EG บทที่ 705 ใช้สูตรยาเพื่อลงทุนอีกครั้ง?

 

“วิกเตอร์ ใครอนุญาตให้คุณขายสูตรของสารยับยั้งนี้” มาร์คตะคอกใส่

 

“คุณจอร์จเป็นคนอนุญาตครับ”

 

“แต่สารยับยั้งนี้เป็นองค์ประกอบหลักสำคัญสำหรับการพัฒนายาใหม่ล่าสุดของเรา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีกฝ่ายพัฒนายานี้ขึ้นก่อน?”

 

“ยาตัวใหม่ล่าสุดคือตัวไหนหรอครับ? ยาสำหรับรักษาความไร้สมรรถภาพทางเพศนะหรอ? คุณคิดว่าคนจะซื้อยานี้หรอ? พวกเขาจะอายจนไม่กล้าซื้อมากกว่า แม้ว่าจะมีตลาดสำหรับยาใหม่นี้ แต่เฝิงหยู่ก็คงไม่ต้องการหรอก จีนมีไวน์ชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์เหมือนยาประเภทนี้อยู่แล้วมานับพันปี ผมเคยดื่มมาก่อนและน้องชายผมก็แข็งตัวทั้งคืนเลย” วิกเตอร์ตอบ

 

มาร์คยังคงคิดว่ายาที่เขาค้นคว้าวิจัยอยู่นั้นน่าอัศจรรย์มาก แต่จีนมียาประเภทนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ยานี้จะช่วยเติมช่องว่างในตลาดงั้นหรอ? ไร้สาระสิ้นดี!

 

“เอาล่ะๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว การวิจัยของพวกเขาจะไม่มีทางเร็วเท่าเราหรอก และตอนนี้เราก็มีเงินทุน 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เราจะใช้เงินทุนนี้เพื่อลงทุนในแผนกวิจัยและพัฒนาของเรา วิกเตอร์ ผมจะให้ทางเลือกคุณสองทาง อย่างแรกคุณจะได้เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียและจะประจำอยู่ที่โตเกียว คุณจะได้รับโอกาสมากมายที่นั่นและได้รับการเลื่อนตำแหน่งได้อย่างง่ายดายด้วย อย่างที่สองคือได้เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ สถานที่ทำงานของคุณอยู่ในนิวยอร์ก ซึ่งจะอยู่ใกล้บ้านคุณ แต่มันจะยากสำหรับคุณที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง”

 

“ผมขอเลือกนิวยอร์กครับ ผมคิดถึงครอบครัวของผม”

 

จอร์จรู้สึกผิดหวังกับวิกเตอร์ แต่เขาก็ยังคงรักษาสัญญาและตกลงยอมให้วิกเตอร์อยู่ในนิวยอร์ก ที่ผ่านมาวิกเตอร์ก็ช่วยเหลือบริษัทให้ทำเงินได้มากมาย สูตรของสารยับยั้งทั้งสองตัวนั้นมีมูลค่าเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์สหรัฐเอง นั่นหมายความว่าวิกเตอร์ช่วยขายข้อมูลวิจัยที่ไร้ประโยชน์ให้ทำเงินได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เขาสมควรได้รับรางวัลตอบแทน

 

ยิ่งไปกว่านั้น วิกเตอร์ยังช่วยบริหารจัดการตลาดจีนได้เป็นอย่างดีและเขาก็พิสูจน์ตัวเองแล้วที่นั่น

 

วิกเตอร์ขอบคุณจอร์จหลายครั้งก่อนที่เขาจะกลับไป มาร์คยังคงโต้เถียงอยู่กับจอร์จ จอร์จโบกมือ “คุณก็ควรกลับไปได้แล้ว เอาเวลาไปตรวจสอบควบคุมการทดลองทางคลินิกดีกว่า เรามาถึงขั้นตอนการทดลองทางคลินิกแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะค้นพบผลลัพธ์ของยานี้ แต่พวกเขายังคงต้องผ่านการดำเนินการทดลองทางคลินิกอีก เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาพัฒนายานี้สำเร็จ ป่านนั้นเราก็คงได้เปิดตัวยาในตลาดแล้ว”

 

