______ ขอข้ามตอน 291 นะขอรับ เพื่อให้ตรงกับต้นฉบับภาษาอังกฤษ ขออภัยด้วยน๊า _______

” คุณชายน้อยจวิน อาจารย์ทั้งสองของเรานั้นสง่างามยิ่ง  พวกเขามักจะพิจารณาชัยชนะและความพ่ายแพ้เป็นดั่งหมอกเมฆ  ดังนั้น พวกเขาจึงมิได้ทุกข์ร้อนต่อ ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้เพียงชั่วคราวนี้  ข้ารังเกียจความคิดที่ต้องลดตัวลงมาที่ระดับเจ้า … ข้าคิดว่ามันเป็นอุปสรรค์ที่จะไต่ถามคุณชายน้อยสาม อันใดเล่าเหมาะสมกับกวีที่คุณชายน้อยเอ่ยขึ้น ?  หากมีกวีตอบโต้ที่เหมาะสมอยู่ … ได้โปรดเอ่ยและแนะนำพวกเรา “

บัณฑิตตัวสูงจาก สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียงเอ่ยขณะยืนขึ้น  เด่นชัดว่า เขามิได้มั่นใจในความพ่ายแพ้นี้

” หรือ เจ้านั้นเสแสร้งได้ยิ่งกว่า ลี่โย่วหลาน ? “

 

จวินโม่เซี่ยมองไปที่เขาด้วยสีหน้าตะลึงงัน

” ข้าขอให้เจ้าใช้สมองของเจ้าคิดก่อนจะเอ่ยถาม  อย่าได้ใช้ก้นของเจ้าจัดการกับทุกปัญหา !  ข้าจักจงใจสร้างความยุ่งยากให้ทุกผู้หรือ หากข้ามิได้มีกวีตอบที่เหมาะสม ?  วัยเด็กเจ้าโดนลาดีดมาหรืออย่างไร ?  สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียงสร้างผู้ที่โง่เขลาเช่นเจ้าได้อย่างไร ?! “

 

” โอ้ข้าเข้าใจแล้ว … นอกจากจะโง่แล้วเจ้ายังหูหนวกหรือ ?  ข้าเอ่ยได้ชัดเจนว่าไม่มีผู้ใดสามารถแก้ไขมันได้ก่อนที่ข้าจักตั้งปัญหานี้ต่อหน้าทุกคน !  ข้าเพียงแค่ยืมมันมา เจ้าได้ยินจากที่ใดว่าข้านั้นคิดมันขึ้นเอง ?  ข้าคิดว่าเจ้านั้นไร้สมอง … หรืออาจจะติดเชื้อรา !  เจ้าต้องการให้ข้าบอกถึงกวีตอบโต้ ?  เจ้าเอ่ยวาจาอย่างไร้ความคิด !  สถาบันของเจ้าจักจ่ายเมื่อชนะ และต่อสู้เมื่อพ่ายแพ้ ?  ไร้เหตุผลยิ่งนัก ? “

 

ไร้ผู้ใดโต้แย้งเมื่อจวินโม่เซี่ยเอ่ยวาจานี้ขึ้น  ท้ายที่สุด …  เขาเอ่ยอย่างชัดเจนว่า กวีนั้นมิได้เป็นของเขา … แต่ของใครบางคน มันแสดงให้เห็นว่าเป็นการยากเพียงใดที่จักลงโทษผู้ผิด  บัณฑิตมิสามารถตอบกลับกวีนั้น  ดังนั้น เมื่อผู้หนึ่งไต่ถามเพื่อพยายามกอบกู้ชื่อเสียงของสถาบัน  กระนั้น มันกลับเป็นอุบายที่ล้มเหลว  ยิ่งกว่านั้น … ความพยายามของเขาเป็นการยั่วยุความอดทนของผู้อื่น

 

บัณฑิตผู้นั้น หน้าแดงก่ำด้วยโทสะ

 

ส่วนผู้อื่นไม่รู้จักทำเช่นไร  จากนั้น ลี่โย่วหลานลืมตาขึ้นทันใด

” เกิดอันใดกับชายผู้นี้ ?  เขาดึงข้าเข้าไปเกี่ยวพันกับปัญหาของเขา … เจ้าหมายถึงอันใดที่เอ่ยว่า เสแสร้งยิ่งกว่า ลี่โย่วหลาน ? “

 

แม่เจ้าเอ๋ย !  เจ้าผู้นี้เอ่ยอันใด ?  กล่าวหาข้าเสแสร้งได้เช่นไร ?

 

” เป็นไปได้หรือที่ อาจารย์อาจจะส่งศิษย์ออกไปเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงหลังจากพวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ?   เป็นไปได้หรือ ที่ สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียง จักเป็นผู้แพ้ ? “

ปรากฏว่า จวินโม่เซี่ย โกรธเคืองยิ่งขณะเขาเอ่ย

” แต่กระนั้น ก็มิใช่เป็นการยากสำหรับคุณชายน้อยผู้นี้ หากเจ้ามิอาจยอมรับความพ่ายแพ้  ข้าอาจจะมิใช่คนดี แต่ข้านับถือความรอบรู้ และ เคารพในสิ่งที่คู่ควร “

 

แล้ว เจ้ารู้ว่าเจ้ามิใช่คนดี ?

