกูลเซี่ยวได้ลักพาตัวน้องสาวและลูกน้องคนสนิทของชายคนขับรถ ต่างก็คาดเดาเดาว่าการล้างแค้นจะได้รับการจัดการในคืนนั้นเอง

ในบาร์ที่ไม่ห่างจากถนนตงโขว่เท่าไหร่นัก ผู้คนมารวมตัวกันดื่มสุราพร้อมกับดูฝนที่โหมกระหน่ำภายนอก

“โถ่ ไม่เกินพรุ่งนี้ คงมีข่าวถึงศพอีกศพมาลอยเกยข้างแม่น้ำแน่ ๆ”

“เออสิวะ ดันไปแหย่เสือตัวใหญ่อย่างตระกูลเซี่ยวซะได้ จะเป็นอะไรได้นอกจากการจบแบบศพไม่สวย อีกอย่าง เซี่ยว ซิวเหวิน ดันเอาตัวประกันไปซ่อนที่ สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ อะไรของมันนี่แหละ ขืนยังเสนอหน้ามา ก็ฆ่าตัวตายชัด ๆ ละ”

“ผมว่ายังไงก็ต้องมา จะยังไงก็เถอะ แต่ก็เป็นถึงน้องชายน้องสาวเลยนะ”

“จริง ๆ ก็ไม่เสมอไป แต่ก็หวังว่าหมอนั้นจะพอมีหัวคิดได้อ่ะนะ หากยังโผล่หัวมาอีก ก็จองโลงไว้ได้เลย”

ทั่วทั้งถนนตงโขว่ บนสนทนาคล้าย ๆ กันก็กำลังดำเนินไปพร้อมกัน บ้างก็ถึงกับมีการพนันกันด้วยซ้ำว่า ซู ฉิวไป่ จะมาหรือไม่!

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เซี่ยว ซิวเหวิน ที่อยู่ในอาคารที่สูงที่สุดบนถนนตงโขว่ กำลังจ้องมองสายฝนที่ตกหนักอย่างเหม่อลอย ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย

“น้องชายคนที่หก คิดว่าไอ้เวรนั่นจะโผล่มามั้ย”

หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก เขาเอ่ยถามชายอีกคนหนึ่งโดยที่ไม่หันกลับไปมองหน้าคนถูกถามเลย

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้ามันมาล่ะก็ ตระกูลกู่ก็ย่อมมาด้วยเป็นแน่!”

คนที่ตอบนั้นเป็นชายหนุ่มท่าทางแข็งแรงกำยำ เขานั่งบนโซฟาข้างหลัง เซี่ยว ซิวเหวิน ในมือเขายังเล่นกับมีดที่ถืออยู่ไม่หยุด

“แล้วไง ฉันเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน คนจากตระกูลกู่จะรอดเมื่อมาเยือนถิ่นของเราได้ยังไง!”

เมื่อเอ่ยเช่นนั้น ใบหน้าของเขากลับมีแววตึงเครียดขึ้นมา

นั่นเป็นความจริงอย่างถ่องแท้ทีเดียว เหตุผลที่ตระกูลเซี่ยทำการจัดตั้งฐานทัพที่ทำการกบดานของกลุ่มตน แต่แรกก็ทำขึ้นเพื่อต่อสู้กับตระกูลกู่อยู่แล้ว เนื่องมาจากอาการป่วยของ กู่ เฉิงหยา หลานสาวที่รักยิ่งของท่านปู่กู่ ทางนั้นจึงได้ออกคำสั่งอย่างชัดเจน ใครที่มันกล้าแตะต้อง ซู ฉิวไป่ คือศัตรูของครอบครัวกู่!

