ตอนที่ 135 ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

อ๋องฉีพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “เป็นอย่างที่เจ้าพูดไม่ผิดเลย เจ้าตราตรึงใจข้าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจ้าที่จวนมหาเสนาบดี และเป็นข้าเองที่สัญญากับเจ้าว่าจะสู่ขอเจ้ามาเป็นพระชายาแต่เรื่องที่เกิดก็มีเหตุผล เสด็จแม่รับสั่งมา ข้ามิอาจขัดคำสั่งได้ ข้ากลัวว่าจะเจ้าจะไม่สบายใจ คิดอยากจะตัดขาดความสัมพันธ์ของเราเสีย จึงได้ส่งคนไปที่จวนมหาเสนาบดีเพื่อถามความเห็นของเจ้า แม้ว่าข้าจะทำผิดต่อเจ้า แต่เรื่องเลวร้ายที่เจ้าทำลงไปวันนี้ เป็นความผิดที่ยากจะอภัยได้”

 

 

พระชายารองจ้องมองเขา ถามอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดว่า “อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นท่านอ๋องจะจัดการกับข้าเยี่ยงไร”

 

 

อ๋องฉีปิดตาลง และลืมขึ้นอีกครั้งด้วยแววตาเด็ดขาด กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เหลียนอี ตลอดหลายปีมานี้ข้าเป็นหนี้เจ้า เห็นแก่สิ่งที่เจ้าทำเพื่อจวนหลักมาตลอดหลายปีนี้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ข้าจะเขียนจดหมายส่งตัวให้เจ้า เจ้ากลับจวนมหาเสนาบดีไปเถิด ต่อแต่นี้ไป เจ้าก็ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องฉีอีก”

 

 

หวงฝู่อวี้ตกใจ “ท่านพ่อ!”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวและพระชายาไม่ได้กล่าวอะไร

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยเองไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้น

 

 

“อวี้เอ๋อร์ในใจของแม่เจ้ามีแต่ความคิดชั่วร้าย หวังจะทำลายจวนอ๋องและจวนของท่านแม่ทัพ ข้าไม่สามารถให้นางอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีก ข้าเห็นแก่ที่ข้าติดค้างนางมาหลายปีจึงไว้ชีวิตแก่นาง หากเจ้าฉลาดพอ ก็มิต้องขอร้องอีก มิเช่นนั้นเจ้าก็จงไปกับเสด็จแม่ของเจ้าเถิด”

 

 

ในยุคนั้นมีเพียงหญิงที่ต้องโทษหนักถึงจะถูกขับไล่กลับบ้าน ถึงแม้ว่าจะกลับไปที่บ้านแล้ว ก็มิมีผู้ใดยอมรับ นอกจากจะทำให้คนในครอบครับขายหน้าแล้ว ยังต้องกลายเป็นที่ติฉินนินทาของชาวบ้านไปตลอด จวนมหาเสนาบดีเป็นตระกูลสูงส่ง ถึงแม้ว่าคนในตระกูลจะยอมรับนางได้ แต่นางเองก็คงไม่ต้องการให้คนในครอบครัวต้องอับอาย นางขอแค่ความตายเป็นทางออก เมื่อได้ยินดังนั้นพระชายารองจึงยิ้มเยาะใส่อ๋องฉี และพูดกับเขาว่า “ข้ามิรู้มาก่อนเลยว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับข้าถึงเพียงนี้ ท่านไว้ชีวิตข้า และยังคิดหาทางออกให้กับข้าอีก”

 

 

อ๋องฉีหรี่ตาลง

 

 

พระชายารองหันไปหาพระชายาและพูดอย่างโอ้อวดว่า “เห็นหรือไม่ แม้ว่าเจ้าจะได้ครองตำแหน่งพระชายาแต่ในใจของท่านอ๋องก็ไม่มีเจ้า เจ้ามันก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของราชวงศ์เท่านั้น หากท่านพ่อของเจ้าไม่ใช่แม่ทัพในครานั้น มีหรือผู้ที่สภาพเหมือนคนตายอย่างเจ้าจะได้แต่งเข้ามาในจวนอ๋องฉี”

 

 

