บทที่ 532 ความอิจฉาก่อให้เกิดเรื่อง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ขณะที่เย่เทียนและเฉินหวั่นชิงกำลังพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมนั้น ภายในร้านชุดแต่งงาน เซ่อันกับเจ๊หยกก็ได้งีบหลับอย่างเกียจคร้านกันอยู่

นี่คือความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเขา แม้ว่าสไตล์ของเซ่อันจะดูเป็นผู้หญิงแต่ว่าเขาก็เป็นชายแท้ที่แมนทั้งแท่งจริงๆ

แน่นอนว่า ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นต่างเลือกสิ่งที่พวกเขาต้องการ โดยที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันมากจนเกินไป

“เสี่ยวอัน ไหนนายลองบอกกับฉันสิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเฉินหวั่นชิงกันแน่!”

เจ๊หยกถามออกไปด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก

“เฉินหวั่นชิงผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงในด้านความสามารถทางธุรกิจที่เจียงหนัน”

เซ่อันหยิบบุหรี่ของผู้หญิงข้างเตียงขึ้นมาจุดไฟพร้อมกับพูดพ่นควันออกมา “ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เธอดูแลบริษัทแซ่เฉินมา เธอได้ทำให้สินทรัพย์ของบริษัทแซ่เฉินมีมูลค่าขึ้นมาหลายเท่าตัว เป็นฝีมือที่ไม่มีใครเทียบติดเลยก็ว่าได้”

แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ติดต่อกับเฉินหวั่นชิงแต่นี่ก็ถือเป็นข้อมูลที่คนเจียงหนันนั้นรู้กันแน่ชัด ส่วนในเรื่องที่เฉพาะเจาะจงกว่านี้ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ชัดเจนเช่นกัน

“เช่นนั้นตามที่นายพูด เฉินหวั่นชิงก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมากเลยนะ ทำไมถึงไปชอบผู้ชายเกาะผู้หญิงกินอย่างเย่เทียนได้ล่ะ?”

เจ๊หยกครุ่นคิดพร้อมกับพยักหน้าและถามออกไปอย่างสงสัย

“เรื่องที่เฉพาะเจาะจงแบบนี้ฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัดหรอก แต่ว่า……”

เซ่อันส่ายหัวเล็กน้อย “ตามข่าวลือที่ได้ยินมา เฉินชังไห่ท่านปู่ของตระกูลเฉินได้บังคับให้เฉินหวั่นชิงอยู่กับเย่เทียนน่ะสิ”

“ไม่น่าใช่หรอก?นี่มันปีไหนกันแล้ว ยังจะมีการจับแต่งงานแบบคลุมถุงชนอีกงั้นเหรอ?”

เจ๊หยกขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นมานั่งเผยให้เห็นเรือนร่างอันงดงามพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่จากเซ่อันมาสูบและมุ่ยปากพูดว่า “เกาะผู้หญิงกินและยังทำตัวสบายใจเฉิบอีก หน้าของเย่เทียนนี่มันหนาเกินไปแล้วจริงๆ”

“อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเย่เทียนเป็นพวกเกาะผู้หญิงกินเลย”

เซ่อันส่ายหัวเล็กน้อยและพูดอย่างมีนัยว่า “ตั้งแต่ตอนที่ฉันได้ติดต่อกับเขา แม้ว่าเขาจะดูไม่สนใจแยแสอะไรแต่ความจริงแล้วเขาระมัดระวังตัวและครุ่นคิดเป็นอย่างมากเลยล่ะ “ทุกการเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่มีอยู่บ้างเลยล่ะ”

“หากฉันเดาไม่ผิด เขาจะต้องมาจากตระกูลชนชั้นสูงที่มีเกียรติเป็นแน่!”

“ไม่เช่นนั้น คนมีอายุอย่างเฉินชังไห่คงไม่มีเหตุผลที่จะยกหลานสาวของตนให้กับคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นนี้หรอก!”

นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของเขา เขาจงใจที่ไม่บอกเจ๊หยกก่อนหน้านี้ก็เพราะต้องการจะเห็นความสามารถของเย่เทียน

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีเรื่องงานประมูลเข้ามา เขาจำเป็นต้องเตือนสติเจ๊หยกไม่ให้ไปทำตัวเกินเลยไม่เหมาะสมออกไป

ท้ายที่สุด ทั้งคู่ก็ยังมีความสัมพันธ์เชิงสามีภรรยากันอยู่ดีไม่ใช่หรือไง?