ทุกผู้ในท้องพระโรงกรอกตา

 

เจ้านับถือเพียงความรู้ และเคารพในสิ่งที่คู่ควร ?  ราวกับเจ้าพยายามจักฉุดรั้งอาวุโสทั้งสองลงสู่อเวจร

 

 

” หยานเฟิง นั่งลง !  พ่ายแพ้คือพ่ายแพ้ ไร้ประโยชน์จักโต้แย้ง  เหตุใดเจ้าพยายามจักชนะอย่างไร้ความสมบูรณ์ ?  นี่เป็นเพียงครั้งแรก เจ้าเชื่อหรือว่า สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียง จักมิอาจกู้คืนมาได้ในโอกาสหน้า ? “

ริมฝีปาก คุ้งหลิงหยางสั่นเทาขณะเขาใช้วาจาสกปรกเพื่อดุด่าและตำหนิศิษย์ของเขา

 

พวกเรามิได้ประสงค์จักรับประโยชน์เพียงครึ่ง …

อาจารย์ค้งผู้น่านับถือมิอาจเก็บความคิดไว้กับตัวได้เนื่องด้วยความเจ็บปวด  นี่คือสิ่งที่มันจักต้องเป็นไปเสมอ ไม่ว่าจักพ่ายแพ้หรือชนะ  แต่ ดูเหมือนว่าเขาจักสูญเสียความเคารพที่มีต่อ อาจารย์  เขาเคยได้รับชัยชนะมากมายในอดีต  แต่ งานฉลองนี้จักจัดขึ้นบนเกาะกลาง ทะเลสาปจันทรา เสมอ  และ องค์จักรพรรดิมิเคยปรากฏตัวในโอกาสนั้น  แต่ ในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นในวังหลวง  ดังนั้น องค์จักรพรรดิจึงเข้าร่วม .. ยิ่งไปกว่านั้น …. ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอาณาจักรมากมาย  ความสำคัญของงานพิธีนี้จึงมากยิ่งกว่าแต่ก่อน  แต่ ครั้งนี้เขาพ่ายแพ้ …

 

เหตุใดจึงมิรู้สึก โศกเศร้า …  ?

 

ดูเหมือนว่าเจ้าอ้วนถังเป็นอันธพาลผู้ที่ทั้งสถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียง เกลียดชังเป็นที่สุด  แต่ เขากลับตกอันดับลงมาทันที และตำแหน่งนั้นถูกแทนที่โดย คุณชายน้อยจวิน  ราวกับคนใน สถาบันอักษรสวรรค์เหวินเชียง จักไม่ลืมความแค้นนี้ .. แม้นเวลาจักผ่านไปนานนับพันปี  ความเกลียดชัดต่อจวินโม่เซี่ย ฝังลึกลงไปยังกระดูกทุกซี่ของพวกเขา

 

” ฮี่ ฮี่ … อาจารย์ คุ้งที่เคารพ เอ่ยมาถูกต้องแล้ว  บัณฑิตเพียงไตร่ตรองถึงกวีตอบโต้เท่านั้น  ความสามารถทางการศึกษาทีแท้จริงของคนผู้นั้น อยู่ในกวีที่สำเร็จสมบูรณ์แล้ว … “

ลี่โย่วหลานยิ้มโดยมิได้หลุบเปลือกตา และเอ่ยต่อ

” เป็นไปได้หรือที่สถาบันจักมิอาจเทียบชั้นได้กับ คุณชายน้อยจวินในเรื่องนี้เช่นกัน … ? “

 

ประโยคนี้รุนแรงยิ่ง

 

หากสถาบันเหวินเซียงยอมรับในจุดนี้ … ต่อหน้าผู้นำทางการเมืองและกลาโหม … มันจักมิเป็นการต่างว่าสถาบันได้ยอมรับว่าฝีมือมิอาจเทียบอันธพาลจวินกระนั้น ?  สถาบันเหวินเชียงจักตกต่ำถึงขั้นนั้นได้เช่นไร ?  เขาจักยอมรับในเรื่องนี้ได้เช่นไร ?

 

พวกเขาได้ชักมีดออกมาอีกหน

 

” ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว  เจตนาของ ลี่โย่วหลานผู้นี้มิใช่เรื่องดี  เด็กผู้น่ารักผู้นี้มิได้ดีเลิศ  เขาบังคับใช้อาจารย์ผู้นั้นเพื่อให้ข้าหงายไพ่ ! “

 

จวินโม่เซี่ยกรอกตาและโน้มตัวไปข้างหนึ่ง  ความจริงแล้ว เขาหันเข้าไปใกล้ใบหน้าของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ อย่างมาก  จากนั้น เขายิ้ม และพยักหน้า ขณะดึงไพ่ที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา

” สถาบันเหวินเชียงนำพา บัณฑิต มากมาย หากแต่พวกเราก็มีผู้มากสามารถเช่นเดียวกันในฝั่งของเรา  คุณชายน้อยจากสกุลอันยิ่งใหญ่จักอับอายในเวลานี้เช่นไร ?  นี่จะเป็นตำนานที่งดงามเนื่องจากคุณชายน้อยผู้นี้ และคุณชายน้อยลี่โย่วหลานได้ร่วมมือกันเผชิญหน้ากับ สถาบันเหวินเชียง มิอาจรู้ผู้ใดจักชนะ อย่าไรก็ตาม คุณชายน้อยลี่โย่วหลานเพิ่งจะเอ่ยว่าเขายอมรับคุณชายน้อยผู้นี้ในหลากหลายสิ่ง  ฮี่ฮี่ … หมายความว่าคุณชายผู้นี้เหนือกว่าเขา  หรือจะกล่าวอีกอย่าง .. ข้านั้นเป็นเลิศยิ่งกว่า คุณชาย … ฮี่ฮี่ฮี่ … ทุกผู้ได้ยินเช่นนั้นหรือ ?  ดังนั้น จึงไร้เหตุผลจักท้าทาย้ขา หากเจ้ามิได้อยู่ในระดับเดียวกับ ลี่โย่วหลาน  คุณชายน้องผู้นี้ยุ่งยิ่งนัก ทุกนาทีของข้ามีค่าดั่งทอง  ดังนั้นมิควรเสียเปล่า ! “

 

ประโยคนี้เป็นการตอบโต้ที่งดงาม  มิเพียงเขาลากพาคุณชายน้อยทุกคนลงในเรือรบของเขา ยังทำให้ ลี่โย่วหลาน กลายเป็นแพะรับปาบไปด้วย  วาจาเหล่านี้มีทั้งไม่เหมาะสมและเป็นวาจาที่ป้องกัน  ความจริง เขาได้สร้างผลกระทบอย่างชัดเจน

 

ทุกผู้อุทานและเบนสายตา  แต่ สิ่งที่พวกเขามองนั้นมิใช่ จวินโม่เซี่ย หากแต่เป็น ตู่กู้เซี่ยวอี้  จวินโม่เซี่ยโน้มตัวไปหานาง พยักหน้า ยิ้ม และเอ่ยวาจาเหล่านั้น  ซึ่งทำให้เขามีที่ว่างสำหรับการโจมตีและล่าถอย  แม้แต่ผู้ที่โง่เขลาที่สุดยังรู้ได้ว่าเขากำลังติดอยู่ในจุดที่ยุ่งยากยิ่ง  พวกเขาสามารถจับได้ว่า เขาใช้ใบหน้าอันงดงามของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ เพื่อใช้หลอกล่อ

เจ้าชั่วไร้ยางอายผู้นั้นสามารถเอ่ยวาจายาวเหยียดเช่นนี้โดยไร้ซึ่งความหยาบคายได้เช่นไร ?

