เหนื่อยมาทั้งวัน หลังจากถ่ายรูปคร่าวๆไม่กี่ใบแล้วเย่เทียนกับเฉินหวั่นชิงก็กลับไปที่โรงแรม
“ไม่คิดเลยว่าถ่ายรูปแต่งงานก็เป็นงานแรงงานเหมือนกัน เหนื่อยจริงๆเลย”
เฉินหวั่นชิงนอนแผ่อยู่บนเตียงใหญ่ เหนื่อยจนไม่อยากแม้แต่จะขยับนิ้ว
สถานการณ์ของเย่เทียนดีกว่าเยอะอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเหนื่อยอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ไม่เว่อร์ขนาดเฉินหวั่นชิง
“ตอนเราถ่ายรูปแต่งงานเมื่อหลายปีก่อนคุณไม่รู้สึกเหนื่อยเหรอตอนนั้น?”
เย่เทียนหัวเราะอย่างอ่อนใจ ก่อนจะรินน้ำและยื่นไปให้
“ตอนนั้นเราถ่ายแค่กี่ใบเอง”
เฉินหวั่นชิงรับน้ำมาจิบ ก่อนจะเบ้ปาก “คุณปู่ลากคุณกลับมาแล้วก็บังคับให้ฉันไปจดทะเบียนสมรสกับคุณ กะทันหันปานนั้น จะให้ฉันรับไหวได้ยังไง?”
“ถ้าไม่ใช่ว่าคุณปู่ขู่ไม่กินข้าว อย่าว่าแต่ชุดแต่งงานเลย ทะเบียนสมรสฉันก็ไม่ไปจดกับคุณหรอก”
เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับการแต่งงานเมื่อกี้ ทั้งคู่จึงถือว่าไม่มีอะไรติดใจกันแล้ว พอพูดถึงเรื่องในวันวานก็ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง
เย่เทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ถ้าเป็นเขาก็คงรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้
ตอนนี้มันยุคสมัยไหนกันแล้ว การแต่งงานที่เป็นไปตามคำสั่งผู้ใหญ่เลิกนิยมไปนานแล้ว
“จะว่าไป คุณเกลี้ยกล่อมคุณปู่อีท่าไหนเหรอ”
เฉินหวั่นชิงพูดเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ และถามด้วยความอยากรู้ “ทำไมคุณปู่ถึงจะให้ฉันแต่งงานกับคุณกัน”
“เรื่องนี้ผมไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ คุณต้องถามคุณปู่”
เย่เทียนยักไหล่และคลี่ยิ้ม “ตอนนั้นผมโดนตระกูลเย่ไล่ออกมาพอดี กำลังเครียดว่าจะทำยังไงดี จู่ๆคุณปู่ก็ชวนผมมาที่เจียงหนัน ผมก็เลยมา”
“เอาล่ะ! ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันขอพักผ่อนก่อนนะ!”
เฉินหวั่นฉลาดและไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอรู้ดีแก่ใจว่าหัวข้อถัดไปจะเกี่ยวข้องกับส่วนที่เย่เทียนไม่ต้องการพูดถึงมากที่สุด
เธอไม่อยากไปบีบบังคับเย่เทียน ถ้าเย่เทียนอยากพูด วันหนึ่งก็จะบอกเธอเอง
“อืม คุณพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมลงไปเดินเล่นสักรอบสองรอบ”
เย่เทียนไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เขาปิดประตูให้อย่างรู้ใจ หลังจากเดินออกจากโรงแรมแล้วก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมเฟยเฟิ่งที่จัดงานประมูล
เร็วๆนี้เขายังหาแหวนที่ดูดีไม่ได้หรอก แต่อย่างน้อยที่งานประมูลก็มีสร้อยคออยู่เส้นหนึ่งไม่ใช่เหรอ? พอจะใช้เป็นของขวัญขอแต่งงานได้อยู่!
