“ผมจะเยี่ยมยอดหรือไม่ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับคุณนะ?”
ถึงแม้คำพูดของเจ๊หยกถือว่ามีมารยาทอยู่ แต่เย่เทียนจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอต้องการสื่ออะไร ไม่มีทางตอบด้วยท่าทีดีๆอยู่แล้ว
“เมื่อกี้ฉันก็บอกแล้วไงคะ ว่าแค่สงสัยเฉยๆ”
เจ๊หยกเบ้ปากยังดูสถานการณ์ไม่ออก และไม่สนใจท่าทีของเย่เทียนเลยสักนิด
“คุณสงสัย ผมก็ต้องบอกคุณเหรอ?”
เย่เทียนหันมาเล็กน้อย และมองเจ๊หยกด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ไม่อยากบอกก็ช่างเถอะ ฉันแค่ว่างเลยถามไปอย่างนั้นค่ะ”
เจ๊หยกโดนจ้องจนใจคอไม่ดี เธอฝืนกลั้นไว้และหันหน้าหนี
รอกันไปอีกเกือบสองนาที ในที่สุดเฉินหวั่นชิงก็เดินออกมาจากห้องลองชุดด้านใน
เฉินหวั่นชิงในชุดรักมั่นตราบชั่วชีวิตประหนึ่งนางฟ้าที่แอบลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่แค่ผู้ชายทั้งแท่งอย่างเย่เทียนที่อึ้ง ขนาดเจ๊หยกและเซ่อันยังชะงักไปหลายวิ
โดยเฉพาะเจ๊หยก เธอในฐานะเจ้าของร้านชุดแต่งงานนี้ เคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดแต่งงานมาบานตะไท แต่คนที่ใส่ชุดแต่งงานแล้วชวนใจเต้นแรงอย่างเฉินหวั่นชิงเธอเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก
ให้ตายเจ๊หยกก็คิดไม่ตกว่าผู้หญิงที่ทั้งหน้าตาดีและมีความสามารถอย่างเฉินหวั่นชิง ทำไมถึงได้แต่งงานกับแมงดาอย่างเย่เทียน
“เมียจ๋า คุณเผลอเหยียบหลุมตกลงมารึเปล่าเนี่ย”
เย่เทียนเดินมาอยู่ตรงหน้าเฉินหวั่นชิงอย่างอดไม่ไหว สีหน้าอ่อนโยนลึกซึ้ง
“หลุมอะไร?”
เฉินหวั่นชิงมองเย่เทียนด้วยความงุนงง
“ไม่อย่างนั้นทำไมคุณถึงตกสวรรค์มาอยู่ในโลกของเราล่ะ”
เย่เทียนอมยิ้ม ยื่นมือไปปัดปอยผมของเฉินหวั่นชิงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“คุณไปเรียนคำพูดน้ำเน่าพวกนี้มาจากไหน น้ำเน่าแทบบ้า”
เฉินหวั่นชิงขำ ทว่าอบอุ่นใจสุดๆ
“คำพูดน้ำเน่าอะไรกัน”
เย่เทียนยิ้มยิงฟัน “นี่เป็นสิ่งที่ผมคิดในใจจริงๆ”
เจ๊หยกข้างๆได้ยินแล้วมองบนรัวๆ คนอย่างเย่เทียน ไม่ค่อยจะหล่ออยู่แล้ว ยังพูดไม่เก่งอีกด้วย หลอกเฉินหวั่นชิงมาอยู่ในมือได้ยังไงกัน?
“เสี่ยวอัน นายไปหาคนเพี้ยนๆแบบนี้มาจากไหน ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีความสามารถที่สุดที่ฉันได้เห็นมา”
คิดมาถึงตรงนี้ เจ๊หยกอดแดกดันเสียงเบากับเซ่อันที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้
น่าเสียดาย เซ่อันในตอนนี้ยังตะลึงในความงามของเฉินหวั่นชิงอยู่ สมกับเป็นประธานคนสวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียงหนัน ไม่ได้โม้เลยนะ!
