บทที่ 531 คนสวยก็รู้สึกไม่ปลอดภัยได้เช่นกัน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

พี่เหวินกับผู้ช่วยหญิงยืนมองดูเย่เทียนที่เดินจากไปที่ด้านหน้าประตูของโรงแรมเฟยเฟิง ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะหันหลังกลับก็มีคนอีกสองคนเดินเข้ามา

หากเย่เทียนยังอยู่ตรงนี้ก็คงจำได้อย่างแน่นอนว่านี่คือคู่บ่าวสาวที่พบกันที่จุดชมวิวก่อนหน้านี้

“นั่นใครน่ะ ที่นี่มีการจัดงานประมูลใช่หรือไม่?”

เมิ่งซ่วนกอดเหอหยุน ภรรยาผู้ซึ่งเพิ่งแต่งงานกันอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมกับตะโกนไปทางพี่เหวินด้วยท่าทางที่มั่นใจและเย่อหยิ่ง

“เอ๊ะ?!”

ความไม่พอใจปรากฏบนคิ้วของพี่เหวินแต่จากนั้นไม่นานก็กลับมาเป็นปกติพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณผู้ชายท่านนี้ ผมคือคนที่รับผิดชอบในงานการประมูลนี้เองครับ ไม่ทราบว่าท่าน…..”

“นายคือคนรับผิดชอบเองเหรอ?!”

เมิ่งซ่วนตัดบทโดยไม่รอให้พี่เหวินพูดจบเสียก่อน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคำสั่งออกมาว่า “เช่นนั้นก็ดีเลย ฉันเองก็อยากจะเข้าร่วมงานประมูลที่จะจัดขึ้นในอีกสองสามวันนี้ นายไปจัดการหาตำแหน่งที่ดีๆให้ฉันด้วยล่ะ”

เมื่อพี่เหวินได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่อัดอั้นอยู่ก็ได้ท่วมท้นขึ้นในใจ คิ้วของเขาขดขมวดแน่นขึ้น

สำหรับคนที่มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวางอย่างพี่เหวินนั้นก็พอจะรู้ได้ว่า คนยโสโอหังอย่างเมิ่งซ่วนที่อยู่ตรงหน้านี้คงจะเป็นพวกที่พอจะมีเงินอยู่บ้างแต่ก็คงไม่ถึงขึ้นเป็นพวกไฮโซเศรษฐีหน้าใหม่แน่ๆ!

เมื่อคิดถึงเย่เทียนที่ดูทำตัวไม่เป็นจุดสนใจก่อนหน้านี้ เมื่อนำมาเทียบกันแล้วทั้งสองนั้นช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

“ไม่มีปัญหา”

แม้ว่าในใจนั้นจะสบประมาทเป็นอย่างมากแต่ใบหน้าของพี่เหวินนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เขายังคงพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตาม ทางเราจำเป็นต้องทำการตรวจสอบทรัพย์สินของทางท่านเสียก่อนครับ”

“เป็นการตรวจสอบคุณสมบัติใช่ไหม?”

เมิ่งซ่วนหยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาอย่างภาคภูมิใจ “บัตรนี้มีมูลค่าสิบกว่าล้าน เอาไปตรวจสอบได้เลย!”

สิบกว่าล้านก็ไม่ได้ถือว่ามากและไม่ได้ถือว่าน้อย อย่างน้อยสำหรับคนทั่วไปมันคือตัวเลขที่คนยากคนจนจำนวนมากไม่อาจเอื้อมถึงได้ในชั่วชีวิตนี้

“ไม่ต้องตรวจสอบครับ ที่นั่งของท่านจัดอยู่ในโซนDครับ”

พี่เหวินไม่แม้แต่จะรับบัตรเอทีเอ็ม เขาหันศีรษะกลับไปโบกมือให้ผู้ช่วยหญิงให้หล่อนกลับไปเอาบัตรประชาชนที่เคาน์เตอร์

ด้วยสายตาที่ชั่วร้ายของเขา ดูก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าบนร่างของเมิ่งซ่วนทั้งสองคนนี้ล้วนแต่เป็นแบรนด์เนมทั้งสิ้น หากบวกกับเครื่องประดับเข้าไปก็คงมีมูลค่านับล้านได้แต่ไม่ถึงสิบล้านและเกรงว่าคงจะไม่ยอมจ่ายเงินจำนวนมากเป็นแน่

“โซนD?!”

เมื่อเมิ่งซ่วนได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น “นี่มันคงไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีนักหรอกใช่ไหม?”