หากเป็นตามปกติ เซี่ยว ซิวเหวิน คงหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับตระกูลกู่ จะอย่างไรก็ตามที แต่พวกนั้นก็เป็นครอบครัวที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองตงไห่

แต่ทว่าในครานี้ เขากลับยอมให้ไม่ได้จริง ๆ ในเมื่อคนที่เจ็บตัวคือลูกชายของเขาแล้ว หาก เซี่ยว ซิวเหวิน คนนี้ไม่อาจปกป้องแม้แต่ลูกชายตัวเอง เขาจะปกป้องคนอื่นในตระกูลเซี่ยวนี้ได้อย่างไรเล่า!

เพราะฉะนั้นเอง เขาถึงพาตัว ซู เซี่ยวเซี่ยว และ เฉา ตั้วเฟย มาถึงแหล่งกบดานของพวกตน หากมองเพียงผิวเผิน มันอาจจะดูเหมือนว่าเขากำลังต่อกรกับ ซู ฉิวไป่ อยู่ แต่ความเป็นจริง ชายคนขับรถไม่อยู่ในสายตาของเขาด้วยซ้ำ

เขาเชื่อมั่นว่าตระกูลกู่ต้องคอยหนุนหลัง ซู ฉิวไป่ อยู่เป็นแน่ มันถึงได้ทำตัวหาญกล้าไม่เจียมตัวเช่นนี้ ดังนั้น ศัตรูที่แท้จริงของเขาก็มีเพียงแต่ตระกูลกู่เท่านั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่หัวหน้าใหญ่ของตระกูลเซี่ยวไม่รู้ คือแม้แต่ครอบครัวกู่เอง ก็ยังไม่ทราบเลยว่า ซู ฉิวไป่ กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ เซี่ยว ซิวเหวิน ประเมินชายหนุ่มต่ำเกินไปตั้งแต่แรก และความผิดพลาดนั้นจะต้องกลับมาแว้งกัดเขาในภายหลังเป็นแน่ ซู ฉิวไป่ จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่พวกตระกูลเซี่ยวจะได้เผชิญ

ข้างนอกอาคารนั้น คนจำนวนมากจากตระกูลกู่ได้รวมตัวกันในบ้านหลังหนึ่งที่ไม่ไกลจากถนนตงโขว่แม้แต่พ่อของ กู่ เฉิงหยา หรือ กู่ เชียนชาน ก็มาเช่นกัน

“จ้านชุน แน่ใจนะว่าน้องชายของ ซู ฉิวไป่ แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว”

กู่ จ้านชุน กำลังเปิดเผยรายละเอียดของการพบครั้งแรกของเขากับ อู่ ซง หลายคนที่ฟังเขาต่างก็ตื่นตาตื่นใจกันทั้งสิ้น

“บางทีผมอาจจะกำลังประเมินเขาต่ำไปด้วยซ้ำ แม้ว่าผมจะไม่ได้เผชิญหน้ากับเขาด้วยตัวเอง แต่ผมแน่ใจว่าพละกำลังของเขานั้นมากกว่า เถา โต๋ เสียอีก”

สีหน้าของ กู่ จ้านชุน นั้นจริงจังอย่างปฏิเสธไม่ได้ สำหรับชายที่เขาเพิ่งกล่าวถึงไปนั้น เถา โต๋ เป็นทหารรับจ้างอิสระที่โด่งดังระดับนานาชาติ ผู้ชายคนนั้นถูกจัดอันดับให้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดหนึ่งในสิบอันดับแรกของโลกได้โดยง่ายเลย

กู่ เชียนชาน ที่เคยผ่อนคลาย กลับมีท่าทางตึงเครียดขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินลูกน้องของตนกล่าวเช่นนั้น เขาแน่ใจมากเกี่ยวกับความสามารถของ เถา โต๋ หากน้องชายของ ซู ฉิวไป่ แข็งแกร่งไม่ต่างไปจาก เถา โต๋ แล้ว ชายคนนั้นคงสามารถคุ้มครอง ซู ฉิวไป่ และพาเขาออกมาจาก สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ ได้โดยง่าย

