แสงนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องพูดถึงซูจิ่นซีที่อยู่ท่ามกลางแสงสว่าง อู๋จุนกับมู่หรงอวิ๋นไห่ที่อยู่ด้านข้างยังรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ราวกับไฟแผดเผา
ไม่นานนัก แก้ม คอ และมือทั้งสองข้างของซูจิ่นซีก็บวมแดง เหงื่อบนหน้าผากไหลลงมาเป็นสายน้ำ
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ต่อให้ไม่ถูกเปลวเพลิงแผดเผาจนตาย หัวใจของนางก็คงไหม้เกรียมเพราะความร้อนของพลังภายใน” มู่หรงอวิ๋นไห่พูดขึ้น
อู๋จุนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขามองซูจิ่นซีที่อยู่ตรงกลางแสงสว่างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“แม่นางพิษน้อย เจ้าทนไว้ อดทนไว้! ”
อู๋จุนพุ่งเข้าหาซูจิ่นซีที่อยู่ตรงกลางลำแสงอย่างบ้าคลั่ง ไม่ต้องพูดถึงการเข้าใกล้ซูจิ่นซีเลย ทันทีที่เข้าใกล้แสงสว่าง เขาก็ถูกพลังมหาศาลผลักกระเด็นล้มลงบนพื้น
ทว่าอู๋จุนไม่ยอมแพ้ เขายังคงลุกขึ้นมาและพุ่งเข้าไปอีกครั้ง
เมื่อล้มลง ก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งเช่นนั้น
“แม่นางพิษน้อย เจ้าได้ยินเสียงพี่จุนหรือไม่ ได้ยินหรือไม่? ”
“หากได้ยิน ช่วยตอบสนองหน่อยเถิด! ”
“แม่นางพิษน้อย… ”
“แม่นางพิษน้อย… ”
มู่หรงอวิ๋นไห่ยืนนิ่ง พลางประสานมือไว้ข้างหลัง แม้ท่าทางที่มองขึ้นไปจะเย็นชาเคร่งขรึม ทว่าดวงตาทั้งสองราวกับมหาสมุทรลึกล้ำ มือที่ไพล่อยู่ด้านหลังค่อยๆ กำแน่น
“ฮ่องเต้มู่หรง ท่านทำอันใดกับแม่นางพิษน้อย ท่านทำอันใดกันแน่”
อู๋จุนตวัดฝ่ามือเตรียมโจมตีมู่หรงอวิ๋นไห่ ทว่ามู่หรงอวิ๋นไห่ไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย เขาเพียงโบกมือซัดอู๋จุนกระเด็นออกไป
“บัดซบ! ” อู๋จุนพลันเดือดดาล เขาหยิบแส้สีแดงข้างเอวออกมา “หากวันนี้ช่วยชีวิตแม่นางพิษน้อยไว้ไม่ได้ ท่านกับข้าก็ร่วมฝังร่างตามแม่นางพิษน้อยไป อย่าได้มีชีวิตรอดทั้งคู่”
อู๋จุนพูดพลางเหวี่ยงแส้ไปทางมู่หรงอวิ๋นไห่อย่างต่อเนื่อง
คราแรก มู่หรงอวิ๋นไห่มีท่าทีสงบนิ่ง เขาไม่สนใจการเคลื่อนไหวของอู๋จุนแม้แต่น้อย ทว่าทันทีที่อู๋จุนฟาดแส้เร็วขึ้น การปัดป้องของเขาจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก
ซูจิ่นซียังคงถูกแผดเผาอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง ที่ใจกลางแสงสว่างซึ่งเป็นตำแหน่งหัวใจของซูจิ่นซี เริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา
‘จ๊าก… ’
ทันใดนั้น เสียงร้องอันแหลมเล็กก็ดังขึ้น เสียงนั้นคล้ายเสียงร้องของนกกระเรียน ทว่าสูงและคมกว่า
“โฮก… ”
หลังจากนั้น อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น คล้ายเสียงคำรามของสัตว์เทพกิเลน ทว่าหนักแน่นและดุดันกว่า
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ตรงกลางแสงสว่างที่อยู่เหนือร่างของซูจิ่นซีก็ปรากฏภาพเสมือนของหงส์และมังกร
สัตว์เทพทั้งสองต่อสู้กันอย่างไม่ยอมลดละ พละกำลังสมน้ำสมเนื้อ เจ้าล่าข้าตาม ชวนให้อกสั่นขวัญแขวน
แต่ไหนแต่ไรมา มังกรและหงส์ล้วนสามัคคีกัน ทั้งมังกรและหงส์ต่างเป็นสัตว์มงคล จึงไม่เคยเห็นการต่อสู้ระหว่างกันมาก่อน กระทั่งขัดแย้งก็ไม่มี
เป็นไปได้อย่างไร?
