ตอนที่ 134 ความปรารถนาอันชั่วร้าย

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกอ๋องฉีตัดบทด้วยเสียงอันโหดร้าย “หุบปากซะ ถ้ายังกล้าพูดมากอีกข้าจะ จับเจ้าโยนออกไปเดี๋ยวนี้”

 

 

หวงฝู่อวี้กลัวอ๋องฉีเข้ากระดูกดำ ได้ยินดังนั้นจึงนั่งเงียบอย่างเชื่อฟัง

 

 

เมื่อชุ่ยเหลียนและมอมอถูกสาดน้ำปลุก พวกเขาก็ร้องออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา

 

 

พระชายารองคลานออกมาจากข้างตัวหวงฝู่อวี้ไปยังมอมอสาวใช้แก่ ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “มอมอ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

มอมอลืมตาขึ้นก็เห็นพระชายารองมีท่าทางร้อนรน มีสีหน้าเป็นห่วงตน ก็รู้สึกอุ่นใจ ฝืนตอบเสียงอ่อนแรงว่า “นายหญิง ข้าน้อยเกรงว่าวันนี้ข้าน้อยคงต้องบอกลาท่านแล้ว คงไม่สามารถอยู่ดูแลท่านอีกแล้ว”

 

 

มอมอดูแลพระชายารองมาตั้งแต่เด็ก ดูแลดีราวกับลูกแท้ๆ ของตน พระชายารองได้ยินดังนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาทันที พร้อมส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่หรอก มอมอ ข้าจะให้คนไปตามหมอหมาเดี๋ยวนี้แหละ”

 

 

มอมอทำไม่ได้แม้แต่จะสายหน้า ได้เพียงขยับหัวเล็กน้อยเท่านั้น “ร่างกายของข้า ข้ารู้ตัวดีเจ้าค่ะ พระชายารองอย่าเป็นห่วงไปเลย” พูดจบ สายตาของนางก็หันไปทางอ๋องฉีที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างๆ กัดฟันพูดว่า “ท่านอ๋อง ขอให้ท่านมองความดีที่พระชายารองรักเดียวใจเดียวกับท่านมาโดยตลอดหลายปี ให้อภัยกับความผิดครั้งนี้ของนางเถิดเจ้าค่ะ”

 

 

อ๋องฉีไม่ใส่ใจนาง แต่กลับถามพระชายารองว่า “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมพูดความจริงอีกหรือ”

 

 

พระชายารองไม่ปริปากพูด

 

 

อ๋องฉีโกรธมาก รับสั่งว่า “เอานังแก่นี่ไปโยนทิ้งให้หมามันกิน!”

 

 

องครักษ์ตอบรับ

 

 

พระชายารองกลัวจนลนลาน รีบมาขวางทางเอาไว้ “ข้ายอมพูดแล้ว ข้ายอมพูด ท่านอ๋องได้โปรดเมตตาด้วย อย่าให้ศพของมอมอและชุ่ยเหลียนไม่สมบูรณ์เลย”

 

 

“พูดสิ เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้ ขอแค่เจ้าพูดออกมา ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำลายศพของสองคนนี้”

 

 

“นายหญิง อย่านะเจ้าคะ” มอมอจับมือของพระชายารองเอาไว้ รีบอ้อนวอนอ๋องฉี “ท่านอ๋อง เรื่องทุกอย่างข้าน้อยเป็นผู้สั่งให้ชุ่ยเหลียนไปทำเองเจ้าค่ะ ไม่เกี่ยวกับนายหญิงเลย ท่านอ๋องฆ่าข้าน้อยเถิดเจ้าค่ะ ”

 

 

พระชายารองยิ้มอย่างเวทนา “มอมอ อย่าเสียแรงเปล่าเลย ท่านและชุ่ยเหลียนเป็นคนใกล้ชิดของข้า ต่อให้ข้าบอกว่าข้าไม่ได้สั่งการก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องทั้งหมดนี่ข้าก็เป็นคนสั่งให้พวกเจ้าทำจริงๆ แล้วข้าจะยอมให้ศพพวกท่านไม่สมบูรณ์เพราะข้าได้อย่างไร”

 

 

พระชายารองนำมือของมอมอวางกลับคืนที่ร่างของนาง และยืนขึ้นช้าๆ หันกลับไปพยุงหวงฝู่อวี้ที่นั่งงงอยู่ให้ขึ้นไปนั่งบนเตียง และหยิบผ้าออกมาเพื่อเช็ดน้ำบนตัวของเขา

