“ท่านข่านวางใจ กระหม่อมจะวางแผนการเรื่องนี้ให้ดี” เซียวชินประสานมือรับคำ มอบความมั่นใจให้ราชาต้ามั่ว  

 

 

ลู่หวานหว่านรีบลุกไปเบื้องหน้าเซียวชิน ค้อมกายคารวะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ชีวิตของหวานหว่านก็ฝากไว้กับท่านจั่วอี้อ๋องแล้ว” 

 

 

นางพูดไปก็ส่งสายตาเย้ายวนให้เซียวชิน  

 

 

เซียวชินสีหน้าคล้ายน้ำแข็ง เอ่ยเสียเย็นชา “ข้าวางแผนเพื่อราชากับต้ามั่วเท่านั้น เจ้าอย่าได้คิดมากไปเอง” 

 

 

ลู่หวานหว่านสีหน้าแข็งทื่อ ทว่าไม่ช้าก็กลับมาสงบได้ ยิ้มเอ่ย “เหตุใดจั่วอี้อ๋องถึงต้องผลักไสผู้อื่นออกห่างเช่นนี้ อนุ…” 

 

 

 “ท่านข่าน ศัตรูกำหนดเวลาแลกเปลี่ยนเสบียงกับคนไว้เมื่อไหร่” เซียวชินเมินนางอย่างตรงไปตรงมา มองไปที่ราชาต้ามั่ว  

 

 

ราชาต้ามั่วมองเซียวชิน “สามวันหลังจากนี้” 

 

 

เซียวชินพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็กำหนดตามนี้ กระหม่อมจะคัดยอดฝีมืออีกสามวันนำคนไปแลกเปลี่ยนกับพวกเขาด้วยตนเอง” 

 

 

ราชาต้ามั่วขมวดคิ้วแปลกใจ “จั่วอี้อ๋องจะไปด้วยตนเองหรือ” 

 

 

เซียวชินเหยียดยิ้ม “ไปด้วยตัวเอง ถึงจะรู้ว่าศัตรูจะเล่นละครบทไหน” 

 

 

ราชาต้ามั่วพยักหน้า “เช่นนั้นจั่วอี้อ๋องระวังตัวด้วย” 

 

 

 “ขอรับ” หลังจากเซียวชินรับคำ สองมือประสานคำนับหมุนกายจากไป 

 

 

บทสนทนาของคนทั้งสอง ไม่ได้ใส่ใจลู่หวานหว่านเลย นางประดักประเดิดอยู่ศูนย์กลางของกระโจม ใบหน้าเดือดดาล 

 

 

ราชาต้ามั่วมองนาง สายตาไม่ร้อนไม่หนาว “จั่วอี้อ๋องหาใช่คนที่จะคบหาด้วยได้ง่าย” 

 

 

เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ลู่หวานหว่านกระตือรือร้นต่อเซียวชินมากเกินไป สร้างความไม่พอใจของราชาต้ามั่ว  

 

 

ลู่หวานหว่านหาใช่คนโง่งม รู้ว่ายามนี้ราชาต้ามั่วคือแหล่งพักพิงเดียวของตน รีบปาดน้ำตา มองราชาต้ามั่วด้วยความระทม “อนุจะไม่ประจบเอาใจจั่วอี้อ๋องได้อย่างไร ในเมื่อชีวิตของอนุอยู่ในมือเขา ทั้งยังมีบุตรชายที่เพิ่งถือกำเนิดของอนุ หากอนุตายไปแล้ว อย่างนั้นบุตรของอนุ…”  

 

 

นางร้องไห้สมเหตุสมผล ราชาต้ามั่วใจอ่อนยวบไปหลายส่วน เอ่ยว่า “เจ้ามิต้องเสียใจเพียงนี้ ข้าเชื่อมั่นในความสามารถของจั่วอี้อ๋อง เขาสามารถพาเจ้ากลับมาทั้งที่มีชีวิตอยู่ได้” 

 

 

 “อืม” ลู่หวานหว่านพยักหน้า เช็ดน้ำตา 

 

 

   …… 

 

 

ห้องของซือถูเฉียง  

 

 

ซือถูเฉียงนอนพักฟื้นอยู่บนเตียง ซือถูเฟิงเฝ้านางอยู่ข้างเตียง 

 

 

ซือถูเฉียงปาดน้ำตา มองซือถูเฟิงเอ่ยว่า “พี่ชาย ท่านต้องช่วยเฉียงเอ๋อฆ่านางสารเลวนั่นนะ หากมิใช่เพราะนางสารเลวนั่น พี่เยี่ยนต้องไม่ทำเช่นนี้กับข้าแน่”  

 

 

เหมือนกับว่าสตรีที่ล่วงเกินเยี่ยเม่ยในเวลานี้ต่างได้แต่อยู่ในสภาพปาดน้ำตา 

 

 

