SD:บทที่ 46 : มีอะไรอยู่หลังรถกัน

“พวกนั้นมาที่นี่แล้ว!”

ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมากลางท้องถนน สถานที่ที่เคยมีเพียงแต่เสียงของสายฝน บัดนี้กลับจอแจไปด้วยเสียงพูดคุยของผู้คน ไม่ว่าใครจากทั้งสองฟากของถนน ล้วนแต่จ้องมองอย่างจริงจังไปยังเป้าหมายซึ่งอยู่ที่ระยะไกลออกไป

ณ ช่วงกลางวัน ตระกูลได้ประกาศเจตนารมณ์ของพวกเขาแล้ว พร้อมกล่าวด้วยว่าถนนเส้นนี้จะต้องปิดก่อนในคืนนี้ คงจะเป็นการดีกว่าหากให้ผู้คนหลบอยู่ภายในบ้านตน เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนลูกหลงจากศึกสงครามที่จะเกิดขึ้น!

ทุกคนต่างเข้าใจอย่างเต็มที่ถึงความมุ่งมั่นของตระกูลเซี่ยว ถนนที่เคยอึกทึกอยู่ตลอด จึงว่างเปล่าผิดปกติ พร้อมกับที่ทุกคนหลบอยู่ภายในร้านของตน

เสียงของเครื่องยนต์ดังขึ้นแข่งกับเสียงของพายุฝน

ทว่า…มันกลับไม่ใช่เสียงของรถแท็กซี่!

ในขณะที่ทุกคนยังสับสน รถบรรทุกสีดำกลับปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา

มีคนขับมาผิดทางรึยังไง ไม่ใช่ว่าไอ้หมอนั่นจะเป็นคนขับรถแท็กซี่หรอกเหรอ แล้วทำไมมันถึงไม่ขับรถแท็กซี่ล่ะวะ

ไม่มีใครเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เซี่ยว ซิวเหวิน ผู้ที่ยังเฝ้าดูอยู่จากในอาคารอย่างเงียบเชียบถึงกับต้องขมวดคิ้ว ด้วยความสงสัยว่าเหตุใด ซู ฉิวไป่ จึงจะเปลี่ยนไปใช้รถบรรทุกกัน

“มันหารถบรรทุกมาจากไหน มันอาจจะมีลูกน้องหลบซ่อนอยู่ข้างใน”

เซี่ยว ซิวเหวิน สอบสวนหาภูมิหลังของ ซู ฉิวไป่ เรียบร้อยแล้ว และมั่นใจมากว่าชายคนนั้นขับรถแท็กซี่ หัวหน้าใหญ่ของตระกูลเซี่ยวจึงตกอยู่ในภาวะงงงวยชั่วครู่

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน…บางที มันอาจจะเป็นคนจากตระกูลกู่ก็ได้” ชายรูปร่างกำยำคนเดิมจากเมื่อตอนกลางวันตอบขึ้น ชื่อของเขาคือ หวัน ฉิวหยาง และเขายังเป็นผู้คุม สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ ซึ่งอยู่ในอาณัติของตระกูลเซี่ยว

“เป็นไปได้ แต่รถบรรทุกแบบนั้นจะบรรจุได้กี่คนกัน หรือตระกูลกู่จะยอมอุตส่าห์ส่งกองกำลังสูงสุดของพวกตัวเองมาช่วยไอ้นั่น”

เซี่ยว ซิวเหวิน ภาคภูมิที่ตนถูกเคารพเกรงขาม เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขาเอ่ยถาม หวัน ฉิวหยาง อีกครา “พวกนั้นกลับมาหรือยัง”

“พวกเขามาแล้ว…ทั้งสิบคนโดยพร้อมเพรียง” หวัน ฉิวหยาง ตอบโดยทันที

เซี่ยว ซิวเหวิน รู้สึกโล่งอกมากขึ้นไปอีก ตราบใดที่ลูกน้องที่เก่งกล้าที่สุดของเขาทั้งสิบคนยังอยู่ล่ะก็ พวกนั้นจะทำให้แน่ใจได้เลยว่าตระกูลกู่จะไม่สามารถออกจาก สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ ได้โดยง่าย

ในขณะที่ เซี่ยว ซิวเหวิน ยังวิตกเกี่ยวกับอำนาจของครอบครัวกู่ไม่หาย ตระกูลกู่นั้นอยากรู้เกี่ยวกับรถบรรทุกปริศนานั้นขึ้นมา