 

 

“เสด็จแม่ ท่าน…” ใจของหวงฝู่อวี้กระวนกระวายมากขึ้น จึงเปิดปากถามนาง

 

 

นางพูดตัดบทเขา “อวี้เอ๋อร์ ไม่ว่าเจ้ากำลังจะได้ยินอะไรต่อจากนี้ เจ้าจงอย่ากลัวไป”

 

 

หวงฝู่อวี้เห็นนางสงบลง จึงได้เพียงอ้าปาก แต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

 

 

พระชายารองหันหลังกลับ ลงนั่งหลังตรงที่ตั่งข้างเตียง พูดอย่างใจเย็นว่า “ท่านอ๋องอยากทราบอะไร ได้โปรดถามมาเลยเจ้าค่ะ ข้าจะยอมพูดทุกอย่างที่ข้าทราบ”

 

 

“เรื่องวันนี้เจ้าเป็นคนบงการใช่หรือไม่”

 

 

พระชายารองพยักหน้า “เจ้าค่ะ ทั้งหมดเป็นฝีมือของข้าเอง ชุ่ยเหลียนและมอมอแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”

 

 

เมื่อได้ยินนางสารภาพผิด อ๋องฉีคำรามอยู่ในหัว และถามต่อไปว่า “คุณหนูเฝิงไม่ได้มีเรื่องคับแค้นใจอะไรกับเจ้า เจ้าทำเยี่ยงนี้กับนางทำไม”

 

 

พระชายารองแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา ชี้ไปทางเมิ่งเชี่ยนโยวและพูดว่า “ท่านอ๋องพูดผิดแล้ว ข้าตั้งใจจะให้นังเด็กคนนี้เป็นคนดื่มชาต่างหาก ใครจะไปคิดว่าระหว่างทางจะไปเจอกับเด็กนั่นเข้า จนทำแผนของข้าพัง”

 

 

เมื่อสิ่งที่หวงฝู่อี้เซวียนคาดเดาได้รับคำตอบแล้ว ทำให้เขาโกรธเป็นอย่างมาก จึงรีบรุดไปด้านหน้า เมิ่งเชียนโยวรีบดึงตัวเขาไว้ ส่ายหัวให้เขาเล็กน้อย

 

 

พระชายารองเห็นปฎิกิริยาของเขาแล้ว สายตาก็เปล่งเอาความเกลียดชังออกมา “ซื่อจื่อคงอยากจะสูบเลือดสูบเนื้อของข้าใจจะขาดแล้วล่ะสิ ข้าก็เช่นกัน ข้าเองก็อยากจะสูบเลือดสูบเนื้อของท่านเช่นกัน”

 

 

หวงฝู่อวี้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

 

 

“เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเช่นนี้กับเซวียนเอ๋อร์” พระชายาฉีทนไม่ได้แล้ว นางถามไปด้วยความโกรธ

 

 

“ทำไมน่ะหรือ” พระชายารองยิ้มอย่างเลือดเย็น “ก็เพราะเขากำลังขวางทางของอวี้เอ๋อร์น่ะสิ หลายปีมานี้ เขาไม่เคยได้รับการเรียกตัวกลับมา แล้วทำไมจะต้องโผล่มายามที่จะแต่งตั้งซื่อจื่อ มาแย่งตำแหน่งซื่อจื่อของอวี้เอ๋อร์ไป ทำให้ลูกของข้าต้องกลายเป็นคุณชายรองของจวนแทน”

 

 

ในที่สุดหวงฝู่อวี้ก็เปล่งเสียงออกมา “เสด็จแม่ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ตำแหน่งซื่อจื่อมันควรเป็นของพี่ใหญ่อยู่แล้วนะขอรับ”

 

 

พระชายารองเอียงหัวไปทางเขา “เด็กโง่ หากเจ้าไม่ได้เป็นซื่อจื่อ ในสายตาผู้คนในเมืองเจ้าก็เป็นเพียงคุณชายรอง ไม่มีทางจะได้สู่ขอหญิงสาวที่เจ้ารัก ไม่มีทางได้ครอบครองทรัพย์สินของจวน ไปที่ใดก็มีแต่คนชี้นิ้วสั่งเจ้า”

 

 

“แต่ข้ากลับคิดว่าชีวิตที่อิสระแบบนี้ดีกว่านะขอรับ ข้าไม่เคยอยากเป็นซื่อจื่อเลย” หวงฝู่อวี้กล่าว