ใบหน้าของเจ๊หยกดูตกตะลึงไปขณะหนึ่ง “จริงหรือหลอกเนี่ย?”

“นี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉันเท่านั้น บอกไม่ได้หรอกว่าจริงหรือไม่”

เซ่อันยักไหล่พร้อมกับเตือนด้วยความปรารถนาดี “เจ๊หยก วันนี้เธอค่อนข้างหุนหันพลันแล่นอยู่นะ ทำตัวดูถูกลูกค้าไม่ใช่สิ่งที่ดีในการทำธุรกิจหรอกนะ”

สีหน้าของเจ๊หยกดูจริงจังขึ้นมา เดิมทีเมื่อเธอเห็นเย่เทียนสวมใส่ชุดสูทกับรองเท้าหนังก็รู้สึกแปลกๆเล็กน้อยอยู่แล้ว ท่าทางเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนเกาะผู้หญิงกินควรมี มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะบ่มเพาะออกมาได้

หรือว่าเย่เฉินจะเป็นคนทรงพลังจากตระกูลชนชั้นสูงที่มีเกียรติกัน?

แต่หากมีตัวตนเช่นนี้จริงๆแล้วทำไมจะต้องทำตัวเป็นเขยแต่งเข้าด้วยล่ะ?เรื่องนี้มันก็ค่อนข้างจะเสียหน้าอยู่ ทำไมตระกูลของเขาถึงยอมรับเรื่องแบบนี้ได้?

“ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่าวันงานประมูลมะรืนนี้ที่โรงแรมใหญ่เฟยเฟิงเขาจะสามารถประมูลของอันเป็นที่รักมาได้ไหม”

เจ๊หยกปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ด้วยทรัพย์สินของตระกูลเฉิน ฉันเดาว่าสินทรัพย์ที่เป็นเงินสดคงมีมูลค่ากว่าสามร้อยล้านก็เป็นได้ หากเกินเงินจำนวนนี้ไปล่ะก็เป็นไปได้ว่าเงินนี้จะต้องไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินเป็นแน่”

ด้วยความสงสัยของเจ๊หยกจึงทำให้เซ่อันก็อยากรู้คำตอบเช่นเดียวกัน

“หากพลาดไปมีอะไรกับเด็กจากตระกูลที่ร่ำรวยเช่นนี้ก็คงไม่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อมาเปิดร้านอีกต่อไป ชีวิตนี้คงไม่มีอะไรให้เป็นกังวลอีกแล้วล่ะ!”

เจ๊หยกส่าหัวอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับถอนหายใจออกมา “การเอาคนมาเปรียบเทียบกันก็มีแต่จะทุกข์ใจเพิ่มขึ้น!”

“เจ๊หยก ฉันขอแนะนำให้ล้มเลิกความคิดนี้ซะ!”

เซ่อันพ่นควันหนาๆออกมาพร้อมกับส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่ต้องการเอาจมูกไปถูฝุ่นหรอกนะ”

เขารู้ดีว่าระหว่างตัวเองและเจ๊หยกนั้นเป็นความสัมพันธ์ที่ต่างทำเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดว่าเจ๊หยกเป็นผู้หญิงของตนและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ

แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาในที่นี้เป็นเชิงสามีภรรยา ดังนั้นเขาจึงเตือนออกไปสองสามประโยค

“ทำไม?หรือว่าฉันไม่มีเสน่ห์พอหรือไงกัน?”

อยู่ๆเจ๊หยกก็ไม่มีความสุขขึ้นมาในทันใด เธอดับบุหรี่ลงพร้อมกับจงใจวางท่ายั่วยวน

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”

เซ่อันโบกมือพร้อมกับพูดอย่างมีนัย “หากเย่เทียนเป็นคนใหญ่คนโตจริงๆแต่กลับยินยอมที่จะเป็นลูกเขยของตระกูลเฉิน เกรงว่านอกจากเฉินหวั่นชิงแล้วก็คงไม่มีอะไรในตระกูลเฉินที่คู่ควรกับเขาอีก”

“มันก็จริง” เมื่อเจ๊หยกได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับเหี่ยวแห้งราวกับมะเขือที่ถูกตี

เธอนั้นรู้ตัวเองดี แม้ว่าเธอจะมั่นใจในรูปร่างของเธอแต่หากเปรียบเทียบกับเฉินหวั่นชิงแล้วเธอก็ถือว่าแย่กว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย

“แทนที่จะมากังวลกับสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ มาดูแลทะนุถนอมคนที่อยู่ตรงหน้าดีกว่าไหม!”