“นายเห็นมันชัดมั้ย มีกี่คนอยู่ในห้องคนขับ”

กู่ จ้านชุน จ้องมองชายตรงหน้า ภายในใจนั้นยังคงกระวนกระวาย เขาอดไม่ได้หรอก ในเมื่อเขาพบว่ามันมีความเป็นไปได้ที่ชายผู้ไม่ต่างจากอสุรกายซึ่งเขามีโอกาสได้พบ ณ สนามแข่งคังจวงจะโผล่มาหลอกหลอนเขาอีก

“ครับท่าน ผมเห็นชัดเจนเลย มีชายสามคนในห้องคนขับรถบรรทุก ซู ฉิวไป่ คนนึง และชายที่เรายังไม่อาจระบุตัวตนอีกสอง” ชายผู้รายงานข่าวนั้นรู้ถึงความสำคัญของการเผชิญหน้าในคืนนี้ดี ดังนั้น เขาไม่อาจจะทำตัวหย่อนยานได้

“สามคน…ถ้าอย่างงั้น มีอะไรอยู่หลังรถกัน” กู่ เชียนชาน ที่ยังคงยืนดูจากห่าง ๆ อดไม่ได้ที่จะถาม ชายวัยกลางคนอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะอะไร ซู ฉิวไป่ ถึงเลือกใช้รถบรรทุกกัน หากต้องหลบหนีในภายหลังแล้ว การขับรถบรรทุกที่ใหญ่โตเทอะทะดูจะไม่สะดวกเอาเสียเลย

“ผมก็ไม่ทราบครับท่าน ประตูนั้นล็อคปิดตายครับ” ชายคนดังกล่าวตอบพร้อมกับส่ายหัว

ทั้งห้องเงียบลงโดยฉับพลัน ทุกคน รวมทั้ง กู่ จ้านชุน พร้อมใจกันจ้อง กู่ เชียนชาน แล้วรอคำสั่งของเขาอย่างใจจดใจจ่อ

ซู ฉิวไป่ มาถึงแล้ว หากพวกเขาจะคิดช่วยเหลือชายหนุ่มแล้วล่ะก็ พวกเขาต้องลงมือ ณ เดี๋ยวนี้เลย

แต่ใครจะรู้เล่าว่าหลังจากการลังเลอยู่นาน กู่ เขียนชาน เงยหน้าขึ้น “ทุกคน อย่าเพิ่งลงมือ ตอนนี้ทำแค่รอดูสถานการณ์ ฟังแค่คำสั่งของฉัน”

กู่ จ้านชุน กระวนกระวายเล็กน้อยเมื่อได้ยินหัวหน้าตนเอ่ยเช่นนั้น แต่ไม่มีคำใดหลุดจากปากเขาได้ แม้เขาจะพยายามแล้ว

ถึงชายผู้คุ้มกันจะรับรู้ถึงอันตรายของความแข็งแกร่งของ อู่ ซง และเรื่องที่ว่า ซู ฉิวไป่ ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เขาเคยเข้าใจ ถึงจะอย่างนั้น ไม่มีทางเป็นเรื่องง่ายแน่ที่จะบุกเข้าไปใน สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ ด้วยคนเพียงสองคน!

อย่างไรก็ตาม กู่ เชียนชาน ก็กำชับเขาอย่างหนักแน่นไปแล้ว เขาจึงต้องทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาได้แต่หวังว่า ซู ฉิวไป่ จะทนทายาดได้พอที่จะรอความช่วยเหลือจากตระกูลกู่

บัดนี้ รถบรรทุกที่เคยแล่นอยู่บนถนนเสียนาน ในที่สุดก็มาถึงตัวอาคารที่ว่านี่สักที ซู ฉิวไป่ จอดมันตรงหน้าทางเข้าพอดี

ท้องฟ้าในตอนนั้นมืดสนิท ประตูทางเข้าอาคารนั้นได้รับความสว่างอย่างเต็มที่จากหลอดไฟที่ติดไว้รอบข้าง ทว่ากลับไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดปรากฏให้ประจักษ์เห็นเลยแม้แต่น้อย ถนนที่เคยวุ่นวายและมีชีวิตชีวา กลับดูน่าวังเวงไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่ออยู่กลางฝนที่โหมกระหน่ำเช่นนี้