 

 

“ก็เพราะว่าเจ้าไม่มีความคิดแบบนี้ แม่จึงต้องคิดให้รอบคอบ เจ้าจะได้มิต้องถูกใครเขารังแกในภายภาคหน้า”

 

 

หวงฝู่อวี้ส่ายหน้า “ไม่มีทางขอรับ พี่ใหญ่ดีกับข้ามาก เขาไม่มีทางทำแบบนั้นกับข้าแน่”

 

 

พระชายารองมองเขาอย่างเวทนา “เด็กโง่ พวกเขาก็เพียงเสแสร้งให้คนนอกเห็นเท่านั้น รอถึงเวลาที่เขาเข้าพิธีสมรสแล้ว เขาก็จะหาทางกำจัดเจ้าเอง ดังนั้น…” พระชายารองชี้ไปที่หวงฝู่อี้เซวียน “แม่ต้องกำจัดเขาเพื่อลูก”

 

 

“เสด็จแม่ ท่านเสียสติไปแล้วหรือ เขาเป็นพี่ใหญ่ของข้า ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” หวงฝู่อวี้พูดอย่างตกใจ

 

 

พระชายารองยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้เสียสติ ข้าเพียงแค่ต้องการกำจัดเขา เพื่อให้เจ้าได้ขึ้นตำแหน่งซื่อจื่อ”

 

 

เป็นครั้งแรกที่หวงฝู่อวี้รู้ว่าเสด็จแม่ของเขามีความคิดเช่นนี้ เขาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

 

 

ใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนเคร่งขรึม ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

 

อ๋องฉีมองว่าพระชายารองคือคนที่ตนรักคนหนึ่ง เมื่อได้รู้ว่านางมีความคิดเช่นนี้ เขาก็รู้สึกผิดหวัง “เจ้า…”

 

 

พระชายารองยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน “ท่านอ๋องเองก็ตกใจใช่ไหมเจ้าคะ แผนของข้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ถ้าหากไม่ใช่เด็กนั่นมาทำเสียเรื่องล่ะก็ เกรงว่าในตอนนี้พวกท่านก็คงไม่ได้มายืนซักไซร้ข้าเช่นนี้หรอก แต่คงจะได้ไปเก็บร่างศพของลูกชายสุดที่รัก หรือไม่ก็ของน้องชายของพระชายาฉีแล้ว”

 

 

พูดถึงขนาดนี้แล้วคงไม่มีใครไม่เข้าใจอีก เป้าหมายของพระชายารองก็เป็นดังที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ พร้อมกันนั้นก็ได้วางยาฉู่เหวินเจี๋ยและเมิ่งเชี่ยนโยว ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพังเพราะฤทธิ์ยา และก็จะทำลายชื่อเสียงของฉู่เหวินเจี๋ย หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามคน

 

 

อ๋องฉีโกรธไปทุกอนุของร่างกาย พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “คนชั้นต่ำ ทำแบบนี้ก็เท่ากับทำลายจวนอ๋องไปด้วย แล้วเจ้าจะได้อะไร”

 

 

พระชายารองยิ้มอ่อน จัดผมเผ้าที่รุงรังของตนเอง พูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “ทำอย่างนี้แม้ไม่มีผลดีอะไรกับตัวข้า แต่อย่างน้อยใจข้าก็สาแก่ใจแล้ว เพราะตั้งแต่หญิงคนนี้เข้ามาในเมือง ก็ไม่เพียงจงใจจะเล่นงานพวกข้า แต่ยังทำลายชีวิตที่เหลือของพี่ชายข้าอีกด้วย หากข้าไม่ลงมือแก้แค้นนาง ใจข้าคงอยู่อย่างสงบไม่ได้”

 

 

พระชายาฉีโกรธจนตัวสั่น พูดด้วยเสียงแหลมว่า “จวนนี้เป็นบ้านของเจ้า เจ้าทำลายลงแบบนี้ ตัวเจ้าเองก็ไม่ได้ตายดีแน่”

 

 

“บ้าน?” พระชายารองยิ้มเยาะตนเอง “ที่นี่ไม่เคยเป็นบ้านของข้า บ้านของข้าถูกคนชั้นต่ำอย่างเจ้าทำลายไปแล้ว ข้ากับท่านอ๋องรักกันดีอยู่แท้ๆ สัญญากันไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า แต่เพราะว่ามีคนชั้นต่ำอย่างเจ้าเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ของเรา ทำให้พวกเราต้องอยู่อย่างทรมานหัวใจมาตลอด”