เซ่อันบี้ก้นบุหรี่พร้อมกับดึงเจ๊หยกเข้ามา เสียงร้องดังสะท้อนขึ้นมาจากในห้องอีกครั้ง

ไม่มีคำพูดอะไรตลอดทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นหลายๆคนก็ได้ไปถ่ายภาพงานแต่งตามแผนเดิมที่วางเอาไว้

เนื่องจากตัดสินใจที่จะเข้าร่วมงานประมูล นั่นจึงทำให้เกิดความล่าช้าไปหนึ่งวัน ดังนั้นการถ่ายภาพจะต้องทำให้เร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ด้วยวิธีจึงทำให้คนเหนื่อยกันเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นเดียวกัน เมื่อพระอาทิตย์ตกดินจึงพากันกลับโรงแรม เฉินหวั่นชิงนั้นเหนื่อยล้าจนหมดแรงและเย่เทียนก็เป็นคนกอดเธอเอาไว้

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูเหนื่อยล้าของเฉินหวั่นชิง เย่เทียนจึงรู้สึกสงสารและไม่ได้มีความคิดชั่วร้ายอะไร เขากอดหญิงสาวพร้อมกับนอนหลับไป

ในที่สุดงานวันประมูลก็มาถึง ทั้งสองแต่งตัวเพื่อมาเข้าร่วมงานและไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขานั้นได้กลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามเข้าให้แล้ว

ที่ทางเข้าหน้าโรงแรมใหญเฟยเฟิง เมิ่งซ่วนและเหอหยุนทั้งสองคนรีบไปกันตั้งแต่เช้าตรู่แต่กลับไม่ได้เข้าไปในงานและตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ

พวกเขาจ่ายเงินมัดจำไปมูลค่าห้าล้านเพื่อที่จะได้ย้ายตำแหน่งไปโซนC หากไม่ได้แสดงตัวต่อหน้าเย่เฉินสองคนนั้นล่ะก็คงเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่!

“เมิ่งเมิ่ง! มาแล้วมาแล้ว! พวกเขามาแล้ว!”

ระยะเวลาที่รอนั้นไม่นานนัก สายตาที่เฉียบคมของเหอหยุนมองเห็นเย่เทียนและเฉินหวั่นชิงที่เดินมาแต่ไกลจึงรีบร้อนเตือนเมิ่งซ่วนทันที

เมื่อเห็นเฉินหวั่นชิงแต่งตัวไปงานอย่างสง่างาม ดวงตาสีเข้มของเมิ่งซ่วนก็เต็มไปด้วยความโลภ เขายิ่งอิจฉาและเพิ่มพูนความเกลียดชังที่มีต่อเย่เทียนมากขึ้นไปอีก

ผู้ชายที่เอาแต่พึ่งพาผู้หญิงทำไมถึงเกลี้ยกล่อมคนที่งดงามเช่นนี้ได้และชายหนุ่มรวยๆอย่างตนกลับเจอภรรยาที่ยากจะเรียกว่าเป็นคนชั้นสูงได้?

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแต่รวมถึงผู้หญิงอย่างเหอหยุนก็รู้สึกละอายใจในตัวเองเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเฉินหวั่นชิง

เพราะไม่เพียงแต่หล่อนที่แพ้ให้กับเฉินหวั่นชิงในเรื่องของความงามเท่านั้นแต่รวมถึงตัวตนสถานะของหล่อนอีกด้วย ตอนนี้สิ่งที่หล่อนสามารถเอามาแข่งเปรียบเทียบกับเฉินหวั่นชิงได้ก็คงเป็นผู้ชายคนเดียวที่เหลืออยู่เท่านั้น!

แม้ว่าเมิ่งซ่วนจะไม่ใช่มหาเศรษฐี แต่หากมาเปรียบกับผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินอย่างเย่เทียนแล้วก็คงจะชนะขาดลอยอย่างไม่ต้องสงสัย!

นี่คือสาเหตุว่าทำไมเหอหยุนถึงจงใจรออยู่ที่หน้าประตู หล่อนต้องการให้เฉินหวั่นชิงรู้ว่าหล่อนไม่ได้พ่ายแพ้ไปซะหมด!