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ สายลับสังเกตการณ์ที่ลอบเฝ้าดูพวกเขาจากรอบข้าง ก็เห็น ซู ฉิวไป่ กระโดดลงมาจากรถบรรทุก

มีชายสองคนอยู่ในห้องคนขับ คนแรกที่ลงจากรถนั้นคือ อู่ ซง ส่วนอีกคนที่ตามมาคือ หลิน ชง ชายทั้งสองคนนี้ไม่แตกต่างอะไรเลยจากเทพเจ้าปีศาจ ถึงแม้ว่า หลิน ชง จะไม่มีรูปร่างกำยำเหมือนกับสหายข้าง ๆ แต่สายตาเย็นชาของเขาที่กวาดตาดูรอบข้างกลับดูอมหิตอย่างยากที่จะอธิบาย

เขาคนนี้เป็นถึงผู้ฝึกการใช้ทวนหอกให้กับกำลังพลของท่านจักรพรรดินับหมื่นนาย เช่นนั้นแล้ว ยังจะคิดว่าชายผู้นี้ไม่มีอะไรพิเศษอีกเหรอ

พละกำลังของ หลิน ชง นั้น สังเกตได้ชัดเจนจากตำแหน่งของเขาที่ไม่เคยมีใครสามารถโค่นล้มได้ ความแข็งแกร่งและเกียรติยศของเขาหาใช่ธรรมดา

เมื่อทั้งสามลงจากรถบรรทุก ซู ฉิวไป่ เหลือบตามองไปยังอาคารที่ตั้งตระหง่านตรงหน้า แววของความประสงค์ร้ายฉายในดวงตา แล้วชายหนุ่มจึงเดินไปยังหลังรถบรรทุก

เขาปลดล็อคประตูหลังอย่างใจเย็นแต่ยังไม่เปิดมันออก ภายในนั้น พวกผู้กล้าภายในหลังรถบรรทุกนั้นก็ไม่ออกมาด้วยเช่นกัน เป็นไปตามที่พวกเขาวางแผนไว้ ซู ฉิวไป่ จะทิ้งโทรศัพท์มือถือเอาไว้หลังรถ แล้วเหล่าคนที่เหลือจะออกจากรถก็ต่อเมื่อเขาโทรหาเท่านั้น

ซู ฉิวไป่ ยังกลัวว่าตระกูลเซี่ยวจะคิดทำอะไร หากพวกเขาทั้งหมดบุ่มบ่ามเข้าไปพร้อมกัน ชายหนุ่มหันไปเหลือบตามอง อู่ ซง และ หลิน ชง ก่อนที่ทั้งสามจะเข้าไปหาประตูพร้อมกัน โดยที่ ซู ฉิวไป่ อยู่ตรงกลาง พร้อมกับที่อีกสองคนขนาบข้างเขา

ข้างบนอาคารนั้นเอง เซี่ยว ซิวเหวิน รับทราบทันทีว่า ซู ฉิวไป่ มาถึงแล้ว พลันเมื่อเห็นเพียงชายสามคนเดินอาด ๆ เข้ามาใน สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ อย่างไม่เกรงกลัว หัวหน้าใหญ่ของตระกูลเซี่ยวจึงงงงัน

ทำไมถึงไม่มีคนจากตระกูลกู่เลยล่ะ คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกนั้นจะไม่มาเลย หรือว่า…พวกมันซ่อนอยู่หลังรถ

ทุกสิ่งที่เขาเตรียมการไว้ก็เพื่อต่อกรกับตระกูลกู่ เซี่ยว ซิวเหวิน ออกอาการเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเขาเห็นว่าพวกครอบครัวกู่นั้นไม่ยอมโผล่หัวมา ทั้งหมดนี้ไม่มีความหมายอะไรหากมันมีแค่ ซู ฉิวไป่ และกุ๊ยข้างถนนอีกสอง

ด้วยเศษของความวิตกและความกังวลที่ยังหลงเหลือในใจ เซี่ยว ซิวเหวิน มอบหมายให้ หวัน ฉิวหยาง จัดการเรื่องการส่งคนไปตรวจสอบรถบรรทุกนั้นหลังจากที่ ซู ฉิวไป่ เข้าไปในอาคารแล้ว

และหลังจากที่เขาเอ่ยคำสั่งเสร็จ เซี่ยว ซิวเหวิน หันกลับไป และมุ่งหน้าตรงไปยังชั้นล่าง ในเมื่อ ซู ฉิวไป่ ก็มาถึงนี่แล้ว เซี่ยว ซิวเหวิน ก็ต้องแก้แค้นให้ลูกชายของตนให้ได้ หยุนเอ๋อต้องมาตกอยู่ในสภาวะโคม่าไปตลอดชีวิต เป็นไปไม่ได้หรอกที่ไอ้คนชับรถแท็กซี่คนนั้นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง!