 

 

พระชายาฉีเองรู้เรื่องที่ท่านอ๋องมีคนรักอยู่แล้วหลังพิธีสมรสเสร็จสิ้น และก็รู้สึกว่าตนเองนั้นมาแทรกกลางระหว่างพวกเขา ดังนั้นหลายปีมานี้นางจึงปิดตาข้างเดียวเกี่ยวกับเรื่องที่พระชายารองทำมาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าการทำแบบนี้จะเป็นการส่งเสริมให้ความแค้นในใจนางฝังลึกขึ้น จนทำให้นางกล้าทำเรื่องร้ายแรงเช่นวันนี้ได้

 

 

คิดถึงตรงนี้ พระชายาฉีพูดด้วยความโกรธว่า “งานสมรสที่ไทเฮาประทานให้ ไม่ว่าเจ้าหรือข้าก็มิอาจขัดขืนได้ ตั้งแต่เข้ามาในจวน ข้าก็ยอมให้เจ้ามาตลอด ไม่เพียงแต่มอบอำนาจจัดการดูและจวนให้เจ้า แม้กระทั่งท่านอ๋องก็ยังร่วมห้องกับข้าน้อยครั้ง แล้วเจ้ายังจะมีอะไรไม่พอใจอีก”

 

 

พระชายารองพ่นลมออกมา “เจ้าคิดว่าทำแค่นี้จะสามารถชดใช้ข้าได้หรือ ข้าจะบอกให้ว่าไม่มีทาง เจ้าแย่งตำแหน่งพระชายาฉีไปจากข้า ต่อให้ข้ามีอำนาจดูแลจวนก็ตาม แต่พระชายารองก็คือพระชายารอง ผู้มีตำแหน่งนี้ไปที่ใดก็มีแต่คนดูถูก และยังมีลูกชายของเจ้าที่ได้เป็นถึงซื่อจื่อ แต่ลูกชายของข้าเป็นได้เพียงคุณชายรองที่ไม่มีใครเคารพ เจ้าคิดว่าข้าควรพอใจหรือไม่ ในเมื่อพวกเจ้าไม่ให้ข้ามีความสุข พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะมีเลย”

 

 

“เรื่องที่ข้าเสียใจที่สุดก็คือ ปีนั้นที่เจ้าป่วยหนัก ข้ากลับไม่ได้กำจัดเจ้าให้พ้นเสียด้วยตนเอง ตอนนี้กลับถูกพวกเจ้าคิดบัญชี จนมีสภาพแบบนี้”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเปิดปาดพูด “ครานั้นที่เจ้าไม่ได้ฆ่าแม่ของข้า มิใช่เพราะความเมตตาใด แต่เป็นเพราะเจ้าคิดว่าเสด็จแม่ของข้าคงจะไม่มีทางรอด จึงไม่ได้ลงมือจัดการด้วยตัวเองมิใช่หรือ”

 

 

พระชายารองพยักหน้า “ซื่อจื่อนี่ช่างฉลาดเสียจริง ไม่เลวเลย ข้าเห็นสารรูปนางนอนกึ่งเป็นกึ่งตายแบบนั้น ข้าก็คิดว่านางคงอยู่ได้อีกไม่เกินสองปี จึงไม่อยากทำให้ตัวเองต้องมือเปื้อนเลือด คิดไม่ถึงเลยว่านางจะไม่ตาย” พูดถึงตรงนี้ ก็ยิ้มแสยะ “แต่ว่า ข้าจะไม่ให้นางอยู่อย่างมีความสุขหรอก ต่อให้นางมีชีวิตอยู่นานกว่าข้า อย่างไรก็จะต้องมีวันที่นางทุกข์ทรมานเช่นกัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก “เจ้าหมายถึงเรื่องที่เจ้าวางยาให้หวงฝู่อี้เซวียนเป็นหมันใช่หรือไม่”

 

 

พระชายารองสะดุ้งตกใจ เลิกตาโต แล้วถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเรียบๆ ว่า “ข้าไม่เพียงแต่รู้เท่านั้น แต่ข้ายังให้ยาถอนพิษเขาไปแล้ว เห็นทีท่านคงจะเสียแรงเปล่าเสียแล้ว”

 

 