ไม่ว่ายังไง หลังจากนั้นเย่เทียนก็เปลี่ยนเป็นชุดสูท และให้ความรู้สึกสุภาพบุรุษขึ้นมาทันที
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับความสนใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังไงซะก็เกิดในตระกูลไฮโซ ต้องมีบุคลิกติดตัวที่ถูกอบรมบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว
จนถึงบัดนี้เจ๊หยกถึงมองเย่เทียนเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง บางที เฉินหวั่นชิงอาจจะถูกบุคลิกแบบนี้ของเย่เทียนดึงดูดไปก็ได้
“ในเมื่อทั้งสองคนเลือกเสื้อผ้าได้แล้ว ผมขอเสนอให้ฉวยโอกาสที่พระอาทิตย์กำลังจะตก ไปถ่ายเพื่อดูผลลัพธ์กันหน่อยมั้ยครับ?”
พอเห็นเย่เทียนสองคนที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จสรรพ สภาพราวกับกิ่งทองใบหยก เซ่อันก็ก้าวไปข้างหน้าและเสนอ
“ผมไม่มีปัญหา”
เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย และหันไปมองเฉินหวั่นชิง
“ฉันก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
เฉินหวั่นชิงยิ้มหวาน “ยังไงซะชุดแต่งงานตัวนี้ก็แพงขนาดนี้ ฉันก็อยากเห็นว่าถ่ายออกมาจะเป็นยังไง”
“งั้นเราไปกันเถอะ!”
เย่เทียนได้ยินดังนั้นก็จูงมือของเฉินหวั่นชิงขึ้นมา และก้าวเท้าออกจากร้าน
“เดี๋ยวสิคะ ทั้งสองคนรอก่อน”
แต่ในตอนที่ทั้งคู่กำลังจะออกไปจากร้านชุดแต่งงาน เจ๊หยกก็หยุดพวกเขาไว้อย่างรวดเร็ว
“คนหล่อ คุณรักภรรยาของคุณมากขนาดนี้ เชื่อว่าคุณคงอยากมอบสิ่งที่สวยงามที่สุดบนโลกนี้ให้เธอใช่มั้ยคะ?”
เจ๊หยกจับจ้องไปที่เย่เทียน
เย่เทียนพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “แน่นอนอยู่แล้ว”
“อีกสองวันที่โรงแรมเฟยเฟิ่งบนเกาะนกนางนวลจะจัดงานประมูลขึ้น ในตอนนั้นจะมีสร้อยคอเส้นหนึ่งที่ชื่อว่ารักนิรันดร์ คุณลองไปประมูลดูมั้ยคะ”
เจ๊หยกยิ้มกว้างก่อนจะควักใบโปรโมทงานประมูลออกจากอกและยื่นไปให้
“รักนิรันดร์เหรอ แค่ชื่อผมก็ต้องไปดูหน่อยแล้ว”
เย่เทียนมองเจ๊หยกอย่างใช้ความคิด ก่อนจะรับใบโปรโมทมาด้วยรอยยิ้ม
เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าขอร้านชุดแต่งงานจะเป็นโฆษกให้กับงานประมูลด้วย คิดว่าน่าจะได้ผลประโยชน์ไม่น้อย
แต่ยังไงซะเขาก็ไม่ขาดแคลนเงินแค่นี้ ถ้ามีเวลาก็ไปดูหน่อยใช่ว่าจะไม่ได้
เจ๊หยกมองแผ่นหลังของเย่เทียนที่ไกลออกไป รอยยิ้มบนหน้าหายไปทันควัน ความดูหมิ่นดูแคลนเข้ามาแทนที่
งานประมูลครั้งนี้มีเศรษฐีและคนใหญ่คนโตเข้าร่วมไม่น้อย สร้อยคอที่ชื่อว่ารักนิรันดร์ยิ่งถูกปั่นกระแสจนฮอตสุดๆ ถึงเวลานั้นต้องเป็นการประมูลที่ดุเดือดอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆคงจะเริ่มกันที่หลักสิบล้าน
เธอแกล้งบอกข่าวนี้กับเย่เทียนเพราะหวังให้เย่เทียนเผยธาตุแท้ในงานประมูล ให้เฉินหวั่นชิงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา!