 

วาจาของคนผู้นี้ผิดกับนิสัยของเขา  ฟังราวกับการเข้าข้างตัวเอง แต่ไร้ซึ่งว่าจาดูหมิ่น !  แปลกประหลาดยิ่งนัก  ราวกับเขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า !

 

ทุกผู้มองจวินโม่เซี่ยย่อนตัวลงบนเก้าอี้ของเขาและหลับตา  ชัดเจนว่าเขามิได้อธิบายอันใดในสิ่งที่เขาทำไปแม้นจักถูกถาม  ทุกผู้จาก สถาบันเหวินเชียงรู้สึกสิ้นแรง  ดังนั้น พวกเขาจึงหันไปทาง ลี่โย่วหลาน เนื่องจากพวกเขามิมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า

”  เช่นนั้นพวกเราจึงเปลี่ยนมาขอคำแนะนำจากคุณชายน้อยลี่ในรอบที่สองนี้ “

 

ลี่โย่วหลานยืนขึ้น และพยักหน้าเล็กน้อย

” เป็นเกียรติของข้ายิ่ง “

เขาประหลาดใจ มิได้เคียดแค้น จวินโม่เซี่ย ที่ผลักเขาออกไปในท่าทีเช่นนี้

 

คุณชายน้อยจวินชนะในรอบนั้นด้วยความสุจริตยิ่ง  มิสำคัญว่าชัยชนะจักรุ่งโรจน์หรือไม่  ชนะ คือ ชนะ  เขาเชื่อว่าเขาคือบุตรแห่งสวรรค์  เช่นนั้น คุณชายน้อยลี่จักโค่นล้มเขาได้อย่างไร ?

 

สายตาองค์จักรพรรดิกวาดไปทั่วโถงจากเหนือบัลลังก์ และหยุดตรง ลี่โย่วหลาน อย่างไรก็ตาม เขายังคงเฝ้ามองจวินโม่เซี่ย ผู้ที่นั่งอยู่ข้างกับ ตู่กู้เซี่ยวอี้  อย่างต่อเนื่องด้วยหางตา  ความคิดภายในของพระองค์นั้นยากยิ่งหยั่งถึง

 

” พวกเราได้ยินกวีจากฝ่ายตรงข้ามแล้ว  แต่ ทุกผู้นามรู้ว่า คุณชายน้อยลี่นั้นมีชื่อในเพลงขลุ่ย เช่นนั้น เป็นเช่นไรหากพวกเราจักมาร่วมบรรเลงเปรียบกัน ?  ข้า  จินหยินเจิ้น หวังให้คุณชายน้อยลี่ แนะนำในท่วงทำนอง “

บัณฑิตยืนขึ้นและเดินตรงไปยัง องค์จักรพรรดิและเหล่าผู้ยิ่งใหญ่  จากนั้นเขาหันไปเผชิญหน้ากับลี่โย่วหลาน หลังจากคาราวะพระองค์ตามพิธีการ เขาขยับมือและหยิบขลุ่ยหยกขาวออกมา

 

” ทำนองของ คุณชายน้อย จินหยิงสามารถเคลื่อนสวรรค์โลกาได้ !  ลี่โย่วหลานผู้นี้มีหวังอันใดจักเปรียบเจ้า ?  รอบนี้พวกเรามิอาจเปรียบกันได้ ข้ายอมรับความพ่ายนี้ “

ลี่โย่วหลานยิ้มเล็กน้อย  กระนั้น การยอมรับในความพ่ายแพ้ของ ลี่โย่วหลาน นี้มีประสงค์อื่นซ่อนเร้น เขามิต้องการจักเผยตัวหากมิจำเป็น  อย่างไรก็ดี เวลานี้เขาอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ  ดังนั้น เขาจึงต้องการจักให้พระองค์ประทับใจ  มองหาความสำเร็จในเวลาที่เหมาะสม

 

แต่กระนั้น จินหยิงเจิ้นก็เป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขาม  ยากยิ่งจักต่อกรกับเขาในสมรภูมิเช่นนี้  เหล่าบุรุษในสกุลของเขาถูกส่งไปให้ฝึกฝนวิชาขลุ่ยดั้งเดิมหลังจากที่พวกเขามีอายุสิบห้า   บทเพลงของพวกเขานั้นเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในดินแดนแห่งนี้  ดังนั้น ลี่โย่วหลานจักมีโอกาสในการชนะศึกชี้ได้เช่นไร ?  สถาบันเหวินเชียง ส่งเขาลงมาเพื่อหวังจักชนะในรอบที่สอง และทำให้ทั้งสองฝั่งเสมอกัน การประลองในครั้งนี้เริ่มเข้มข้น

 

” ฮี่ ฮี่ … คุณชายน้อยจวินและข้าอับอายยิ่ง  ฝีมือพวกเรานั้นอ่อนด้อยในเรื่องนี้ และพวกเราประสงค์ยอมรับในความพ่ายแพ้ “

สีหน้าลี่โย่วหลายมิเปลี่ยนแปลงขณะเขาเอ่ยต่อ

” รอบถัดไปจักเป็นของ คุณชายน้อยจวิน ลี่โย่วหลาน ประสงค์ในตัว คุณชายน้อยสามยิ่ง “

 

ข้า จวินโม่เซี่ย เอ่ยว่าแม่เจ้า !  เจ้าเหลือขอนี่อ่อนแอ่ยิ่ง  เขายอมรับความพ่ายแพ้ในทันที  มากเกินไปแล้ว … หากข้าเจอคู่ต่อสู้ที่ยากยิ่ง ข้าจักคำรามบทเพลงอันเป็นที่นิยอมออกมาจากคอหอย !  ข้าอยากตายมากกว่าจักต้องถูกข่มขู่จนตาย !