ซือถูเฟิงมองขากางเกงวางเปล่าของซือถูเฉียง รวมถึงท่าทางดอกสาลี่ต้องน้ำฝนนั้น ในใจเหมือนถูกมีดกรีด น้องสาวของตน นับแต่เล็กจนโตคนในครอบครัวถนุถนอมเติบใหญ่ ฮองเฮายังรักนาง ใครจะคิดว่าไม่พบกันหลายวันเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้แล้ว  

 

 

เขามองซือถูเฉียง เอ่ยปากว่า “นางสารเลวนั่น พี่ไม่มีทางปล่อยไปแน่ เพียงแต่เฉียงเอ๋อ ภายหน้าเจ้าอย่าได้มีใจให้กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอีกเลย เขาไม่ใช่คนดี”  

 

 

 “ข้าไม่ยอม” ซือถูเฉียงส่ายหน้าปฏิเสธ สายตามุ่งมั่น “เขาคือองค์ชายที่เข้มแข็งและหล่อเหลาที่สุดในราชวงศ์เป่ยเฉิน มีแต่เขาถึงคู่ควรกับข้า” 

 

 

ซือถูเฟิงเอ่ยด้วยโทสะ “เจ้าคิดหรือเปล่าว่า องค์ชายใหญ่กับเขาเป็นพี่น้องร่วมอุทร องค์ชายใหญ่ถึงเป็นผู้สืบทอดที่ฮ่องเต้กับฮองเฮาให้ความสำคัญ หากเจ้าทำตามความต้องการของท่านพ่อ แต่งให้กับองค์ชายใหญ่ ภายหน้าเจ้าจะเป็นมารดาของแผ่นดิน” 

 

 

ซือถูเฉียงมองซือถูเฟิงอย่างไม่ยินยอม “แต่เมื่อองค์ชายใหญ่พบพี่เยี่ยนก็กล้ำกลืนฝืนทนไม่ต่างกันไม่ใช่เหรอ ต่อให้เขาเป็นฮ่องเต้แล้วจะทำไม จะทำอะไรยังต้องคอยมองสีหน้าของพี่เยี่ยนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง” 

 

 

 “เป่ยเฉินเสียเยี่ยนใส่ใจเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าเห็นเขาดีขนาดนี้แล้วเป็นอย่างไร ใครเป็นคนหักขาเจ้าขาดด้วยตนเอง หรือว่าเจ้าลืมไปหมดแล้ว” ยามนี้ซือถูเฟิงก็โมโหแล้ว คิดด่าว่านางให้ตื่น 

 

 

เขาเอ่ยเช่นนี้ ซือถูเฉียงน้ำตาคลอมองเขา กระบอกตาแดงก่ำ น้ำตาเม็ดโตไหลลงมา 

 

 

ซือถูเฟิงค่อยตระหนักได้ว่าตนเองโกรธจนร้อนใจ เอ่ยคำพูดที่ไม่สมควร  ตอกย้ำความเจ็บปวดของนาง ยามนี้เขาโทษตัวเอง เอ่ยปากว่า “พี่ผิดเอง พี่พูดจาไม่ดี แต่เฉียงเอ๋อ ในใจเจ้าสมควรรู้ว่า ที่เจ้าเป็นเช่นนี้ ก็ไม่อาจเป็นพระชายาองค์ชายสี่ หรือพระชายาองค์รัชทายาทได้แล้ว” 

 

 

อย่างไรเสียราชวงศ์ก็ไม่อนุญาตให้สตรีพิการผู้หนึ่งแต่งเข้าเป็นสะใภ้ได้ 

 

 

ซือถูเฉียงขบริมฝีปาก กำมือแน่น กัดฟันเอ่ย “ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องแต่งให้กับพี่เยี่ยนให้ได้ ต่อให้เป็นอนุ ข้าก็ยินยอม” 

 

 

เห็นสีหน้ามุ่งมั่นเช่นนี้ของนาง ซือถูเฟิงรู้ว่าโน้มน้าวไม่สำเร็จแล้ว 

 

 

เขาสูดลมหายใจลึก เอ่ยปากว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็รักษาตัวอย่างสงบเถอะ วางใจได้ นางสารเลวผู้นั้นมีชีวิตอีกไม่นานหรอก ข้าให้คนส่งสารไปยังเมืองหลวง เสด็จป้าฮองเฮาส่งทหารไปสังหารนางนั่นแล้ว ขอเพียงไม่มีใครขัดขวาง เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาด”  

 

 

ซือถูเฟิงเพิ่งกลับมา จึงไม่รู้เรื่องที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีคำสั่งให้กำจัดคนของฮองเฮา  

 

 

ซือถูเฉียงพยักหน้าวางใจ แววตาฉายแววร้ายกาจ เอ่ยปากว่า “ท่านต้องบอกท่านป้าว่า ข้าต้องการถลกหนังนาง แล่เนื้อนางออกทีละชิ้นๆ ถึงคลายความแค้นในใจข้าได้” 