เมื่อกลับมาถึงจีน เฝิงหยู่ก็บินไปยังเมืองปิงทันที สำหรับเงินสินบนที่ศาสตราจารย์หวังและไมเคิลหลิวรับนั้น เฝิงหยู่บอกให้พวกเขาเก็บไป อย่างไรก็ตาม เฝิงหยู่รู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของศาสตราจารย์หวังเพราะเขาบริจาคเงินทุกสตางค์ให้การกุศลหมดเลย

 

เฝิงหยู่ไม่ได้กลับคำพูดของเขา เขาช่วยลูกชายของศาสตราจารย์หวังให้ได้รับการอนุมัติไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาและเฝิงหยู่ก็ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดตอนที่เขาอยู่สหรัฐอเมริกาให้เอง เขาไม่ปล่อยให้ลูกชายของศาสตราจารย์หวังต้องไปทำงานนอกเวลาในสหรัฐอเมริกา

 

ไมเคิลหลิวก็บริจาคเงินของเขาด้วย เขาบอกกับเฝิงหยู่ว่าเขารู้สึกไม่สบายใจที่จะเก็บสินบนเอาไว้ เฝิงหยู่หัวเราะและซื้อบังกะโลให้ไมเคิลหลิวเป็นรางวัล

 

เฝิงหยู่ใช้เงินไปทั้งหมด 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เขารู้สึกว่าเงินที่ใช้ไปนั้นคุ้มค่าแล้ว

 

เมื่อกลับมาที่เมืองปิง เฝิงหยู่ต้องการใช้สูตรยานี้เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง ระหว่างการประชุมประจำปีของบริษัท แต่ตัวแทนจากคณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์รัฐวิสาหกิจของจีน (SASAC) ของเมืองปิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

 

ที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ที่เหลือไม่ต้องการให้เฝิงหยู่เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท ตอนนี้เฝิงหยู่มาพร้อมกับข้อมูลการวิจัยทางการแพทย์โดยอ้างว่าเป็นสูตรยาและพยายามใช้สิ่งนี้เพื่อมาลงทุนในบริษัท

 

แม้ว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นจะเห็นด้วย แต่คุณจะตีมูลค่าสูตรยาพวกนี้ในราคาเท่ากับ 200 ล้านหยวนได้อย่างไรกัน? คุณกำลังพยายามหลอกใครอยู่หรอ? การจดทะเบียนของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงมีมูลค่าเพียงแค่ 360 ล้านหยวน หากเราอนุญาตให้คุณตีราคามูลค่าสูตรพวกนี้เป็น 200 ล้าน คุณก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทนี้

 

นอกจากนี้ ข้อมูลการวิจัยอะไรกันทำไมถึงแพงขนาดนี้? ยารักษามะเร็งหรอ?

 

ห้ะ? ยารักษาโรคประเภทนั้นหรอ?

 

ไร้สาระ! การผลิตยาประเภทนี้มันน่าขายหน้าสิ้นดี

 

นอกจากอู่จื้อกางแล้ว ไม่มีใครเห็นด้วยกับความต้องการของเฝิงหยู่เลย ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ที่เหลือไม่ได้คัดค้าน เฝิงหยู่ที่จะใช้สูตรยาเพื่อลงทุนในบริษัท แต่พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าสูตรยานี้มีมูลค่า 200 ล้านหยวน!

 

อู่จื้อกางสนับสนุนเฝิงหยู่อย่างเต็มตัว เขาเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของเฝิงหยู่และไว้ใจเฝิงหยู่อย่างมาก

 

“ผู้จัดการเฝิงหยู่บอกว่าสูตรนี้มีมูลค่า 200 ล้าน งั้นก็ 200 ล้านครับ พวกคุณจะบอกว่าเขาพยายามที่จะโกงเงินของบริษัทงั้นหรอครับ? ตลกสิ้นดี คุณรู้หรือเปล่าว่าผู้จัดการเฝิงบริจาคเงินให้โรงเรียนเป็นจำนวนเท่าใดต่อปี? คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาได้รับรายได้จากบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงเท่าไหร่กัน? ผลกำไรจากบริษัทการค้าไท่วยังมากกว่าเงินจำนวนนี้อีก แล้วเขาจำเป็นต้องโกงพวกคุณหรอ?”