 

งานพิธีนี้เริ่มต้นด้วยบทกวี  จึงเป็นปกติที่จักตามมาด้วยความสำเร็จของผู้ยิ่งใหญ่และรอบรู้  จากนั้น ตามมาด้วย กลยุทธิ์ ยุทธวิธี นโยบายสวัสดิการ นโยบายต่างแดน เป็นต้น กระทั่งศิลปะทุกแขงจนกล่าวได้ว่าครบถ้วนครอบคลุม

 

ตอนนี้ วาจาของจวินโม่เซี่ยได้เตรียมพร้อมให้ทั้งสองกลุ่มเผชิญหน้ากันแล้ว  กระนั้น การเผชิญหน้านี้มีความร้อนแรงยิ่งกว่ากลิ่นฉุนดินปืนที่เขาเคยเผชิญมาก่อนในชีวิต  ทุกผู้ที่เข้าร่วมงานฉลองนี้รู้เป็นอย่างดีว่า คุณชายน้อยจวินโม่เซี่ยและถังหยวนเข้าร่วมกันแข่งขันนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้น ชัดเจนว่าพวกเขาขาดแคลนประสบการณ์

 

พวกเขามิเคยเข้าร่วมกันแข่งขันมาก่อน  แต่ … พวกเขาจักแข่งขันในหัวข้อเช่น … การอุ้มหญิงสาวขึ้นมา สถานการณ์เหล่านั้นมิอาจเอ่ยได้เช่นเดียวกับเรื่องเหล่านี้ …

 

เสนาบดีกรมยุติธรรม ซุนเฉิงเคอ เวลานี้เสวนากับผู้อื่นและกำลังกำหนดหัวข้อสำหรับกวี  ผู้แข่งขันกำลังแข่งขันอย่างดุเดือด และจากนั้นผู้ที่ดีงามจักได้รับการตัดสินให้ชนะ

 

” หัวข้อในการเสวนานี้คือ ความรู้  ข้าอยากขอทั้งสองฝ่ายให้เลือกผู้สมัคร “

ซุนเฉิงเคอมองไปยังจวินโม่เซี่ย พยักหน้า และส่งสัญญาณ  เขาได้เลือกตัดสินผู้แพ้ชนะไว้แล้ว

 

จวินโม่เซี่ยจักมิได้รับชัย เขาจักทำให้ตัวเองถูกหัวเราะเยาะ

 

บัณฑิตชุดสีฟ้ายืนขึ้น  จากการกล่าวนำเหล่านั้นเขามีนามว่า ฉินฉิ้วฉี  ชัดเจนจากชื่อว่าพ่อแม่ของเขานั้นประสงค์ยิ่งจะให้เขาได้รับเกียรติทางวิชาการ

 

” ข้าขอให้คุณชายน้อยจวินยอมรับการเสวนากับข้า “

ฉินฉิ้วฉีกระแอมและเอ่ยขึ้น  ธุปหอมครึ่งก้านมอดไหม้ลง เขาใช้เวลาเหล่านั้นครุ่นคิดเคร่งเครียด

 

ขันทีราชสำนักที่ได้รับมอบหมายให้เขียนบทกวีกำลังเตรียมตัว เขาวางข้อศอกลงบนโต๊ะ ยกข้อมือขึ้นเหนืออากาศ และรอคอยให้ ฉินฉิ้วฉีเริ่ม เขาควรจะบันทึกทุกสิ่ง

 

” ผู้กล้าปีนป่ายภูผาหิมะเสียดฟ้า

 

อาจหาญก้าวข้ามทะเลรอบรู้

 

หัวใจอันบากบั่นมิต้องการเส้นทาง

 

ดาราบนนภามิห่างไกล

 

หวังเพียงบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง

 

เลือดอันเล่าร้อนก่อร่างสร้างสะพานสายรุ้ง

 

ดูราวเขาเคลื่อนไปทีละก้าว

 

กวัดแกว่งพู่กันเขียน อย่างมิเคยย่อท้อ “

 

ฉินฉิ้วฉีมากฝีมือยิ่ง  เขาไม่มีทางเลือกเนื่องจากธูปมอดไหม้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ กวีบทนี้ก็ยอดเยี่ยม ความคิดสร้างสรรค์ของของนั้นมิได้เป็นเลิศนัก แต่สมดุลยิ่ง ถือได้ว่าดี  เขาออธิบายถึง การเรียนรู้ได้อย่างดี  ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้แสดงถึงอุดมคติอันสูงส่งของบ้านเมือง และความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของเขา

 

ขันทีราชสำนักบันทึกบทกวีเสร็จสิ้น  จากนั้นเขาถวายมันแก่ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตร  จากนั้นพระองค์ ทอดพระเนตรไปยังใบหน้าของ ฉินฉิ้วฉี สายพระเนตรล้ำลึก แต่สีพระพักมิเปลี่ยนแปลง  จากนั้น พระองค์โบกมือและส่งกวีให้แก่เจ้าหน้าที่ราชสำนัก และส่งต่อไปรอบๆเพื่อให้ทุกผู้ได้ดู ขุนนางราชสำนักพยักหน้าหลังจากพวกเขาได้อ่าน และประกาศว่า ยอดเยี่ยม  ขุนนางต่างๆนั้นมากฝีมือ  แต่ พวกเขาคิดหากเขาเป็นเด็กหนุ่มผู้นี้…​ภายใต้แรงกดดันอันมากมาย … ในการคิดหาบทกวี … เพียงแค่ระยะครึ่งก้านธูป พวกเขาเองก็อาจมิสามารถสร้างสรรค์ให้ได้ออกมาเช่นนี้

 

จวินโม่เซี่ยปรบมือลั่น

” ข้ายอมรับความพ่ายแพ้  เจ้าช่างมีเชาว์ยิ่ง มีเชาว์ยิ่ง … “

 