อู๋จุนและมู่หรงอวิ๋นไห่ต่างมองด้วยความประหลาดใจ
คราแรก การต่อสู้ระหว่างมังกรและหงส์ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบ ต่อมามังกรเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบ หงส์เริ่มอ่อนกำลังลงเล็กน้อย ต่อมาหงส์ตอบโต้กลับ โจมตีมังกรอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็กัดเข้าที่ลำคอของมังกร
“ฟู่ว… ” ทันใดนั้น มังกรและหงส์ก็กลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้า พุ่งเข้าไปที่กลางหัวใจของซูจิ่นซี
“อ๊าก… ”
ซูจิ่นซีส่งเสียงกรีดร้อง ได้ยินเพียงเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบแกร๊บ และกล้ามเนื้อสั่นเทาไปทั้งร่าง
หลังจากที่แสงสว่างรูปมังกรและหงส์พุ่งเข้าสู่ร่างของซูจิ่นซี มันได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังสีแดงโลหิตและไหลออกจากร่างของซูจิ่นซีไม่หยุด
“แม่นางพิษน้อย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
อู๋จุนตกใจมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ทั้งยังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของซูจิ่นซี เขาต้องการแบ่งเบาความเจ็บปวดนั้นมาที่ตนเอง ทว่าไม่รู้ต้องทำเช่นไร จึงทำได้เพียงกำแส้ในมือแน่น หัวใจของเขาเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด
หลังจากที่แสงสีแดงโลหิตไหลบ่าออกมาจากร่างของซูจิ่นซีจนหมด ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นแสงสีทองและมารวมตัวกันอยู่บนแผ่นหลังของซูจิ่นซี รูปร่างที่บรรจบกันนั้นดูคล้ายปีก
เมื่อมองแสงสว่างที่หลงเหลืออยู่รอบตัว ทั้งร่างของซูจิ่นซีก็ราวกับหงส์
หงส์ยังอยู่ แล้วมังกรเล่า?
ความหมายของการต่อสู้กันระหว่างมังกรและหงส์เมื่อครู่คืออันใด?
“พลังสยบมังกร! ”
มู่หรงอวิ๋นไห่พูดขึ้นด้วยความตกตะลึง
“พลังสยบมังกร? ” อู๋จุนก็ประหลาดใจเช่นกัน
แม่นางพิษน้อยมีพลังสยบมังกรได้อย่างไร
การมีพลังสยบมังกรถือเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก และกับราชวงศ์ต้าฉิน…
หรือว่าแม่นางพิษน้อยจะเป็น…
ทันใดนั้น สีหน้าภายใต้หน้ากากเย็นชาของอู๋จุนก็ตกตะลึงจนไม่สามารถตกตะลึงได้อีก
เขารีบออกแรงอีกครั้ง เพื่อช่วยซูจิ่นซีออกมาจากกลางลำแสงนั้น มู่หรงอวิ๋นไห่ก็ก้าวไปช่วยอู๋จุนอีกแรง
“แม่นางพิษน้อยอดทนไว้ เจ้าอดทนไว้! ”
อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าแสงสว่างที่ออกมาจากร่างกายของซูจิ่นซี พลังของพวกเขาก็ราวกับเข็มที่ถูกกลืนหายไปในมหาสมุทร ไม่เพียงไร้ผลเท่านั้น ทว่ามันทำให้พวกเขาหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
จากนั้น แสงสีทองที่มีรูปร่างคล้ายหงส์ก็เลือนหายไป ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ ภายในถ้ำมืดลงอีกครั้ง ร่างของซูจิ่นซีค่อยๆ ตกลงบนพื้น
“แม่นางพิษน้อย! ”
อู๋จุนรีบวิ่งไปคว้าร่างของซูจิ่นซี
ใบหน้าของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยเหงื่อ ขนตาเปียกชื้นและสั่นไหว นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“เกิดอันใดขึ้น? ”
หลังจากผ่านพ้นเรื่องเลวร้าย อู๋จุนก็หัวเราะด้วยความตกใจ “แม่นางพิษน้อย เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง พี่จุนกลัวแทบตาย รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีเปิดปากพูด “ไม่เป็นไร เพียงแค่… พลังภายในร่างกายไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง ราวกับมันจะระเบิดออกมาจากร่างกายข้า”
ยามนี้ มู่หรงอวิ๋นไห่เก็บฝ่ามือและลุกขึ้นเดินพลังรอบตัวเป็นวงกลม เขาไพล่มือทั้งสองไว้ด้านหลัง พลางมองซูจิ่นซีด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“เดิมทีร่างกายของเจ้าคงจะมีพลังสยบมังกรอยู่ เมื่อข้าถ่ายเทพลังภายในให้เจ้า จึงเป็นการกระตุ้นพลังสยบมังกรของเจ้าให้ปะทุออกมา เจ้าลองปรับลมหายใจ และหลอมรวมพลังเดิมในร่างกายเจ้ากับพลังสยบมังกรเข้าด้วยกัน คงไม่เป็นอันใดแล้ว”
“พลังสยบมังกร? ”
ซูจิ่นซีไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน ทั้งยังไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ควรคิดอันใดมากนัก นางควรปรับลมหายใจตามที่มู่หรงอวิ๋นไห่อธิบายเมื่อครู่ ไม่เช่นนั้น ไม่ช้าก็เร็ว นางอาจตายด้วยความร้อนภายในร่างกาย
เดิมทีอู๋จุนคิดจะต่อว่ามู่หรงอวิ๋นไห่ ทว่าเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ทันใดนั้นเขาก็นิ่งเงียบไม่พูดอันใด และช่วยพยุงซูจิ่นซีให้นั่งดีๆ
ซูจิ่นซีนั่งขัดสมาธิ นางหลับตาลงและปรับลมหายใจตามคำแนะนำของมู่หรงอวิ๋นไห่
ทว่า…