“คุณผู้ชายครับ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ”

ทันใดนั้นสีหน้าของพี่เหวินก็แสดงท่าทีขอโทษออกมา “นี่เป็นนโยบายของบริษัทเราน่ะครับ มูลค่าทรัพย์สินประมาณสิบล้านจะถูกจัดไปอยู่โซนที่ต่ำที่สุดอย่างโซนDครับ”

“ต่ำที่สุด?!”

เมิ่งซ่วนขมวดคิ้วแน่น ที่เขามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อเพียงต้องการเข้าร่วมงานประมูลเท่านั้นแต่ยังต้องการดูเรื่องตลกของเย่เทียนอีกด้วย หากต้องมานั่งอยู่ในโซนต่ำสุดเช่นนี้จะแสดงท่าทีเหนือกว่าได้อย่างไรกัน?!

“พี่ชาย เช่นนั้นฉันจะจ่ายเงินพิเศษให้แล้วนายช่วยจัดที่ที่ดีกว่านี้ให้หน่อยได้ไหม?”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าความหยิ่งยโสของเมิ่งซ่วนดูลดลงพร้อมกับลดเสียงลงเพื่อทดสอบพี่เหวิน

“นี่…..”

พี่เหวินตกตะลึงไปชั่วขณะและมีปฏิกิริยาตอบกลับในทันที ดวงตาทั้งคู่ของเขาหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องของการจ่ายเงินพิเศษอะไรไม่ต้องหรอกครับ ผมสามารถเปลี่ยนให้ไปอยู่ในโซนCได้ เพียงแต่ว่า…..”

“ท่านจะต้องรับรองว่าจะทำการประมูลของไม่ว่ามูลค่าของนั้นจะเท่าไหร่ก็ตาม!”

เดิมทีแล้วในโซนพื้นที่Dจะเป็นสถานที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่มาดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้นและความเป็นไปได้ในการที่จะมาประมูลของก็ถือว่าไม่มากเลย การเผยแพร่เหตุการณ์ในงานประมูลถือเป็นสิ่งที่พวกเขาทำอย่างแท้จริง

ท้ายที่สุดแล้ว คนที่ร่ำรวยจริงโดยส่วนมากมันจะถ่อมตนและไม่แสดงท่าทีดีแต่พูดออกมามากนัก

ด้วยเหตุนี้เอง ทางเดียวที่พี่เหวินจะสามารถขยับตำแหน่งที่นั่งให้ได้ก็คือการเข้าร่วมและประมูลของในงานนั่นเอง!

แน่นอนว่ากฎประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อคนอวดรวยอย่างเมิ่งซ่วน คนที่ร่ำรวยจริงๆ การที่พวกเขาสามารถเข้ามาได้ก็ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่บริษัทประมูลสามารถยืนยันได้ว่าพวกเขามีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะนั่งอยู่ในตำแหน่งระดับสูงไม่ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมการประมูลหรือไม่ก็ตาม

“เอ๊ะ?!” เมื่อเมิ่งซ่วนได้ยินเช่นนั้นก็ลังเลขึ้นมา

ในเรื่องของการประมูลนั้นไม่มีขีดจำกัดใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นการประมูลขนาดนี้ ต่อให้จะประมูลของที่ไม่เป็นที่นิยมก็อาจมีราคาที่สูงเช่นกัน

“เมิ่งเมิ่ง ค้างงันอะไรอยู่?ก็แค่ต้องทำการประมูลเท่านั้นเอง นายก็ไม่ได้ไม่มีเงินสักหน่อย จะกลัวอะไรกัน!”

เมื่อสังเกตได้ถึงความลังเลของชายผู้นี้ เหอหยุนที่อยู่ในอ้อมแขนก็แสดงความไม่พอใจในทันที

เมื่อครั้งก่อนหล่อนเคยแพ้เรื่องชุดงานแต่งไปแล้วครั้งหนึ่ง หล่อนจะไม่ยอมแพ้เรื่องงานประมูลอีกครั้งเด็ดขาด

“ได้ ฉันรับปาก!”