“เป็นไปไม่ได้!” พระชายารองตกใจเป็นอย่างมาก พูดด้วยน้ำเสียงตีโพยตายว่า “ไม่มีทาง เจ้าจะถอนพิษให้เขาได้อย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงตอบกลับด้วยเสียงเรียบว่า “ท่านไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอก ท่านคิดถึงแค่จุดจบของตนเองจะดีกว่า”

 

 

นอกจากหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว คนที่เหลือตะลึงกันหมด โดยเฉพาะหวงฝู่อวี้ อึ้งจนดวงตาแทบจะถลนออกมา เขายืนขึ้น ถามพระชายารองด้วยความสงสัย “เสด็จแม่ เสด็จแม่พูดจริงหรือ”

 

 

พระชายารองไม่ตอบเขา แต่กลับนั่งลงบนตั่ง ปากพึมพำกับตนเองว่า “เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรกัน”

 

 

หวงฝู่อวี้ยื่นมือออกมาเขย่าตัวนาง พูดอย่างร้อนรนว่า “เสด็จแม่ รีบบอกข้าทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง ท่านไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้”

 

 

อ๋องฉีโกรธจนเส้นเลือดบนหน้าปูดขึ้น เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าสนมที่เขารักใคร่มาตลอดจะวางยาให้หวงฝู่อี้เซวียนไม่สามารถมีทายาทได้ มือที่วางอยู่ข้างตัวของเขากำหมัดแน่น

 

 

พระชายาฉีโกรธจนตัวสั่น หยิบแก้วชาบนโต๊ะแล้วเขวี้ยงไปที่พระชายารองทันที “เจ้าช่างเป็นหญิงที่ชั่วร้ายนัก เจ้าไม่ตายดีแน่”

 

 

ถ้วยชากระทบกับตัวพระชายารอง แล้วก็ตกลงพื้นจนแตกละเอียด

 

 

ราวกับว่าเสียงนี้ได้ปลุกพระชายารองให้รู้สึกตัว นางจ้องมองพระชายาฉีด้วยสายตาอาฆาตแค้น จนอยากจะตรงเข้าไปฉีกนางเป็นชิ้นๆ ใจจะขาด นางพูดอย่างบ้าคลั่งว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายข้า หากไม่ใช่คนเลวอย่างเจ้า ลูกสาวคนรองของมหาเสนบาดีอย่างข้า จะกลายมาเป็นพระชายารองเช่นนี้หรือ ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า เป็นเพราะเจ้าคนเดียว เหตุใดเจ้าถึงไม่ตายไปซะ ทำไม!”

 

 

พระชายารองเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นก็แสร้งว่าเป็นคนดี ใจกว้างและมีมารยาท นางไม่เคยแสดงกิริยาเสียสติเช่นนี้เลย หวงฝู่อวี้อยู่ใกล้นาง เห็นภาพนางเสียสติชัดเจนที่สุด เขาตกใจมาก รีบจับตัวนางเอาไว้ “เสด็จแม่ ใจเย็นๆ ก่อน ท่านกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”

 

 

เมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้ว พระชายารองก็ได้สติกลับมา ใช้มือลูบใบหน้าของเขา พูดพึมพำว่า “อวี้เอ๋อร์ พวกมันบังคับให้แม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะพวกมัน”

 

 

อ๋องฉีคลายหมัดที่กำไว้แน่น แล้วก็กำใหม่อีกครั้ง กดอารมณ์โกรธจนอยากฆ่าคนเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่มีใครบังคับเจ้า ครานั้นตอนที่เสด็จแม่มีรับสั่งเรื่องการสมรส ข้าก็ได้ไปถามเจ้าถึงจวนมหาเสนบาดี เจ้าเองเป็นคนตอบว่าเจ้าไม่ใส่ใจเรื่องนี้ เจ้ายอมเป็นพระชายารอง ข้าจึงตอบตกลงเสด็จแม่ไป และตั้งแต่เข้าจวนมา ข้าก็ดูแลเจ้าอย่างดีมิใช่หรือ”

 

 

พระชายารองเงยหน้าหัวเราะ ปล่อยมือจากหวงฝู่อวี้ เดินไปหาอ๋องฉีช้าๆ พูดชัดถ้อยชัดคำว่า

 

 

“ท่านอ๋องพูดออกมาได้ง่ายดายเสียจริง ใครกันล่ะที่ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกพบ สัญญากับข้าว่าจะมีข้าเป็นพระชายาฉี แต่พอข้าตกลงปลงใจแล้ว ท่านกลับไปสู่ขอคนอื่นแทน”