“ที่รัก คุณว่าทำไมคนบางคนไม่ค่อยมีเงินแท้ๆ แต่ดันทำตัวหน้าใหญ่ ไม่กลัวโดนหัวเราะเยาะเหรอ”
ยังไงก็ตาม รอจนคู่แต่งงานคู่นั้นถ่ายรูปเสร็จแล้วและเดินผ่านพวกเย่เทียน ผู้หญิงคนนั้นก็กระแนะกระแหนขึ้นมา
“นี่เพื่อน ชุดแต่งงานลอกเลียนแบบชั้นสูงที่ภรรยาคุณใส่อยู่สั่งตัดจากที่ไหนเหรอ? เสียเงินไปเท่าไหร่น่ะ?”
“ผมว่าฝีมือดีอยู่นะ นอกจากตะเข็บที่หยาบไปหน่อย ที่เหลือดูเหมือนของแท้เลย ถ้าไม่แพงไว้ผมจะไปจัดมาสักชุดบ้าง!”
ผู้ชายคนนั้นได้ฟังก็เข้าไปอยู่ตรงหน้าเย่เทียนและพูดจาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“ไม่เอา! ฉันไม่ใส่เสื้อผ้าเลียนแบบทุเรศทุรังแบบนั้นหรอก!”
ฝ่ายหญิงรีบโบกมือปฏิเสธ และด่าลอยๆ “ถ้าโดนจับได้เหมือนคนบางคน ฉันไม่หน้าด้านเหมือนคนแบบนั้นหรอกนะ”
“ในเมื่อพวกคุณรู้จักชุดแต่งงานนี้ คงเคยเข้าร้านชุดแต่งงานร้านนั้นล่ะสิ”
เย่เทียนไม่ได้สนใจคำพูดถากถางของทั้งสองคน เขายักไหล่ด้วยท่าทีสงบ “ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ค่อยเข้าไปถามที่ร้านตอนคืนชุดแต่งงานก็ได้นะ”
“พวกเราต้องไปอยู่แล้ว!”
หน้าตาผู้ชายฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะแค่นเสียงเย็น “ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องแก้ไขในสิ่งที่คุณพูดหน่อย ชุดแต่งงานของภรรยาผมไม่ใช่ชุดเช่า แต่ซื้อมาในราคาสองแสนกว่า!”
เย่เทียนส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ขี้เกียจจะพูดมากกับตัวตลกพรรค์นี้ แค่สองแสนก็โอ้อวดได้ คนตัวเล็กๆแบบนี้เขาไม่สนใจเลยสักนิด!
ไม่ว่ายังไง ตอนที่คู่แต่งงานคู่นี้ไปแล้ว ในที่สุดเย่เทียนกับเฉินหวั่นชิงก็เริ่มถ่ายรูปกันได้
แม้ว่าเซ่อันจะอินดี้ไปหน่อย แต่มีความสามารถสูง ภายใต้การแนะนำของเขา ท่าของทั้งสองที่ถ่ายออกมาเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุข
ทำให้เจียงเชี่ยนที่ไม่เคยอยากแต่งงานรู้สึกอยากแต่งงานขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“เย่เทียน คุณลองคุกเข่าลงมั้ย? เรามาถ่ายแบบพิเศษกัน”
ทันใดนั้น เฉินหวั่นชิงที่กำลังถ่ายรูปอยู่ก็หันมาตะโกนใส่เย่เทียน
“พิเศษแบบไหน?”
เย่เทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้เลยว่าเฉินหวั่นชิงจะทำอะไร
“โอ๊ย คุณแค่คุกเข่าลงก็จบ”
เฉินหวั่นชิงเบ้ปากทันที
ตุ้บ!
แม้ว่าใต้เข่าบุรุษมีทองคำอยู่ แต่สำหรับเฉินหวั่นชิง เย่เทียนรู้สึกผิดต่อเธอมาตลอด พอเห็นว่าเธอไม่พอใจขึ้นมาอย่างชัดเจน ก็คุกเข่าลงทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“หืม?!”
เฉินหวั่นชิงตกใจ ก่อนจะพูดอย่างทำหน้าไม่ถูก “คุณทำอะไรน่ะ? ใครบอกให้คุณคุกเข่าสองข้าง?”