“จากนี้ เราแค่ลงมือตามแผนตอนมีโอกาสเหมาะสม หาก ซู ฉิวไป่ พาน้องชายไปด้วย เราแค่ต้องช่วยตอนที่พวกนั้นอับหนทางจริง ๆ เป็นพอ”

ในที่สุด กู่ เชียนชาน จึงตัดสินใจได้หลังจากที่เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

“แต่ตระกูลเซี่ยวเองก็มีลูกไม้ซ่อนไว้เหมือนกัน มันจะไม่อันตรายไปสำหรับ ซู ฉิวไป่ หรอกเหรอครับท่าน” กู่ จ้านชุน ยังลังเลหลังจากที่รับทราบแผนแล้ว จะอย่างไรก็ตาม เป้าหมายของพวกเขาก็คือการรับประกันความปลอดภัยของ ซู ฉิวไป่ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาล่ะก็ ทั้งหมดที่พวกเขาคงเปล่าประโยชน์

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กู่ เชียนชาน กลับไม่ตอบคำถามของเขา อันที่จริง ในหัวเขากำลังครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่ หากชายคนนี้แข็งแกร่งพอ ๆ กับ เถา โต๋ ล่ะก็ เราต้องหาโอกาสที่จะเชิญหมอนั่นมาเข้าร่วมตระกูลกู่ให้ได้

แน่นอน นั่นเป็นเพียงผลผลิตเล็ก ๆ จากหัวสมองเจ้าเล่ห์ของ กู่ เชียนชาน

หาก ซู ฉิวไป่ รู้เข้าล่ะก็ เขาคงโกรธควันออกหูเป็นแน่

พวกแกคิดใช้ประโยชน์จากน้องชายของฉันเหรอ*! ไร้สาระจริง ๆ ตระกูลกู่ทรงพลังขนาดนี้ แต่กลับเทียบไม่ได้กับเหล่าวีรบุรุษของภูเขาเหลียงซานเลย*

สำหรับ ซู ฉิวไป่ เอง เขายังไม่ทราบเลยว่าผู้คนทั่วทั้งถนนตงโขว่ตื่นตระหนกแค่ไหน เพียงแค่เสียงกระซิบของสายลม และเสียงร่ำไห้ของนกกระสา ก็คงทำให้คนพวกนี้วิ่งหนีอย่างอกสั่นขวัญหายได้

ในห้องประชุม ณ ภูเขาเหลียงซาน ชายหนุ่มจ้องมองไปยังกลุ่มบุรุษผู้กล้าตรงหน้าเขา

รถแท็กซี่ของเขาสามารถบรรจุคนได้สูงสุดอย่างมากก็ห้าคน แต่เหล่าผู้กล้าล้วนต่างตัวใหญ่ล่ำสันผิดมนุษย์มนาทั่วไป ดังนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย กับการที่สี่คนจะยัดเข้าไปในรถแท็กซี่ขนาดไม่ใหญ่นักของชายหนุ่ม และเขายังต้องเป็นคนขับอีก ดังนั้น ซู ฉิวไป่ จึงพาไปได้ทีละสามคน

เมื่อเหล่าผู้กล้าพบว่าพวกเขากำลังต้องลงจากภูเขาเพื่อไปต่อสู้ เนื่องจากความจริงที่ว่าน้องสาวของ ซู ฉิวไป่ ถูกลักพาตัว พวกวีรบุรุษถึงกับโกรธจัดทันทีทันใด!