หลังจากที่ ซู ฉิวไป่ เข้าไปในอาคารพร้อมกับ อู่ ซง และ หลิน ชง ประตูนั้นกลับถูกฟาดปิด พร้อมกับที่มู่ลี่หน้าต่างถูกดึงลง

ดวงตาของ อู่ ซง แสดงความตึงเครียด ซู ฉิวไป่ จึงพยายามทำให้เขาใจเย็นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

ในเพียงเสี้ยววินาที ห้องตรงหน้าเขากลับสว่างวาบขึ้น

ภาพที่ปรากฏตรงหน้า คือคนจำนวนมากที่ดูจะคิดร้ายกับพวกเขาอย่างเห็นได้ขัด ในมือกำท่อเหล็กหรือไม่ก็ปังตอ เพียงชำเลืองตา เขาก็พบว่ามีคนมากกว่าร้อยคน ยังไม่ต้องพูดถึงคนอีกมากที่กำลังลงบันไดมาจากชั้นบน

ไม่มีใครเอ่ยคำใด ส่วน ซู ฉิวไป่ กำลังเฝ้ารอให้ใครสักคนจากตระกูลเซี่ยวลงมาเช่นกัน แน่นอนว่าด้วยการเตรียมตัวมากมายเช่นนี้ พวกนั้นคงไม่อยากจะเริ่มต้นการต่อสู้ โดยที่ไม่กล่าวอะไรทิ้งท้ายไว้ก่อนหรอก

ช่วงเวลาต่อมา ซู ฉิวไป่ ก็พบว่าเขาคิดถูก เพียงหนึ่งนาทีหรือมากกว่า เซี่ยว ซิวเหวิน และ หวัน ฉิวหยาง ก็โผล่หัวมาให้เห็นจนได้ ในตอนนี้ พวกเขาถูกล้อมหมดอย่างยากที่จะหนีไปได้

“แกคือ ซู ฉิวไป่ สินะ”

เซี่ยว ซิวเหวิน จ้องมองเขา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจระคนสงสัย

“น้องสาวฉัน และ เฉา ตั้วเฟย อยู่ไหน” ซู ฉิวไป่ กล่าวเรียกร้องโดยไม่คิดจะตอบคำถามของชายตรงหน้า

เขามที่นี่เพื่อมาช่วยคนของเขาเอง ไม่ได้จะมาพูดคุยพลางจิบน้ำชาไร้สาระ มันเป็นที่ประจักษ์ชัดตั้งแต่ที่ชายหนุ่มขับรถจากภูเขาเหลียงซานจนมาถึงนี่แล้ว ว่าเขาไม่ได้มีอารมณ์จะมาเสวนาอะไร

“ไม่นานหรอก เดี๋ยวพวกเขาจะลงมาแล้ว แกมั่นใจได้… ไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่แน่ในคืนนี้” เซี่ยว ซิวเหวิน ตอบเขาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

ไม่นานเกินรอ ซู เซี่ยวเซี่ยว และ เฉา ตั้วเฟย ก็ถูกพาตัวลงมา ทุกอย่างดูจะเรียบร้อยดี หากไม่นับว่าสีหน้าของพวกเขาตื่นตระหนกแค่ไหน หรือว่าเรื่องทีปากของพวกเขาถูกยัดด้วยผ้าจนไม่อาจพูดอะไรได้ล่ะก็ พวกเขาก็ดูปกติทีเดียว

“แกพูดมาได้เลย ตอนนี้แกวางแผนอะไรอยู่” เซี่ยว ซิวเหวิน เงยหน้าขึ้น แล้วหันมาถาม ซู ฉิวไป่

หากจะพูดตามตรงแล้ว หัวหน้าใหญ่แห่งตระกูลเซี่ยวอดใจที่จะกระทืบไอ้เวรนี่แทบไม่ไหว แต่ทว่า เนื่องจาก หวัน ฉิวหยาง ได้ส่งคนไปตรวจสอบท้ายรถบรรทุกนั่น เขาจึงต้องจำใจต้องชะลอเรื่องนั้นไปก่อน

ในขณะเดียวกัน ภายนอกอาคารนั้นเอง ชายคนหนึ่งกำลังแอบย่องไปทางรถบรรทุกสีดำคันหนึ่งที่จอดตรงหน้าทางเข้า เขาดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่าท้ายรถนั้นไม่ได้ล็อค!