” ขอบคุณยิ่งสำหรับคำสรรเสริญนี้ คุณชายน้อยจวิน ข้าด้อยความรู้และสามารถ  ดังนั้น ข้าจึงลำบากใจยิ่งที่เจ้าและเหล่าผู้อาวุโสยกย่อง … “

ฉินฉิ้วฉีเอ่ยนอบน้อมต่อกวีอันล้ำลึกนี้ จากนั้นเขาต่อ

 ” กระนั้น ข้าจำต้องของให้คุณชายน้อยจวินชี้นำในเรื่องนี้ คนผู้นี้ประสงค์ฟังคำตอบของเจ้า “

 

” คำตอบของข้า ?  คุณชายน้อยผู้นี้มิได้มากสามารถ  ข้ามิอาจมีเชาว์เช่นนั้น มิใช่ธรรมชาติของข้าที่จักสามารถสำเร็จงานศิลป์ได้รวดเร็วยิ่ง “

จวินโม่เซี่ยตัดสินใจปฏิเสธคำเชิญอย่างสุภาพและรวดเร็ว  แต่ เสียงของเขาทำให้ทุกผู้ในที่ีนี้สับสนยิ่ง

 

ถังหยวนหัวเราะลั่น  เขามิอาจควบคุมได้  ตบพุงตัวเองหลายหน ใบหน้าของเขากระตุก ราวกับอยู่บนหุบเหวแห่งความตาย  ถังหยวนอดทนต่อแรงกดดันของจวินโม่เซี่ยมาเป็นเวลานาน  เขาเข้าใจถึงการยุแหย่และความสามารถของจวินโม่เซี่ยมายาวนาน  แต่ ผู้อื่นมิได้เข้าใจวาจาของจวินโม่เซี่ย  มีเพียงเจ้าอ้วนเท่านั้น ที่เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริง และมิอาจกลั้นหัวเราะได้ …

 

ทุกผู้มองถังหยวนด้วยความรังเกียจเนื่องจากพวกเขามิเข้าใจความลึกลับของวาจาหล่านั้น

เจ้าอ้วนนี้ปลิ้นปลอกยิ่ง !  เจ้าอยู่ที่นี่กับจวินโม่เซี่ย แต่เจ้ากลับหัวเราะเมื่อเห็นเขาพ่ายแพ้ .. พฤติกรรมเช่นนี้น่ารังเกียจยิ่ง !

 

” คุณชายน้อยจวินมากฝีมือ เหตุใดเขาจึงยอมแพ้ ?  มิควรเป็นเช่นนี้ เขาจำต้องเอ่ยกวีเพื่อให้ทุกผู้ได้ฟังตัดสิน “

ฮั่นจีตุ้งกระโดดขึ้นและยกยอจวินโม่เซี่ยอย่างไร้ยางอาย

 

” คุณชายน้อยรังเกียจจักแข่งขันกับพวกเรา ? “

ดวงตา เหม๋ยเกาเจี้ย เคลื่อนไปยังจวินโม่เซี่ยขณะเขายังคงสร้างแรงกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง

” นี่อาจเป็นวิธีการที่มิอาจยอมรับได้ในวิธีการของบัณฑิต ! “

 

” คุณชายน้อยจวินมาจากสกุลทางทหาร .. เช่นนั้น จึงมิอาจเลี่ยงได้ว่าเขานั้นมิได้มากสามารถนัก “

เหล่าปราชญ์หัวเราะ  เขาโบยบินด้วนความรู้สึกพึงพอใจและเป็นสุกใสความสำเร็จนี้  ดูราวพึงพอใจที่ได้เห็นจวินโม่เซี่ยตกอยู่ในความอัปยศ

” เช่นนั้น น่าประหลาดใจอันใดที่เขายอมแพ้ในเรื่องนี้ ? “

 

ประโยคนี้จึงเป็นมุขตลกที่ไม่ควรทำให้ผู้ใดหัวเราะ  แต่ ทุกผู้หัวเราะลั่น และเต็มไปด้วยความประสงค์ร้าย

 

. ความจริงแล้ว ข้าดูถูกเจ้า !

 

จวินโม่เซี่ยมิได้เอ่ยวาจานี้ออกมา

แต่ตอนนี้เจ้าขอให้ข้าดูหมิ่นเจ้า และทำมันด้วยความพยายาม  ราวกับครั้งก่อนเจ้ายังได้รับมันไม่เพียงพอ  อีกไม่นานเจ้าจักเสียใจ …

 

จวินโม่เซี่ยพ่นลมทางจมูกเยือกเย็น

” ข้ามิได้ไม่สุภาพเนื่องจากทุกผู้รอคอยกวีของข้า  แต่ ข้ามิได้เจอกวีมากมายในระหว่างที่ได้เล่าเรียน ดังนั้น ข้าควรจักแต่งเพลงเพื่อความสุขของทุกผู้ …”

 

” แต่งเพลง ?  คุณชายน้อยจวิน มากสามารถมิอาจคาด !  ทุกการเคลื่อนไหวของเขานั้นราวบทกวี  น่าเลื่อมใสยิ่งนัก น่าเลื่อมใสยิ่งนัก ! “

ฮั่นจีตุ้งกระทำอีกหน  เขายิ่งเกลียดชังจวินโม่เซี่ยมากยิ่งขึ้นตั้งแต่เขาพ่ายแพ้ในการแต่งกลอน  แต่ เขาจักปล่อยให้ตัวเองโดนจวินโม่เซี่ยโจมตีได้อย่างไร ?  การพ่ายแพ้ในงานนี้เป็นดั่งการทำลายอนาคตของตัวเอง

 

แต่ ตอนนี้เขาได้รับโอกาสในการล้างแค้น  เขาจักปล่อยมันไปได้เช่นไร ?  มิใช่เพื่อ สถาบันเหวินเชียง หากแต่เขาทำมันเพื่อตัวเอง

 

” สถาบันเหวินเชียง … ปราชญ์มากฝีมือ .. “

จวินโม่เซี่ยเงยหน้าขึ้น และยิ้มอย่างมีนัย

” นี่คือพฤติกรรมที่เหมาะสมแล้ว ?  จักดักว่าหากข้าขี่ม้าไปยังหอนางโลม คว้าหญิงสาว และจากนั้นกระทำการอันป่าเถื่อน … โดยมิต้องงดเว้นจากอาชญากรรมและความมึนเมา นี้หรือเป็นผู้ที่สถาบันจักส่งให้อาณาจักร ?  เหตุใดเจ้ามีทัศนคติทางการเมืองเช่นนั้น … และกระทำดั่งเจ้าบ่าวผู้ประสงค์จักเปลี่ยนเจ้าสาวในทุกราตรี ? “