ตั้งแต่วันที่ไทเฮาได้พระราชทานงานอภิเสกสมรส แม่ทัพฉู่เดาออกนานแล้ว และบอกนางทั้งหมดแล้ว

 

 

พระชายามิได้ยินดียินร้ายกับคำพูดของนางเลย แต่พูดอย่างเรียบๆ ว่า “ถ้าใช่แล้วอย่างไร แม้ว่าหลายปีมานี้ท่านอ๋องไม่ได้ดีกับข้ามาก แต่ก็มิเคยทำให้ข้าเสียใจ ทำตามที่ข้าขอทุกอย่าง คนที่ร่างกายอ่อนแออย่างข้า ได้มีสามีที่ดีเช่นนี้ ข้าก็เพียงพอใจแล้ว”

 

 

พระชายารองจ้องนางอย่างเกลียดแค้น กัดฟันพูดว่า “ฉู่ซู่อิง ครานั้น ข้าสั่งให้คนตั้งมากมายไปลอบฆ่าเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่ตาย เจ้าคววรจะตายไปตั้งนานแล้ว ไม่ควรอยู่จนถึงทุกวันนี้ มาเป็นมารผจญของลูกชายข้า” พูดจบก็ชี้หน้าฉู่เหวินเจี๋ย “เจ้าก็เช่นกัน คนพวกนั้นไม่ได้ฆ่าเจ้า แล้วเจ้ายังพาเจ้ามารผจญน้อยนี้หนีไปด้วย สวรรค์ไม่เข้าข้างข้าเลย ข้าเกลียดสวรรค์ข้าเกลียดพวกเจ้า พวกเจ้าทุกคนต้องไม่ได้ตายดี”

 

 

“คนที่ไม่ตายดีน่ะคือเจ้า” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “นอกจากที่เจ้าจะใช้โอกาสตอนท่านอ๋องออกรบ จ้างวานคนมาลอบฆ่าพระชายาที่เพิ่งให้กำเนิดบุตรแล้ว หลายปีมานี้ เจ้าก็มิได้หยุดมือเลย โดยเฉพาะตั้งแต่ที่เจ้าได้ยินมาว่ามีคนใช้ป้ายหยกที่เมืองชิงซี เจ้าก็สั่งให้คนจำนวนมากไปค้นหา หวังจะให้ค้นเจอหยกบนตัวของหวงฝู่อี้เซวียนและฆ่าเขาซะ”

 

 

พระชายารองเบิกตาโตถามอย่างสงสัยว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร เจ้าทำอะไรมา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมุมปาก พูดอย่างดูถูกว่า “น่าเสียดาย คนที่เจ้าส่งไปฆ่าพวกข้านะมันช่างไร้น้ำยา ทั้งๆ ที่เจอพวกข้าแล้ว แต่กลับถูกพวกข้าจัดการได้โดยง่าย เกรงว่าตอนนี้คนพวกนั้นคงจะไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูกแล้ว”

 

 

พระชายารองพุ่งเข้าหานาง “นังนี่ทำแผนของข้าพังอีกจนได้ วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนรีบอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว หลบนางได้อย่างง่ายดาย พระชายารองทรงตัวไม่อยู่ พุ่งเข้าไปหากำแพงอย่างจัง เลือดที่หน้าผากไหลดั่งสายน้ำ ร่างของนางล้มลงบนพื้น

 

 

“เสด็จแม่!” หวงฝู่อวี้ร้องอย่างตกใจพร้อมวิ่งเข้าไปหาพระชายารอง แต่ลืมไปว่าชุ่ยเหลียนนอนอยู่ที่พื้น จึงทำให้สะดุด และเซล้มไปด้านหน้า

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหูตาว่องไว เขายื่นเท้าไปกั้นไว้ด้านหน้าเขา รับไว้ไม่ให้เขาล้มลง

 

 

หวงฝู่อวี้รีบลุกขึ้น รีบวิ่งไปหาพระชายารองที่นอนอยู่บนพื้น พูดอย่างรีบร้อนว่า “เสด็จแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” พูดจบก็หันไปท่านอ๋องฉี แล้วตะโกนว่า “ท่านพ่อ รีบไปตามหมอมาให้เสด็จแม่เร็ว!”