เมื่อเมิ่งซ่วนเห็นเช่นนี้จึงได้กัดฟันพลางกระทืบเท้าและตอบรับไปอย่างรวดเร็ว “ก็แค่ต้องประมูลของเอง ยังไงซะฉันก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินอะไรอยู่แล้ว”

พี่เหวินรู้สึกหมดหนทาง เขาไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรกับคนประเภทที่ถึงตายก็ต้องรักษาหน้าตัวเองเอาไว้ดี

การประมูลในครั้งนี้นั้นไม่ง่าย หากต้องการซื้อของประมูลอย่างน้อยก็ต้องจ่ายราคาหลายล้าน สำหรับทรัพย์สินของเมิ่งซ่วนทั้งสองคนนี้ที่มีเพียงสิบล้านนั้นมันเท่ากับการขูดเลือดขูดเนื้อครั้งใหญ่ ความหมายของการต่อสู้เพื่อหน้าตาศักดิ์ศรีที่แทบจะไม่มีในครั้งนั้นเพื่ออะไรกัน?!

“หากท่านแน่ใจ ท่านจำเป็นจะต้องจ่ายค่ามัดจำจำนวนห้าล้านหยวนเพื่อเป็นการรับประกันครับ หากเมื่อถึงเวลานั้นท่านมิได้ทำการประมูลของ เงินมัดจำนี้จะไม่ได้รับคืนนะครับ”

มันคือการดูถูกแต่ถึงยังไงใบหน้าของพี่เหวินก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี เขาแค่เอ่ยเตือนตามกฎก็เท่านั้น

“ก็แค่ห้าล้านไม่ใช่รึไง!”

เมิ่งซ่วนขดปากบึ้งตึงก่อนจะหยิบบัตรเอทีเอ็มออกมา

“คุณผู้ชาย เชิญมากับผมครับ!”

พี่เหวินยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับไปที่เคาท์เตอร์

“พี่เหวิน นี่…..”

มันช่างประจวบเหมาะกับตอนที่ผู้ช่วยหญิงเดินออกมาพร้อมกับบัตรประจำตัวโซนDพร้อมกับมองไปที่สามคนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่สับสน

“คุณผู้ชายท่านี้ยินดีที่จะจ่ายค่ามัดจำจำนวนห้าล้วนหยวนเพื่ออัพเกรดตำแหน่งไปโซนCแทน”

พี่เหวินยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับอธิบายคร่าวๆ

“เอ๊ะ?!”

ผู้ช่วยหญิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางเมิ่งซ่วนสองคนนั้น หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของเย่เทียนก่อนหน้านี้เธอเองก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอก

แต่หากต้องมาเปรียบเทียบกันกับเย่เทียนแล้ว มันช่างเป็นช่องว่างแห่งความแตกต่างที่ใหญ่มากจนทำให้คนรู้สึกขบขันจริงๆ!

ทรัพย์สินของเขามีมากกว่าหนึ่งพันล้านเสียด้วยซ้ำแต่กลับทำตัวถ่อมตนอย่างกับคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมา แต่เมิ่งซ่วนซึ่งเป็นแค่พวกเศรษฐีใหม่ที่มีทรัพย์สินหลายสิบล้านแต่กลับทำตัวหยิ่งทะนง ช่างน่าตลกสิ้นดี!

อย่างไรซะเมื่อเย่เทียนกลับมาที่โรงแรม เฉินหวั่นชิงก็ได้กอดผ้าห่มผล็อยหลับไปเสียแล้ว

ทันใดนั้นเย่เทียนก็เกิดความสงสารขึ้นมาจับใจ เมื่อมองดูหญิงสาวที่จับผ้าห่มเอาไว้แน่น มันก็เป็นการแสดงให้เห็นความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่เธอมี

ใครจะไปคิดกันล่ะว่า ผู้หญิงที่เป็นประธานผู้เฉียบขาดต่อหน้าทุกคนจะรู้สึกขาดความปลอดภัยได้เช่นนี้?

“ฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ?”

น่าเสียดายที่เย่เทียนอุตส่าห์ตั้งใจเหยียบเท้าให้นุ่มนวลแล้วแต่กลับทำให้เฉินหวั่นชิงตกใจตื่นขึ้นมา

“ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย เธอไปนอนต่อไป!”

เย่เทียนรีบก้าวไปข้างหน้าสองก้าวนั่งลงที่ด้านข้างของเตียงพร้อมกับปลอบประโลมหญิงสาว ความทะนุถนอมผุดขึ้นอยู่ในใจซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขามุ่งมั่นในการปกป้องหญิงสาวมากขึ้นกว่าเดิม

ที่จริงแล้ว การนอนหลับของหญิงสาวนั้นช่างตื้นเขินนัก ในวันธรรมดาเธอคงจะต้องรับแรงกดดันมหาศาลเป็นแน่!