 

เขาเอ่ยประโยคนั้นอย่างอ่อนนุ่มราวกับราวกับเขาหลงไปนอกลู่ทาง แต่ มันทำให้ผู้ฟังสนใจ  แววตาขององค์จักรพรรดิลุกโชน สีหน้าครุ่นคิด

 

เพ่งมองไปออกไป

 

ทุกผู้ตระหนักได้ว่าประสงค์ของ สถาบันเหวินเชียง ที่จักต้องได้รับชัยนั้นแข็งแกร่งเสมอ และดื้อดึงในทุกการแข่งขันที่ผ่านมา ..

 

ทันใดนนั้น ทุกผู้เพ่งมองไปยังจวินโม่เซี่ย

เด็กผู้นี้มิได้สนใจในการแข่งขันนี้จริงหรือ ?  หรือ เขาบอกเรื่องนี้ออกมาโดยเจตนา ?

 

ทุกผู้ดูสิ้นหวังอย่างยิ่ง

คิดถึงเรื่องนี้เรื่องนี้ … ชั่วร้าย ยิ่งนัก

 

จากนั้นจวินโม่เซี่ยขมวดคิ้ว ยืนขึ้นและเดินจากเก้าอี้เชื่องช้า  คอของเขาตั้งตรงขณะที่เดินก้าวที่แปด  ราวกับมันเคลื่อนตรงไปเนื่องจากการเคลื่อนไหวของขาและเอว แต่ ในความเป็นจริง … ทั้งร่างของเขาเคลื่อนถอยหลัง  ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นผลักเขาถอยหลัง  อกของเขาสั่น … ราวถูกไฟฟ้าช็อต การเคลื่อนไหวของคุณชายน้อยจวินแปลกประหลาดและไม่เป็นธรรมชาติ … ตอนนี้ … มันเป็นอิสระ และเรียบง่าย

 

ทุกผู้จากโลกก่อนของเขารู้ถึงการกระทำของเขาในทันที การเหลื่อนไหวเหล่านั้นเป็นของ ไมเคิลแจ็คสัน ตำนานแห่งมูลวอร์ค และ ท่าหุ่นยนต์ !   การเคลื่อนไหวระดับโลกจากชีวิตก่อนของเขาตอนนี้ได้มาปรากฏขึ้นในโลกนี้แล้ว …

 

ในเวลานี้เหล่าผู้ที่รู้จักต้องเริ่มกรีดร้องแล้ว

การเคลื่อนไหวนี้น่าตกตะลึงยิ่ง!  มุมของคอนั่นบ้ายิ่งนัก !  มูลวอร์คนี้ช่างเป็นเลิศ ว้าว !  ราวกับเจ้ามีวิญญาณแห่ง ไมเคิลแจ็คสันสิงสู่ !

 

น่าเสียดายยิ่งที่ไร้ผู้ใดในโลกนี้ซาบซึ้งในศิลปะของมัน  ผู้คนเหล่านี้มิได้เห็นการเคลื่อนไหวอันสวยงามของคุณชายน้อยจวิน

อ่าห์ …. สามารถยิ่ง  เวลานี้ไร้ผู้ใดยอมรับ .. แต่พวกเขาจักตัดสินในเวลาที่ข้าเริ่มดูหมิ่นพวกเขา ?  โลกนี้มิได้เข้าใจในความสามารถ !  เช่นนั้น ข้ามิคาดว่าคนเหล่านี้จักเข้าใจสิ่งนี้  ข้าจักไม่หยุดจนกว่าข้าจักพอใจ !  วันนี้ข้าจักมิถอย !

 

ทุกผู้ในท้องพระโรงเพ่งมองเขาราวคนเขลา  พวกเขารู้สึกว่ามิอาจทนดูสิ่งนี้ได้อีกต่อไป

หลานชายจวินจ้านเทียนตลกยิ่งนัก สกุลจวินสร้างผลงานเช่นนี้ขึ้นมาได้เช่นไร ?

ทุกผู้ไร้วาจา …

 

พวกเขาเห็นเขาส่ายเอว … และกลายมาเป็นท่าเต้นราวหุ่น มือขวาเขาสบัดขึ้นชูเหนือหัว ขณะมือซ้ายสบัดไปมาขณะดีดนิ้ว จากนั้นเคลื่อนมาที่ท้อง และเริ่มเคลื่อนไหวด้วยท่าทางตุ้งติ้ง

 

จักเป็นที่ยอมรับได้หากจวินโม่เซี่ยแสดงท่าการเคลื่อนไหวเช่นนี้ในชีวิตก่อน … ซึ่งพวกเขาถือได้ว่านี่เป็นท่วงท่าการเต้นที่ยากยิ่ง และถือได้ว่าเป็นการเต้นที่ยอดเยี่ยม แท้จริงแล้ว ท่วงท่าเหล่านี้มิอาจทำได้หากขาดตกซึ่งการฝึกฝน แต่จวินโม่เซี่ยเคลื่อนไหวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?  หากพวกเขาสามารถกระทำเช่นนี้ได้ จักถือได้ว่าเป็นการเต้นขั้นสุดยอด

 

แต่ ผู้คนในโลกนี้สามารถเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวที่ยุ่งยากและศิลปะชั้นสูงเช่นนี้ได้เพียงการกระทำของเหล่าบุรุษในห้องนอนเท่านั้น แม้แต่สตรีก็รู้สึกเช่นเดียวกัน  พวกเขามองดูการเคลื่อนไหวที่ยั่วยวนและรวดเร็วของร่างส่วนล่างของเขา … . เป็นสิ่งที่ … มิอาจทนได้ !​

 

” อู้ววว … “

จวินโม่เซี่ยกรีดร้อง ราวกเขากำลังคร่ำครวญ ในท้องพระโรงมีเหล่าองค์ชาย … รวมถึงสตีผู้มีชื่อ และองค์จักรพรรดิ … นั่งอยู่  พวกเขาทุกผู้สาปแช่งด้วยโทสะ

ชายผู้นี้หยาบคายยิ่งนัก !  เขาไร้ยางอายสิ้นดี !  การแสดงท่าทีเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย !

 

ดวงตาอของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ เริ่มลุกโชน ขณะที่ใบหน้าอันงดงามขององค์หยิงหลิงเมิงเริ่มซีดเผือก  พวกนางปรารถนาจักมุดลงในดิน เจ้าสัตว์ร้ายนั้นฉีกพวกนางเป็นชิ้นๆ !

สิ่งนี้น่าอับอายยิ่ง !  หยาบคายยิ่งนัก !

 

” ฟังข้า … เนื่องจากข้าเอ่ยด้วยความหงไหล

 

ผู้ที่อัปลักษณ์มิอาจกระทำ

 

มิต้องเอ่ยว่าเจ้ารักข้า

 

ข้าชั่วช้าเกินไป

 

มิต้องลุ่มหลงในบุรุษผู้นี้

 

บุรุษผู้นี้เป็นตำนาน

 

อย่าทำให้ข้ามีโทสะ

 

ข้าจักทำให้เจ้าต้องกระอักเลือด “

 

จวินโม่เซี่ยเอ่ยร้องท่อนนี้ต่อหน้าสายตาแห่งสาธารณะ  แต่ น้ำเสียงของเขามิอาจมีผู้ใดทนได้ ขณะเขาเอ่ยต่อ

 

” อย่าได้ใจแขบกับข้า

 

บุรุษผู้นี้คือบิดาเจ้า

 

มิควรยั่วยุข้า

 

ข้าจัดเฉือดเจ้าเป็นชิ้นน้อย

 

หัวใจของบุรุษผู้นี้รกร้างว่าเปล่า

 

ข้าจักสังหารเจ้าและแผดเผาทุกสิ่ง

 

เจ้ากล้าหรือทำให้ข้าอับอาย ?

 

มารดาเจ้า ! “

 

ขณะจวินโม่เซี่ยเอ่ยจบ นิ้วของเขาชี้ตรงไปยัง บัณฑิตของ สถาบันเหวินเชียงเพื่อบ่งบอกถึงผู้ที่เอาเอ่ยอ้าง  ใบหน้าของเขามีโทสะและชั่วร้าย

ข้าดูถูกเจ้าอยู่ เจ้าเฒ่าน่ารังเกียจ !  เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทำให้ข้าอับอายหรือ ?  แม่เจ้า !  เจ้ามิรู้หรือข้าเป็นผู้ใด เจ้าเฒ่า ?

 

เกิดความวุ่นวายขึ้นในเหล่าผู้ชม

 

ใครคือผู้ที่ดูเขา ?  พวกเขาคือเจ้าหน้าที่ทางการซึ่งเฝ้าเอ่ยวาจาเพียงมุมมองตัวเองมาตลอดชีวิต  พวกเขาอดทนต่อทุกการดูหมิ่น และใคร่ครวญว่าจาเพื่อมิเอ่ยวาจายหยาบคาย แต่ จวินโม่เซี่ยชี้ตรงไปยังฝ่ายตรงข้ามของเขาและดูหมิ่น

 

ทุกคำประพันธ์ของเขาอันธพาลผู้นั้น ทุกถ้อยคำของคนชั่ว จากนั้น ท้ายที่สุดเขาชี้นิ้วตรงไปยัง บัณฑิตแห่ง สถาบันเหวินเชียง และโยนวาจาดูหมิ่นไปยังพวกเขา  ยิ่งไปกว่านั้น เขายังข่มขู่และดูหมิ่นใครบางคนที่อาวุโสกว่าเขา

 

” เจ้า เจ้า เจ้า เจ้า….เจ้า…เจ้า…. “

เหม๋ยเกาเจี้ยและ คุ้งหลิงหยางเป็นที่เคารพของเหล่า บัณฑิต เขาจักเคยได้ประสบความอับอายเช่นนี้มาก่อนได้อย่างไร ?  และไม่เพียงเท่านั้น อันธพาลผู้นั้นดูหมินเขาต่อหน้าเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการระดับสูง เขากระทำเช่นนี้ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ !  พวกเขามีโทสะยิ่งนัก  ร่างของพวกเขาเริ่มสั่นรุนแรง ไปถึงหนวด  ใบหน้าของเขาเริ่มเป็นสีฟ้า และดวงตากรอกกลับหลัง .. ราวกำลังจะเป็นลมด้วยโทสะ

 

” เจ้าชั่ว ! “

จวินจ้านเทียนกระโดดขึ้น  หนวดของเขายุ่งเหยิงขณะเดินมาด้วยโทสะ  เขามิได้ยับยังโทสะขณะเตะอย่างรุนแรงไปที่ก้นของหลานชาย  ดูเหมือนจวินโม่เซี่ยจักลอยเข้าไปยังกลุ่มควันอย่างแม่นยำและกำลังจักกระแทกเข้ากับเสาของท้องพระโรง สมองของเขาคงจะไหลออกจากกระโหลกหากกระแทกเข้ากับเสานั่น

 

แต่ มีชายผู้หนึ่งเข้ามาและช่วยเขาไว้

 

แต่ผู้ใดกัน ?