 

 

ปีนั้นอ๋องฉีเองก็สงสัยเช่นกันว่าพระชายารองสั่งคนไปลอบฆ่าพระชายาที่เพิ่งให้กำเนิดบุตร แต่ตอนนั้นฮ่องเต้เพิ่งจะได้ขึ้นครองราชย์ ทุกอย่างยังไม่ลงตัว หากสอบสวนพระชายารองในตอนนั้น ก็คงจะต้องเชิญจวนมหาเสนาบดีมา อาจจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายในวังขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ประหารคนของพระชายาทั้งหมด เพื่อเป็นการปิดปาก ไม่ให้ใครพูดออกไปได้ และเพื่อเป็นสัญญาณเตือนแก่จวนมหาเสนาบดีว่าอย่าคิดทำอะไรไม่ดี มิเช่นนั้นเขาจะไม่ไว้หน้าใครอีกแล้ว และก็เพราะเขารู้สึกผิด จึงไม่ยอมแต่งตั้งหวงฝู่อวี้เป็นซื่อจื่อเสียที เพราะหวังว่าสักวันหวงฝู่อี้เซวียนจะกลับมา แล้วมารับตำแหน่งอย่างสมเกียรติ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพระชายารองยังมีแผนหลังจากนั้น นางกลับรู้ข่าวก่อนเขา หนำซ้ำยังสั่งคนไปตามฆ่าหวงฝู่อี้เซวียนอีก

 

 

สีหน้าของอ๋องฉีหน้ากลัวมากขึ้น แต่กลับไม่ได้พูดอะไร

 

 

สีหน้าของอีกสี่คนที่เหลือเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

 

 

อ๋องฉียังคงเห็นแก่ความดีของพระชายารองเมื่อสมัยก่อน จึงไม่ได้ถือโทษนาง พระชายาเองก็โกรธเป็นอย่างมาก กำลังจะอ้าปากพูด แต่หวงฝู่อี้เซวียนชิงพูดเสียก่อน เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เสด็จแม่ เรื่องนี้กระจ่างมากพอแล้ว พวกเราออกไปเถิด ปล่อยให้ท่านพ่อตัดสินใจเอง”

 

 

แม้จะพูดด้วยเสียงเบา แต่กลับทิ่มแทงไปในใจของอ๋องฉี เขารู้ดีกว่าหวงฝู่อี้เซวียนโกรธเขาที่เขายอมไว้ชีวิตพระชายารอง แต่ครานั้นเขารู้สึกผิดกับพระชายารองจริงๆ เนื่องจากไม่ได้ทำตามสัญญา จึงทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้ แล้วเขาจะฆ่านางลงได้อย่างไร

 

 

อ๋องฉีสับสนเป็นอย่างมาก พระชายารองก็มิได้สำนึก ตอนนี้นางขอแค่ความตายเท่านั้น นางใช้มือเช็ดเลือดบนหน้าของตน ห้ามไม่ให้หวงฝู่อวี้ขอร้องอีก พร้อมแสยะยิ้มอย่างน่าขนลุกออกมา ยืนขึ้น ผลักหวงฝู่อวี้ออก เดินโซเซไปยังอ๋องฉี ยืนนิ่ง จ้องหน้าเขา พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านอ๋อง ท่านรู้หรือไม่ว่าหลายปีมานี้ นอกจากเจ้าเด็กบ้านั้นกับอวี้เอ๋อร์แล้ว เหตุใดท่านจึงไม่ได้มีบุตรอีกเลย”

 

 

ลางร้ายผุดขึ้นมาในใจของอ๋องฉี

 

 

พระชายารองยิ้มเล็กน้อย จากนั้นคำพูดของนางก็เป็นดั่งการทิ้งระเบิดออกมา “นั่นก็เป็นเพราะว่า หลังจากที่ข้าให้กำเนิดอวี้เอ๋อร์แล้ว ข้าก็วางยาไม่ให้ท่านมีบุตรได้อีกอย่างไรล่ะ”

 

 

ทุกคนกลั้นหายใจ หวงฝู่อวี้ยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน

 

 

อ๋องฉียื่นมืออกไปคว้าคอของนางทันที พูดด้วยเสียงน่ากลัวว่า “เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้ ข้าปฎิบัติกับเจ้าไม่ดีหรือ”

 

 