เย่เทียนผงะ ก่อนจะรีบยกขาข้างหนึ่งขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้งๆ กลายเป็นคุกเข่าหนึ่งข้าง
เฉินหวั่นชิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และยื่นมือขวาขาวนวลออกไปช้าๆ
เย่เทียนรู้อยู่แล้วว่าต้องทำยังไง เขาก็รีบยื่นมือไปจับไว้เช่นกัน
และในตอนนั้นเอง ตากลมโตสดใสของเฉินหวั่นชิงกลับฉายแววหม่นหมอง ท่าทางเหมือนน้ำตาจะตก!
“หวั่นชิง คุณ….”
เย่เทียนเห็นแบบนั้นก็ลนลานขึ้นมาทันที อยู่ดีๆทำไมถึงร้องไห้ล่ะ หรือตัวเองทำตรงไหนได้ไม่ดีพอเหรอ?
“ตกลง!”
แต่ไม่รอให้เย่เทียนพูดอะไรออกมา เฉินหวั่นชิงก็พยักหน้าแรงๆและตะโกนลั่น
เย่เทียนรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดใส่ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเฉินหวั่นชิงจะทำอะไร นี่มันสถานการณ์การขอแต่งงานชัดๆ!
ตกลง!
คำง่ายๆธรรมดา ที่เย่เทียนไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้ยินจากปากเฉินหวั่นชิง
ทว่าตอนนี้ เฉินหวั่นชิงตะโกนออกมาจริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่เทียนจะตื้นตันขนาดไหน!
นี่ก็หมายความว่าความพยายามของเขาก่อนหน้านี้ไม่สูญเปล่า เฉินหวั่นชิงเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเขาไปแล้วจริงๆ และเต็มใจเป็นสามีภรรยากับเขาจริงๆ!
ช่วงเวลาหลายเดือนมานี้ แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะดีขึ้นไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นสามีภรรยาจริงๆ
แต่บัดนี้ เย่เทียนรู้ดีแก่ใจว่าถ้าเขารุกหน่อย คืนนี้เขาและเฉินหวั่นชิงจะได้เป็นสามีภรรยาที่แท้จริง ชีวิตประจำวันของทั้งคู่จะตวัดหากันอย่างสมบูรณ์!
“ผม ผมลืมเอาแหวนมา”
เย่เทียนตื้นตันจนเริ่มพูดติดอ่าง
“คุณนี่โง่จริงๆ”
เฉินหวั่นชิงสูดลมหายใจเข้าลึก กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาสุดฤทธิ์ ก่อนจะยิ้มและส่ายหัว “ฉันก็นึกได้กะทันหันเหมือนกัน ครั้งนี้ฉันจะปล่อยคุณไปก่อน กลับไปแล้วคุณต้องชดเชยให้ฉันนะ”
“ชดเชย ผมชดเชยให้แน่ๆ!”
เย่เทียนพยักหน้าแรงๆ และดึงเฉินหวั่นชิงมาอยู่ในอ้อมกอดอย่างทนไม่ไหว พูดอย่างอ่อนโยน “เมียจ๋า คุณวางใจได้ หลังจากนี้ขอแค่มีผมอยู่ จะไม่ปล่อยให้คุณต้องทุกข์ใจแม้แต่วินาทีเดียว!”
“พี่อัน ไม่ว่าเย่เทียนจะเป็นแมงดาหรือไม่ แต่เฉินหวั่นชิงมีความสุขอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ”
เจียงเชี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆเช็ดน้ำตาอย่างอดไม่ได้ แม้เธอจะไม่รู้เรื่องระหว่างทั้งสอง แต่ภาพที่เปี่ยมสุขนี้ก็ทำให้เธอซึ้งไปด้วยสุดๆ
เซ่อันพยักหน้าอย่างใช้ความคิด อาจเพราะทั้งเมืองเจียงหนันต่างมองเย่เทียนไม่ค่อยดีนัก จนเขาก็คิดว่าเฉินหวั่นชิงต้องทุกข์ใจสุดๆไปด้วย
แต่ใคเล่าจะรู้ จริงๆแล้วความสุขที่เฉินหวั่นชิงต้องการ คนทั่วไปให้ไม่ได้เลย!