แน่นอนว่าในเมื่อตัดสินใจไปดูที่งานประมูลแล้ว เขาก็ต้องไปศึกษาก่อน เตรียมตัวหน่อย!
……
บริษัทหรูอี้ประมูลจำกัดเป็นบริษัทการประมูลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน แว่วว่าธุรกรรมที่เข้าออกในแต่ละปีสูงถึงหลักหมื่นล้าน มีฐานะที่ไม่ธรรมดาในแวดวงการประมูล
เนื่องจากโรงแรมที่พักอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเฟยเฟิ่ง เย่เทียนจึงเดินมาได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเงยหน้าก็เห็นป้ายการประมูลสีแดงที่แขวนอยู่เหนือโรงแรม
“สวัสดีครับ ผมต้องการเข้าร่วมงานประมูลที่ทางโรงแรมจัดขึ้น ไม่ทราบว่าผมต้องติดต่อใครครับ”
เย่เทียนสอบถามกับ รปภ หน้าประตูโรงแรมเฟยเฟิ่ง
“เข้าร่วมงานประมูลเหรอครับ?”
รปภ ยิ้ม และเปิดประตูโรงแรมให้เอง “สามสี่วันนี้มีคนเหมาโรงแรมเราไว้แล้วครับ คุณเข้าไปถามแผนกต้อนรับส่วนหน้าได้เลยครับ”
เย่เทียนพยักหน้าตามมารยาท ก้าวเท้าพุ่งเข้าไปในโรงแรมเฟยเฟิ่ง ในใจอดอุทานไม่ได้ องค์กรใหญ่ก็คือองค์กรใหญ่ จะจัดงานประมูลต้องเหมาทั้งโรงแรมด้วย ปริมาณจ่ายเงินนี้ไม่ใช่อะไรที่บริษัทธรรมดาจะทำได้เลย
โรงแรมเฟยเฟิ่งตั้งอยู่บนเกาะนกนางนวลนะ ห้องธรรมดาหนึ่งห้องอย่างน้อยๆต้องห้าร้อยหยวน แต่กลับโดนเหมาไว้ตั้งหลายวัน ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะ
“สวัสดีครับ ผมมาลงชื่อเข้าร่วมงานประมูลที่นี่ ไม่ทราบว่าต้องมีขั้นตอนยังไงบ้างครับ”
ยังไงก็ตาม เย่เทียนที่บุกเข้ามาถึงโถงโรงแรมก็มาถึงแผนกต้อนรับส่วนหน้าอย่างรวดเร็ว
“คุณผู้ชายครับ จะเข้าร่วมงานประมูลต้องมีการตรวจสอบความสามารถด้านทรัพย์สินนะครับ”
ขณะนั้น ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างเดินเข้ามา ส่งยิ้มหวานให้เย่เทียนก่อนจะอธิบายอย่างละเอียด “ในเวลางานประมูลจะมีการแบ่งโซนที่นั่งออกเป็นหกโซน ตำแหน่งที่ดีที่สุดในนั้นเป็นโซนวีไอพี ทรัพย์สินต้องมีหลักพันล้านขึ้นไปครับ หลังจากนั้น….”