ใบหน้าของพระชายารองไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำกลับยิ้มออกมา “ท่านอ๋องดีกับข้ามาก แต่ข้าต้องมั่นใจว่าลูกชายของข้าต้องได้รับตำแหน่งซื่อจื่อ หากข้าไม่ทำเช่นนี้ หากนางชั้นต่ำผู้นั้นตั้งท้องลูกของท่านอีก อย่างนั้นอวี้เอ๋อร์ของข้าก็คงได้เป็นแค่ชายรอง เป็นคนที่ศักดิ์ต่ำกว่าผู้อื่นไปตลอดชีวิต แต่น่าเสียดายที่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะยังมีชีวิตมาได้ และมารับตำแหน่งซื่อจื่อดังเดิม”

 

 

ไม่มีชายผู้ใดรับได้ที่ภริยาของตนทำเช่นนี้ โดยเฉพาะหากหญิงคนนั้นเป็นคนที่ตนเองรักมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความโกรธในใจของอ๋องฉีนั้นมีมากเพียงใด เขาบีบคอพระชายารองแน่นขึ้น

 

 

เหตุผลที่พระชายารองพูดสิ่งเหล่านี้ออกไป ก็เพราะนางต้องการความตาย ดีกว่าถูกเนรเทศกลับบ้านให้ครอบครัวต้องอับอาย ให้ต้องเป็นที่ติฉินนินทาของสะไภ้ในวัง นางจึงไม่ขัดขืน และปิดตาลงอย่างสงบ รอให้ถึงเวลาที่คอของตนหักลง

 

 

หวงฝู่อวี้ได้สติกลับมา เขารีบคุกเข่าก้มหัวขอร้อง “ท่านพ่อ ไว้ชีวิตเสด็จแม่ด้วยเถิด”

 

 

พระชายา หวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งเชี่ยนโยว ฉู่เหวินเจี๋ยเองก็ตกใจ ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่าพระชายารองจะใจกล้าจนถึงขั้นวางยาอ๋องฉี จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวของหวงฝู่อวี้ที่โขกกับพื้นดังขึ้น ทุกคนจึงได้สติกลับมา

 

 

มือของอ๋องฉีบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของพระชายารองเปลี่ยนเป็นสีเขียวม่วงช้ำ ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลออกมา

 

 

อยู่ดีๆ อ๋องฉีปล่อยมือลง เขายิ้มและพูดอย่างเลือดเย็นว่า “ข้าไม่ฆ่าเจ้าเองหรอก ข้ามิต้องการให้มือเปื้อน ข้าจะให้เจ้าใช้ชีวิตต่อไปอย่างทุกข์ทรมาน”

 

 

พระชายารองที่ล้มลงบนพื้น ยังไม่ทันสูดลมหายใจ ก็ต้องเบิกตาขึ้น มองอ๋องฉีที่แผ่เอารังสีความโกรธไปรอบๆ เมื่อรู้ว่าเขาจะทำเช่นนั้นจริงๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา นางสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง คลานไปข้างหน้าเล็กน้อย และกอดขาของอ๋องฉีเอาไว้ “ท่านอ๋อง ข้อขอร้องล่ะ ท่านฆ่าข้าเถิด”

 

 

 

 

อ๋องฉีเตะนางจนกระเด็น แล้วหันหลังเดินจากไป พร้อมสั่งการเสียงเย็นชาว่า “ตั้งแต่นี้ไปปิดล้อมจวนนี้เอาไว้ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออกเด็ดขาด หากผู้ใดขัดคำสั่งก็ฆ่าทิ้งได้เลย”

 

 

เสียงตอบรับดังมาจากหน้าประตู

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวช่วยกันพยุงพระชายาและเดินออกไปด้านนอกโดยที่ไม่หันมามองพระชายารองเลยแม้แต่น้อย

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยเดินตามไปด้านหลังด้วยสีหน้าหม่นหมอง

 

 

หวงฝู่อวี้คลานไปด้านหน้า หวังจะช่วยพยุงพระชายารอง แต่องครักษ์สองคนก็ได้เดินเข้ามาและพูดว่า “คุณชายรองขอรับ เชิญออกไปด้านนอกขอรับ!”