 

 

 “เจ้าวางใจเถอะ” ซือถูเฟิงพยักหน้าทันที 

 

 

ในเวลานี้เอง ด้านนอกพลันเกิดเสียงร้องดังมา 

 

 

ซือถูเฟิงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ มองประตู ไม่ช้าทหารคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา คุกเข่าลงมองซือถูเฟิง รายงาน “ท่านแม่ทัพ ไม่ดีแล้ว แม่ทัพหลี่นำทหารมา เขายังนำกระบี่พระราชทานมาด้วย บอกว่าต้องการชีวิตของท่านหญิง” 

 

 

 “อะไรนะ กระบี่พระราชทาน?” ซือถูเฟิงลุกขึ้นอย่างไม่เชื่อ 

 

 

ซือถูเฉียงใบหน้าขาวซีด 

 

 

นายทหารคนนั้นเอ่ยปากต่อว่า “เป็นกระบี่พระราชทานไม่ผิดแน่ ดังนั้นคนของเราไม่กล้าลงมือ เพียงแต่รั้งไว้ ตอนนี้จวนจะรั้งไว้ไม่อยู่แล้ว ท่านแม่ทัพรีบตัดสินใจเถอะขอรับ” 

 

 

ซือถูเฟิงหน้าเขียวคล้ำครู่หนึ่ง พลันคิดขึ้นมาได้ว่า “กระบี่พระราชทานมีเล่มเดียว ไม่ใช่อยู่กับใต้เท้าเฉินหรอกหรือ เขาคือคนที่ทางเมืองหลวงส่งให้มาเป็นผู้ตรวจการทหาร ตามกฎของราชสำนัก กระบี่พระราชทานไม่อาจส่งให้กับคนอื่น ไฉนแม่ทัพหลี่ถึงมี? หรือว่า…” 

 

 

ซือถูเฟิงใคร่ครวญ ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คนทั้งเป่ยเฉินที่สามารถทำเรื่องไร้กฎหมายแบบนี้ได้นอกจากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว ก็ไม่มีคนที่สองให้คิดอีก ต้องเป็นเขาแน่ 

 

 

ซือถูเฟิงหน้าตึง 

 

 

นายทหารผู้นั้นเอ่ยอีกว่า “ท่านแม่ทัพ ไม่ว่าในมือของแม่ทัพหลี่ได้กระบี่พระราชทานด้วยวิธีใด ท่านก็ไม่อาจประมือกับเขาโดยตรง ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นกบฏ” 

 

 

ต่อให้กระบี่ในมือของแม่ทัพหลี่ไม่ใช่ฮ่องเต้ประทานให้ แต่ความหมายของกระบี่พระราชทานนั้นก็ยังอยู่ ไม่ว่าอยู่ในมือใคร เขาล้วนไม่อาจขัดขืน นี่คือหลักเดียวกับตราพยัคฆ์ 

 

 

ซือถูเฟิงตัดสินใจได้ในทัน หันกลับไปมองซือถูเฉียง “ข้าจะพาเจ้าหนี”  

 

 

เขาพูดจบก็แบกซือถูเฉียงขึ้น กระโดดออกไปจากหน้าต่าง 

 

 

นี่คือวิธีการเดียว หนี ไม่ต่อกรกับกระบี่พระราชทาน ก็สามารถกลับไปให้ฮองเต้กับฮองเฮาคืนความยุติธรรมให้ได้  

 

 

เขาพาซือถูเฉียงจากมาสักพัก 

 

 

แม่ทัพหลี่พาคนบุกทะลวงเขามา เห็นภายในห้องว่างเปล่า ในใจแม่ทัพหลี่ค่อยผ่อนลง ในที่สุดก็ไม่ต้องฆ่าคน ล่วงเกินฮองเฮากับพระเชษฐานางแล้ว 

 

 

แต่เขาแสร้งทำเอ่ยปากทันทีว่า “คนเล่า คนไปไหนแล้ว รีบไปนำตัวมา” 

 

 

เหล่าทหารรีบไล่ตาม 

 

 

คืนนี้จึงผ่านไปอย่างแตกตื่นวุ่นวายเช่นนี้ 

 

 

   …… 

 

 

วันต่อมา ยามเช้าตรู่ เยี่ยเม่ยตื่นขึ้น 

 

 

เพิ่งเดินออกจากห้อง ก็มีทหารคนหนึ่งเข้ามารายงาน “แม่นาง มีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งมาหาท่าน เขาบอกว่าจะมาหาท่าน ทั้งไม่ยอมบอกฐานะของตน เขามีฝีมือดีมาก คนของพวกเรารั้งเขาไว้ไม่อยู่ จะให้ไปรายงานองค์ชายสี่หรือไม่” 

 

 

เยี่ยเม่ยเลิกคิ้ว “เขาอยู่ไหน” 

 

 

บุรุษหนุ่มที่มีฝีมือ? จิ่วหุน?