“สิบล้านเหรอ? ผมน่าจะได้สิทธิ์ครับ”
ไม่รอให้ชายวัยกลางคนพูดจบ เย่เทียนก็ขัดขึ้นก่อน และควักบัตรเครดิตออกมาแกว่ง
“คุณครับ รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวฝ่ายผมจะทำการตรวจสอบให้”
ชายวัยกลางคนรับบัตรเครดิตมาและยื่นให้เพื่อนร่วมงานข้างๆ พร้อมพูดอมยิ้ม “ถ้าคุณผู้ชายรู้สึกเบื่อ ผมให้คนพาคุณผู้ชายไปเยี่ยมชมสร้อยคอรักนิรันดร์ที่เป็นชิ้นที่สำคัญที่สุดในครั้งนี้ก่อนก็ได้ครับ”
“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอกครับ”
เย่เทียนส่ายหัวเล็กน้อย “ผมชอบชื่อของสร้อยเส้นนั้น ส่วนตัวสร้อยคอเป็นยังไงผมไม่สนครับ”
ชายวัยกลางคนพูดอะไรไม่ออกทันที ในสายอาชีพอย่างเขาเจอแขกมาไม่ถึงพันก็ถึงแปดร้อย แต่คนอย่างเย่เทียนเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“พี่เหวิน”
โชคดีที่ตอนนั้นเด็กสาวที่รับผิดชอบตรวจสอบบัตรเครดิตเสร็จพอดี เธอพยักหน้าให้ชายวัยกลางคนเล็กน้อย ถือว่าเป็นการแก้สถานการณ์อึดอัดให้เขา
“ต้องขออภัยด้วยนะครับคุณผู้ชาย เมื่อกี้ผมเสียมารยาทไป ผมต้องขอโทษอย่างสูงเลยครับ หวังว่าคุณจะไม่เก็บไปใส่ใจ”
ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าพี่เหวินได้สติขึ้นมาทันควัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็ยังขอโทษขอโพยเย่เทียนกับการชะงักไปเมื่อกี้
ยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นคนเดือดที่มีทรัพย์สินหลักพันล้านขึ้น ถ้าเป็นคนประเภทใจคอคับแคบเขาได้ซวยแน่
“ไม่เป็นไร ผมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น”
เย่เทียนเก็บบัตรเครดิตคืน พร้อมโบกมือ “ต้องมีเอกสารอื่นๆในการเข้าร่วมงานประมูลอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มีผมไปก่อนนะ”
“คุณครับ นี่คือบัตรที่นั่งงานประมูลของคุณครับ วันงานประมูลคุณแสดงบัตรนี้ให้ รปภ ดูได้เลยครับ”
พี่เหวินลอบถอนหายใจ รีบหยิบบัตรสีทองจากเคาน์เตอร์และยื่นไปให้
“รบกวนด้วยครับ ผมไปก่อนล่ะ!”
เย่เทียนรับบัตรสีทองมาดู ก่อนจะใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างไม่ใส่ใจ
มองเย่เทียนไปจนลับตา
“พี่เหวิน คนรวยสมัยชอบทำตัวเงียบๆไม่เอิกเกริกเหรอคะ?”
ผู้ช่วยอดอุทานไม่ได้ “เกรงว่าถ้าพูดออกไป ใครจะเชื่อว่าพี่ชายคนนั้นมีทรัพย์สินกว่าพันล้าน”
“นี่เป็นเรื่องปกติ ยิ่งคนที่ร่ำรวยมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งทำตัวเงียบ กลัวว่าจะนำภัยมาสู่ตัวเองได้หากมีคนให้ความสนใจ”
พี่เหวินยิ้มเฝื่อนๆและส่ายหัว “น้องชายคนนั้นอายุแค่นี้เอง ก็มีสมบัติมากขนาดนี้แล้ว คงจะเป็นคุณชายของตระกูลใหญ่สักตระกูล!”
“น่าเสียดายจริงๆ ดูท่าทางของเขาแล้ว น่าจะมีผู้หญิงที่ชอบอยู่แล้วนะคะ”
ผู้ช่วยสาวถอนหายใจเศร้าสร้อย “มิฉะนั้นเขาคงไม่อยากได้สร้อยรักนิรันดร์เพียงเพราะชื่อหรอก”
“เธอนี่นะ!”
พี่เหวินปรายตามองผู้ช่วยสาว ตบไหล่ของเธอ “คุณชายระดับนี้ส่วนใหญ่เน้นเรื่องคู่ควรด้านชาติตระกูล กลางวันแสกๆเธอเลิกฝันได้แล้ว……”