 

ผู้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับปู่จวิน … คือ ตู่กู้ซ้งเฮง

 

ทั้งสองทำงานด้วยกันมานานับปี  เช่นนั้น จักมิรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน ?  เขาไปยืนอยู่ในจุดที่เหมาะสม และคว้าตัวจวินโม่เซี่ยไว้  ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะตะโกน

 ” จวินจ้านเทียน !  เจ้าโง่เขลาอันใดเช่นนี้ ?  เจ้าประสงค์จักสังหารเด็กหนุ่มที่เหลือเพียงผู้เดียวในสกุลกระนั้นหรือ ?! “

 

อาวุโสผู้นี้มีบางสิ่งที่ต่างออกไป … เขาถามจวินจ้านเทียนอย่างตรงไปตรงมาว่าจวินจ้านเทียนประสงค์จักสังหารเด็กหนุ่มเพียงผู้เดียวในสกุล และดูเหมือนจักหยุดเขาด้วย … หากจำเป็น

 

” พวกเจ้าไม่มีผู้ใดหยุดข้าได้ !  ข้าจักต้องสังหารเจ้าสัตว์นี่ !  พวกเราต้องเสียเกียรติ !  เขามิได้มีสกุลจวิน !  เขาจักมิเปลี่ยนเป็นคนใหม่หากข้ามิสั่งสอน ! “

จวินจ้านเป็นบ้าไปด้วยโทสะ  ดวงตาเขาแดงก่ำ และราวกับกำลังจะถลนออกมา  ดูราวเขาประสงค์จักถลกหนังของหลานชายออกจนเหลือเพียงกระดูก

 

แต่ วาจเหล่านั้นทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ทางทหารและพลเรือนดูหมิ่นสกุลของเขา

..เกียรติอันใดที่เขาต้องมัวหมอง ?  จวินจ้านเทียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกียรติคืออะไร ?  ตอนนี้เจ้ายังมิคุ้ยเคยกับการกระทำของหลานชายเจ้าอีกหรือ ?  วันนี้ กี่ครั้งแล้วที่เขาทำให้ชื่อเสียงขอสกุลเสื่อมเสีย ?  แต่ตอนนี้เจ้าเพียงเอ่ยว่าจักสังหารเขาเท่านั้น ?  เจ้าเปลี่ยนความคิดจักสั่งสอนเขาขึ้นมาตอนนี้หรือ ?  น่าชมเชยยิ่งนัก !

 

กระนั้น พวกเขายับยั้งคำสาปแช่งเหล่านั้นเพียงในใจและกระทำตามปู่ตูกู้  ทุกผู้พุ่งตรงไปยังจวินจ้านเทียน ดึงแขนและขาเพื่อหยุดยังเขา  เขาจักรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ?

 

ถังหยวนร้องขึ้น  เสียงของเขาสะท้อนก้อง

” เขาตายแน่ … เขาตายแน่ ผู้ใดก็ได้ช่วยเขาที !  คุณชายน้อยสาม ท่านพี่ข้า … อย่าตายนะ … ว๊ากกกกก ! “

น้ำตาน้ำมูกถังยหวนกระเด็นใส่จวินโม่เซี่ยราวน้ำทะเลขึ้น

 

ทันใดนนั้นเกิดเสียงดังลั่นเนื่องจา องค์จักรพรรดิทุบเข้าที่พักแขนบัลลังก์ และตะโกนด้วยโทสะกึกก้อง

” เงียบ !  เงียบ  เรื่องน่าอายอันใดกัน ! “

 

อำนาจที่ส่งมาจากบัลลังก์นั้นทำให้ทุกผู้หยุดนิ่งและมองหน้ากันในทันที  พวกเขาเริ่มส่งเสียงครวญคราง  รู้สึกราวความแข็งแกร่งของพวกเขาจางหายไป  แต่ แต่บางผู้ก็มิได้ใช้้ความพยามอันใดกับความวุ่นวายนี้ …

 

” ฝ่าบาท โปรดมอบความยุติธรรมให้เราด้วย   ได้โปรดลงโทษเจ้าชั่วช้าไร้ยางอายผู้นี้ ! “

เหม๋ยเกาเจี้ยหลั่งน้ำตาเล็กน้อยขณะคุกเข่าลงบนพื้น  มีเหล่บัณฑิตมากมายที่สำเร็จละล้มเหลวในหลายปีนี้  แต่กระนั้น มีผู้ใดได้รับการกระทำให้อับอายด้วยการเหยียดหยามเช่นนี้หรือไม่ ?  กรณีเช่นนี้เป็นความอัปยศอย่างยิ่งกับเขา

 

จวินโม่เซี่ยหมดสติอยู่บนพื้น มุมปากของเขาเคลื่อนลง เขานอนนิ่ง

 

” ข้าผิดหวังยิ่งในเรื่องวันนี้ !  ผิดหวังยิงนัก ! “

องค์จักระพรรดิสบัดปลอกแขนไปด้านหลัง

” สกุลอันยิ่งใหญ่จักทะเลาะเบาะแว้งกันทุกค่ำคือนกระนั้น ?   สถาบันเหวินเชียง จักใจแคบและคิดเล็กน้อยแทนที่จักกระทำคุณประโยชน์แก่ผู้คนสามัญได้อย่างไร ?  งานรื่นเริงนี้จบแล้ว !  พวกเจ้าทั้งหมดกลับบ้านไป และพิจารณาตัวเอง ! “

 

ทุกผู้สับสนในสิ่งที่ได้ยิน  องค์จักรพรรดิเอ่ยวาจาเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

ทันใดนนั้น พวกเขาทั้งหมดได้ยินเสียงฝีเท้าอันรีบเร่ง เสียงตื่นตกใจร้องดังขึ้นทันที

” รายงานความขัดแย่งเร่งด่วน ! “

 

เจ้าหน้าที่ทหารนิ่งงันขณะพวกเขามองขึ้นมา  การต่อสู้เป็นบางสิ่งที่ผู้เฒ่าอาวุโสเหล่านี้ปรารถนา แต่มีได้รับความสุขเหล่านั้นมาเนิ่นนาน

 

ราชองครักษ์เร่งรีบมา คุกเข่า และแสดงม้วนกระดาษต่อองค์จักรพรรดิ

 

” เหล่าสัตว์เชวียนในป่าเถียนฟาโจมตีหัวเมืองทางใต้ของเรา ?  เป็นไปได้เช่นไร ? “

องค์จักรพรรดิมิอาจไม่กลั้นมิให้ใบหน้าบูดบึ้ง  พระองค์งุนงงในสิ่งที่ได้อ่าน  ใบหน้าบูดบึ้งของพระองค์นั้นลึกซึ้งยิ่ง

” ผู้คนอยู่ในอันตราย  อาจารย์ ฉีฉางเซี่ยว และ ฉือฮั่นออกคำสั่งเรียกทุกคนแล้วหรือไม่ ?  สิ่งเหล่านี้เป็นความจริง ? “