ยังไงซะแม้ว่าชุดแต่งงานราคาเกือบสามล้านจะถือว่าแพง แต่ก็ยังไม่เว่อร์จนเอื้อมไม่ถึง สร้อยคอรักนิรันดร์เส้นนั้นสิคือของฟุ่มเฟือยราคาเอื้อมไม่ถึงอย่างแท้จริง
ยังไงก็ตาม ด้วยการนำทางของเซ่อัน เย่เทียนและเฉินหวั่นชิงมาถึงจุดถ่ายรูปอย่างรวดเร็ว
แต่มีคู่แต่งงานคู่หนึ่งได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดไปแล้ว ทั้งหมดจึงต้องยืนรออยู่ข้างๆ
คู่แต่งงานคู่นี้ตั้งใจมาเก็บภาพแต่งงานที่เกาะนกนางนวลเหมือนกัน ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเห็นชุดแต่งงานบนตัวเฉินหวั่นชิง ใบหน้างดงามที่แต่งหน้ามาจัดเต็มก็ฉายแววอิจฉาอย่างไม่ปิดบัง
เธอก็เคยไปร้านชุดแต่งงานของเจ๊หยก รู้ราคาของชุดรักมั่นตราบชั่วชีวิตดี คิดไม่ถึงว่าจะมีคนยอมจ่ายเงินซื้อจริงๆ
คนเรา ยังไงก็มีความรู้สึกเปรียบเทียบ โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่ขี้อิจฉาอยู่แล้ว พอรู้ตัวว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้ ความริษยาในใจก็จะพลุ่งพล่านกว่าเดิม
“คุณดูคนอื่นสิ! ดูซิชุดแต่งงานบนตัวผู้หญิงคนนั้นก็คือชุดราคาสามล้านนั่น แล้วคุณดูซิว่าฉันใส่อะไรอยู่!”
ชั่วขณะนั้น การเก็บภาพที่สงบสุขในตอนแรกพลันเปลี่ยนไปภายใต้ความริษยาของฝ่ายหญิง สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นอึมครึมลงในบัดดล
ความจริง ผู้ชายคนนั้นแอบมองเฉินหวั่นชิงด้วยหางตาอยู่แล้ว
ไม่มีเหตุผลอื่น เฉินหวั่นชิงในชุดแต่งงานเจิดจรัสเกินไป ไม่โดนมองคงจะยาก!
แต่ต่อให้ในใจเขาจะชอบแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงข้างกายก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่สนใจ
“คุณก็พูดอยู่ว่าชุดแต่งงานนั้นตั้งสามล้าน คนโง่ที่ไหนจะเสียเงินขนาดนั้นเพื่อซื้อชุดแต่งงานโดยเฉพาะ?”
ผู้ชายพูดอย่างดูถูก “ผมว่าไม่แน่พวกเขาอาจจะเคยมาครั้งหนึ่งแล้ว เห็นว่าชุดแต่งงานตัวนั้นไม่เลว จึงกลับไปตัดชุดเลียนแบบแล้วกลับมาใหม่”
“ที่รักดูดีๆสิ ตะเข็บชุดแต่งงานของเธอหยาบไปรึเปล่า”
ผู้หญิงได้ฟัง ก็หันไปมองตะเข็บชุดแต่งงานของเฉินหวั่นชิงตามสัญชาตญาณ พยักหน้าอย่างใช้ความคิด รู้สึกลางๆว่าฝีมือการตัดห่วย สีหน้าอิจฉาที่มองเฉินหวั่นชิงในตอนแรกเปลี่ยนเป็นเย้ยหยันทันที……