 

 

หวงฝู่อวี้จ้องพวกเขาด้วยความโกรธ “ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่กับเสด็จแม่”

 

 

องครักษ์ทั้งสองคำนับเขาหนึ่งครั้งและพูดว่า “อย่างนั้นขออภัยด้วยนะขอรับ” พูดจบ ก็เดินเข้ามาลากตัวของหวงฝู่อวี้ออกไป

 

 

หวงฝู่อวี้ตะเกียกตะกายและตะโกนด่าทอ “พวกหมารับใช้ ปล่อยข้านะ พวกเจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้าเชียวหรือ”

 

 

องครักษ์แสร้งเป็นไม่ได้ยินอะไร และพาเขาออกมาจากจวน พร้อมปิดประตู ถึงได้กล่าวขอโทษว่า “คุณชายรองอภัยให้พวกเราด้วย นี่เป็นคำสั่งของท่านอ๋อง คุณชายรองได้โปรดอย่าทำให้พวกเราลำบากเลย”

 

 

หวงฝู่อวี้ยืนขึ้น ถีบพวกเขาทั้งสองและพูดว่า “พวกหมารับใช้ เปิดประตูให้ข้า ข้าจะไปอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่”

 

 

องครักษ์ทั้งสองยืนนิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อย

 

 

แม้ว่าหวงฝู่อวี้จะใช้แรงมากเท่าไรก็ไม่สามารถผลักสองคนออกนั้นได้ เขาโกรธจนถีบองครักษ์อีกครั้ง แล้วตะโกนเข้าไปในจวนว่า “เสด็จแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป ข้าจะไปขอร้องท่านพ่อให้ปล่อยตัวท่าน” พูดจบก็หันหลังกลับและเดินไปยังจวนพระชายาด้วยความโกรธ

 

 

เมื่อคนในห้องออกไปหมดแล้ว พระชายารองล้มลงบนพื้นด้วยความรู้สึกเหมือนร่างกายว่างเปล่าดวงตาทั้งสองไร้แววตา สายตาเหม่อลอยไปบนพื้นโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

แม้ว่ามอมอและชุ่ยเหลียนจะไม่มีสติมากนัก แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ สิ่งที่พระชายารองได้พูดไปนั้น ทั้งสองคนได้ยินเต็มสองรูหู มอมอรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย พูดอย่างอ่อนแรงว่า “นายหญิงเจ้าขา!”

 

 

พระชายารองได้สติขึ้นมา รีบคลานไปหามอมอ หวังจะพยุงนางขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวนาง เกรงว่าหากไปถูกตัวนางจะทำให้นางตายได้

 

 

มอมอใกล้หมดลมแล้ว นางใช้แรงที่มีทั้งหมดพูดออกมาว่า “นายหญิง ท่านใจร้อนเกินไปแล้ว ท่านอ๋องจะไว้ชีวิตท่านแล้ว เหตุใดจึงเอาเรื่องพวกนั้นมาพูดอีก”

 

 

พระชายารองส่ายหน้า “ข้ารู้จักเขาตั้งแต่อายุ 15 เรารักใคร่กันอย่างมีความสุข ข้าคิดไว้ว่าฐานะของข้า อย่างไรก็จะต้องได้เป็นภริยาเอกของเขาเป็นแน่ ผู้ใดจะไปรู้ ว่าจะมีหญิงชั้นต่ำอย่างซู่อิงโผล่มา หลายปีมานี้ นางอยู่ค้ำหัวข้า แล้วยังมามีบุตรชายก่อนข้าอีก ข้าจะยอมได้อย่างไร ตอนนี้หากเขาจะเนรเทศข้า ข้ายอมตายดีกว่าจะต้องทำให้จวนมหาเสนาบดีต้องอับอาย”

 

 

มอมอถอนหายใจเบาๆ “หม่อฉันเข้าใจความรู้สึกของท่าน แต่มีชีวิตอยู่อย่างไรก็ดีกว่าตายไป มีชีวิตอยู่ท่านยังได้มีโอกาสแก้แค้น หากตายไปแล้วก็ไม่เหลือโอกาสใด และยังเหลือคุณชายรองให้หัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีใครปกป้องดูแล”

 

 

เมื่อพูดถึงหวงฝู่อวี้ ก็ทิ่มแทงเข้าไปในใจของพระชายารอง นางร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้