“เสี่ยวเชี่ยน เฉินหวั่นชิงมีความสุขจริงๆ แต่มีอย่างหนึ่งที่เธอพูดผิด”
“เย่เทียนจะใช่แมงดาจริงๆมั้ย เรายังไม่รู้!”
เซ่อันที่รู้นิสัยเจ๊หยกดีรู้ว่าที่อยู่ๆเจ๊หยกพูดเรื่องงานประมูล คงตั้งใจให้เย่เทียนต้องขายหน้า เพื่อให้เฉินหวั่นชิงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเย่เทียน
ถ้าเย่เทียนมีความสามารถจริงๆ ถ้าอย่างนั้นการประมูลครั้งนี้จะกลายเป็นบันไดให้เขาได้เหยียบขึ้นไปอีกครั้ง!
ขณะเดียวกัน คู่แต่งงานก่อนหน้านี้ก็พากันกลับไปถึงร้านชุดแต่งงาน พอเห็นว่าชุดแต่งงานที่เป็นของดีประจำร้านหายไปจากตู้กระจก สีหน้าของผู้หญิงก็อึมครึมลงในบัดดล
ความจริงได้ประจักษ์ว่า ชุดแต่งงานที่เธอเห็นก่อนหน้านี้เป็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เจ๊หยก ชุดแต่งงานที่เป็นของดีประจำร้านของคุณล่ะ? โดนซื้อไปแล้วจริงๆเหรอ?”
ชายคนนั้นถามเจ๊หยกด้วยความไม่ยอมแพ้
เจ๊หยกพยักหน้ายืนยัน “ใช่ค่ะ! เมื่อกี้นี่เอง”
เมื่อได้รับคำตอบยืนยันแล้ว สีหน้าของฝ่ายชายก็ย่ำแย่ลงเช่นกัน พอนึกถึงคำพูดเยาะเย้ยที่เขาพูดใส่เย่เทียนก่อนหน้านี้ ก็เหมือนโดนฝ่ามือที่มองไม่เห็นตบเข้าให้ จนเขาอยากจะแทรกแผ่นดินหนี!
“จะว่าไป ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคิดอะไรอยู่ เป็นถึงประธานบริษัท ทำไมถึงไปชอบแมงดาเอาได้ โดนประตูหนีบหัวมาหรือเปล่านะ”
เจ๊หยกไม่ได้สนใจสีหน้าของทั้งสอง เธอส่ายหัวและอุทานด้วยความสะท้อนใจ
“แมงดา?!”
ผู้ชายฟังแล้วกลับมามีสีหน้ามั่นใจในบัดดล
“เจ๊หยก คุณจะบอกว่าเงินค่าชุดแต่งงานเป็นของฝ่ายหญิงเหรอ”
แม้ว่าชุดแต่งงานที่เขาซื้อมาจะแค่สองแสน แต่ก็ยังเป็นเงินของเขาเองนะ ถ้าเย่เทียนเป็นแมงดา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเยี่ยมยอดกว่าเย่เทียน!
“ใช่น่ะสิ ถึงแม้ฝ่ายชายจะเป็นคนหยิบบัตรออกมา แต่ฉันลองดูแล้ว เป็นชื่อบริษัท ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเงินของผู้หญิงคนนั้น”
เจ๊หยกหัวเราะแหะๆ และพูดอย่างสื่อความนัย “จำงานประมูลที่ฉันบอกพวกคุณก่อนหน้านี้ได้มั้ยคะ? ฉันบอกพวกเขาไปเหมือนกัน ถ้าพวกคุณอยากดูเรื่องสนุกก็ลองไปดูได้นะคะ”
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมต้องไปดูหน่อยแล้ว”
หน้าตาผู้ชายฉายแววเคียดแค้น “ผู้ชายอย่างเขาทำให้ผู้ชายอย่างเราต้องอับอาย ผมล่ะอยากจะเห็นว่าเขาจะทำตัวเองขายหน้าแบบไหน……”