 

“จื้อกาง ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร อย่างมากผมก็ซื้อโรงงานเภสัชกรรมแห่งอื่นเพื่อผลิตยานี้ พวกเขาจะเสียดายเองเมื่อพวกเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งจากกำไร” เฝิงหยู่ตบบ่าของอู่จื้อกางและบอกให้เขาสงบลง

 

เฝิงหยู่เข้าใจว่าคนพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเฝิงหยู่เป็นคนพวกนั้น เขาก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าสูตรนี้จะมีมูลค่า 200 ล้านหยวน หากมีมูลค่า 200 ล้านจริง ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะถึงจุดคุ้มทุนและได้เงินจำนวนนี้คืน?

 

นอกจากนี้ หากเฝิงหยู่จะใช้มูลค่าของสูตรนี้เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท เขาจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด รัฐบาลเมืองจะไม่เห็นด้วยแน่นอน

 

ตอนนี้ บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงทำกำไรได้สูงและผู้ถือหุ้นทุกคนก็มีความสุขมากกับผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์วิตามินและยาเพื่อสุขภาพของพวกเขาทำกำไรได้มากกว่า 100 ล้านหยวน ซึ่งยังช่วยผลักดันยอดขายของยาอื่นๆ ของพวกเขาด้วย ในปีนี้บริษัทจะได้รับผลกำไรอย่างน้อย 200 ล้านหยวน

 

ปีหน้าผลกำไรน่าจะสูงขึ้นไปอีกเนื่องจากแบรนด์ของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงมีชื่อเสียงมากขึ้น ผลกำไรที่คาดการณ์ไว้สำหรับปีต่อๆ ไปคือมากกว่า 300 ล้านหยวน

 

อีก 3 ปีต่อมา เมื่อบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า หรืออาจจะมากกว่า 10 เท่าก็ได้ มูลค่าของบริษัทน่าจะมากกว่า 5 พันล้านหยวนแล้วในตอนนั้น บริษัทจะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในประเทศจีนและแม้กระทั่งในเอเชียทั้งหมด

 

นอกจากนี้ บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงยังจ่ายภาษีจำนวนมากให้กับรัฐบาลเมืองและช่วยรัฐบาลในการให้เงินสนับสนุนโครงการจำนวนมาก เฝิงหยู่ไม่เคยคัดค้านเรื่องพวกนี้เลย

 

นี่คือบริษัทที่มีศักยภาพสูง เมืองจะไม่ยอมให้เฝิงหยู่กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดแน่นอน พวกเขาไม่อยากจะเห็นบริษัทนี้ต้องเป็นเหมือนบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงที่เฝิงหยู่กลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในทุกเรื่อง

 

ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงรายงานเหตุการณ์นี้ให้แก่จางรุ่ยเฉียง  จางรุ่ยเฉียงรีบโทรหาเฝิงหยู่เพื่อบอกให้มาหาที่สำนักงานของเขา เขาอยากรู้ว่าทำไมเฝิงหยู่ถึงรู้สึกว่าสูตรยาของเขามีมูลค่าถึง 200 ล้านหยวน

 

เมื่อเฝิงหยู่ไปถึงสำนักงานของจางรุ่ยเจียง เลขาหลิวก็รีบเตรียมชาให้เขาทันที เขาไม่อยากให้เฝิงหยู่ไปรื้อตู้ของหัวหน้าและเอาใบชาของเขาไปถลุงจนหมด

 

เฝิงหยู่มองเลขาหลิว เขารู้สึกพอใจ เห็นมั้ยคนเรามันต้องได้รับการฝึกฝน คนๆ นี้ทำงานหนักมาก ผมต้องหาเลขาให้ตัวเองสักคนละ แต่เลขาของผมต้องเป็นผู้หญิงนะ

 

ใครกันจะอยากได้เลขาผู้ชาย? เฝิงหยู่ยังมีงานไม่มาก เขามอบงานเกือบทั้งหมดให้กับคนอื่นและสิ่งที่เขาต้องทำก็คือนั่งนับเงินอยู่ที่นั่นได้อย่างสบายใจ ทุกครั้งที่เขาดูรายงานทางการเงินของบริษัท เขาจะคำนวณจำนวนหุ้นของเขาว่ามีอยู่เท่าไหร่และเขาก็จะอารมณ์ดีมาก

 

“คุณคิดว่าผมกำลังพยายามหลอกคนอื่นด้วยสูตรยานี้และสูตรยานี้ก็ไม่คุ้มค่ากับเงิน 200 ล้านหรอครับ?” เฝิงหยู่ถามหลังจากที่เขานั่งลง