น้องสาวของไอ้น้องซู ก็เหมือนกับเป็นน้องสาวพวกข้า เหล่าคนสามานย์พวกนี้โง่เขลายิ่งนัก คิดลักพาตัวนางไป ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตายเลย*!*

ฉะนั้นแล้ว เหล่าชายฉกรรจ์จึงทะเลาะแก่งแย่งกัน ว่าใครบ้างจะได้ครอบครองสามที่นั่งนั้น

ในเมื่อ อู่ ซง และ หลิน ชง ผู้มีฉายาว่า เศียรเสือดำ แน่ใจว่าจะเข้าร่วมการต่อสู้นี้แน่ จึงเหลือเพียงหนึ่งที่นั่งที่ว่างเท่านั้น หลู่ จื้อเชิน ผู้มีสมญานามว่า นักบวชดอกไม้ และ หลี่ เขวย ผู้ถูกเรียกว่า ลมกรดดำ จึงแทบจะต่อสู้กันแย่งที่นั่งสุดท้าย หลี่ เขวย เตรียมง้างขวานตนเสียด้วยซ้ำ

ซ่ง เจียง ชายผู้ถูกขนานนามว่า ผู้ปกป้องซึ่งความยุติธรรม เพียงแต่รำคาญเมื่อต้องเห็นเพื่อนพ้องตนอยู่ในสถานภาพที่เละเทะเยี่ยงนี้ แม้ตัวเขาเองอยากจะตาม ซู ฉิวไป่ ไปด้วย แต่เขากลับไม่ยอมเอ่ยความต้องการนั้นออกมา

เรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้ทำให้ ซู ฉิวไป่ ปวดหัว เขาเป็นคนขอร้องเหล่าผู้กล้าพวกนี้เองแท้ ๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้ว่าตนควรทำเช่นไรดี จนจู่ ๆ อู่ ซง กลับพึมพำขึ้น

“หากไอ้ยานพาหนะประหลาดใหญ่โตกว่านี้ ก็คงจะดีไม่น้อย”

คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ ซู ฉิวไป่ ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้ ระบบการนำทางมันผูกมัดอยู่กับจิตของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่จะเปลี่ยนไปใช้รถคันที่ใหญ่กว่า!

หลังจากที่เขากล่าวความประสงค์ของตน คนขับรถจึงเปลี่ยนเป้าหมาย และมุ่งหน้าตรงไปหา หนิว ไป่หวัน เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของเขา

หนิว ไป่หวัน รู้จักมันคุ้นกับคนขับรถบรรทุกจำนวนมาก อันเนื่องมาจากการทำธุรกิจของตน ดังนั้น ซู ฉิวไป่ จึงเอ่ยขอยืมรถบรรทุกผ่านเพื่อนสนิทได้โดยง่าย เขาขับมันผ่านช่องทางข้ามเวลา กลับไปยังภูเขาเหลียงซาน

เมื่อเห็นว่ารถดังกล่าวได้เปลี่ยนเป็นรถบรรทุกขนาดมหึมา กลุ่มชายฉกรรจ์ต่างโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องแก่งแย่งที่นั่งกันอีก ชายคนขับรถจึงคัดเลือกมาเสียยี่สิบคน และให้พวกเขานั่งท้ายรถเสีย ซู ฉิวไป่ จึงได้ฤกษ์ขับรถออกลงจากภูเขานั้นเสียที

ณ ขณะเดียวกันนั้น สภาพอากาศของเมืองตงไห่ ฝนกลับโหมกระหน่ำหนักขึ้นทุกที ห้างและบรรดาร้านรวงพากันปิดอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ต้องนัดหมายตั้งแต่รุ่งสาง ทว่าพวกเขากลับไม่ล็อคประตู แต่กลับกัน พวกเขากลับเฝ้ารอและหันไปมองยังตำแหน่งของอาคารอันตรายนั้น

ทุกคนต่างมองหาสิ่งเดียวกัน คนขับรถแท็กซี่ในข่าวลือนั้น

หลายคนคาดเดาจุดจบของชายคนดังกล่าวเสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจะมีกองกำลังขนาดย่อม แต่กลับมีอนุภาพมหาศาล กำลังซ่อนตัวอยู่ภายในรถบรรทุกที่ ซู ฉิวไป่ กำลังขับเข้ามาในถนนตงโขว่