เขาก้าวไปอย่างเชื่องช้าแล้วเปิดประตู

แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรอีก ในจังหวะที่ประตูเปิดเพียงเล็กน้อย กลับมีมืออันใหญ่ข้างหนึ่ง คว้าหมับเข้าที่คอของขายคนนั้นอย่างแน่น แล้วลากเขาเข้าไปในหลังรถ ต่อจากนั้น ประตูหลังกลับถูกปิดตายราวกับมันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

เหตุการณ์ตรงหน้าคงทำให้ผู้พบเห็นขนลุกได้ไม่น้อย!

ในท้ายรถบรรทุกคันนั้น มีปีศาจประเภทใดซ่อนอยู่กัน!

ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ไม่ลังเลแม้แต่อีกวินาทีเดียว พวกเขาเร่งส่งข่าวกลับไปยังหัวหน้าให้เร็วที่สุด ต่างรายงานไม่ตรงกัน เนื่องจากไม่มีใครแน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หวัน ฉิวหยาง ได้รับการรายงานอย่างรวดเร็ว เขาอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ ไปหา เซี่ยว ซิวเหวิน แล้วกระซิบอะไรบางอย่างใส่หูของอีกฝ่าย

เซี่ยว ซิวเหวิน รู้สึกราวกับว่าความโกรธของเขาจะปะทุออกมาเสีย ณ ตรงนั้น แต่เขากลับดับมันได้ในทันที เขามอบหมายให้ลูกน้องของตนส่งใครสักคนไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ทว่า ณ ตอนนี้ สายตาที่เขามอง ซู ฉิวไป่ กลับเปลี่ยนไป

“นี่ ไอ้ลูกหมา คิดจริง ๆ เหรอว่าจะรอดไปจาก สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ ของฉันได้น่ะ” เขายิ้มกริ่มแล้วเอ่ยถามอีกฝ่าย

ซู ฉิวไป่ หัวเราะเช่นกัน เพราะคำถามของอีกฝ่ายนั้น จะฟังอย่างไรในมุมไหน ถึงยังไงก็ฟังดูโง่เง่าสิ้นดี

ล้อกันเล่นรึไง*! ไอ้รสนิยมการตั้งชื่อตึกแบบนี้มันคืออะไรกัน นอกจากจะเรียกยากชิบ ชื่อก็ยาวเหยียด แถมยังไร้เหตุผลเสียอีก แค่แขวนป้ายโง่ ๆ ที่เขียนว่า ‘สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ’ มันคิดจริงจังเหรอว่าที่นี่มันเป็นสระมังกรกับถ้ำเสือจริง ๆ*

ถ้าแกแขวนป้ายว่าที่นี่คือ*‘พระราชวังศ์หลิงเซี่ยว’ ฉันจะต้องเรียกแกว่า ฝ่าบาท มั้ยเนี่ย*

ไอ้โง่…เตรียมตัวถูกบดขยี้ได้เลย*!*

ซู ฉิวไป่ ได้แต่บ่นพึมพำ “โง่เอ้ย…”

เซี่ยว ซิวเหวิน ตะลึงงันไปชั่วครู่ เขาเคยต่อสู้กับคนมากหน้าหลายตามานานเกินทศวรรษ ป่านนี้มันยังกล้าด่าอีกได้ยังไง มันต้องคุกเข่าร้องขอชีวิตได้แล้วสิ

หัวหน้าใหญ่ตระกูลเซี่ยวยังคงสับสน เขาสัมผัสได้ว่าเลือดกำลังไหลเวียนไปเลี้ยงสมองตัวเอง นัยน์ตาเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ

ในจังหวะที่เขาจะเริ่มการต่อสู้นั้น หวัน ฉิวหยาง ดันกลับมาพร้อมกับรายงานสถานการณ์ใหม่ที่กลับย้อนรอยเดิม

ผู้สังเกตการณ์คนที่สอง ก็ถูกลากเข้าไปในท้ายรถไม่ต่างกัน!