บทที่ 527 ไม่เกี่ยวกับนาย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ชุดแต่งงานนี้เรียกว่ารักมั่นตลอดชีวิต เป็นงานออกแบบและสร้างสรรค์โดยปรมาจารย์ต่างประเทศคนหนึ่ง ใช้เวลาตัดนานกว่าสองปีเต็ม หนึ่งเดียวในโลก!”

เมื่อเห็นว่ากะจิตกะใจของเฉินหวั่นชิงไปอยู่ที่ชุดแต่งงานหมด เจ๊หยกก็ยิ้มเฝื่อนๆและส่ายหัว “น่าเสียดายที่เพราะเหตุนี้ ราคาของชุดแต่งงานนี้จึงค่อนข้างแพง”

“ถ้าคุณชอบแนวนี้ เดี๋ยวฉันพาคุณไปดูตัวอื่นที่แบบคล้ายๆกันได้ค่ะ”

ไม่ใช่ว่าเจ๊หยกดูถูกคน แต่เธอไม่ได้เพิ่งเปิดร้านได้วันสองวัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาจะโดนชุดแต่งงานนี้ดึงดูด แต่พอได้ยินราคาก็หยุดความคิดไว้แค่นี้

เนื่องจากเจอมาเยอะ เจ๊หยกจึงสรุปวิธีแนะนำง่ายๆออกมา

“ถ้าเช่าเท่าไหร่คะ?”

เฉินหวั่นชิงส่ายหัวเล็กน้อย ไม่ได้ยอมแพ้ซะทีเดียว

เย่เทียนส่ายหัวและยิ้มเล็กน้อย “ต้องขออภัยจริงๆค่ะ ชุดแต่งงานนี้ขายอย่างเดียว ไม่ปล่อยเช่า”

“แล้วถ้าขายล่ะครับ? ถ้าขายราคาเท่าไหร่”

จู่ๆเสียงเย่เทียนก็ดังขึ้นมา

“สองล้านแปดแสนแปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปด”

เจ๊หยกหันมองเย่เทียนตามสัญชาตญาณ สายตาคมกริบคู่นั้นพบว่าถึงแม้เย่เทียนจะใส่เสื้อผ้ามียี่ห้อ แต่ก็เป็นยี่ห้อทั่วไป จึงไม่ตั้งความหวังมาก

“หืม?!” คิ้วเรียวของเฉินหวั่นชิงขมวดทันที

ถึงแม้เงินแค่นี้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ แต่ใช้เงินเกือบสามล้านซื้อชุดแต่งงานที่ใส่แค่ครั้งเดียว เธอลังเลอยู่บ้าง

เจ๊หยกไม่แปลกใจกับท่าทีของเฉินหวั่นชิงแล้ว เธอเปลี่ยนเรื่องพูด “ในร้านฉันมีชุดแต่งงานที่แนวเดียวกับชุดนี้อยู่หลายชุดค่ะ เดี๋ยวฉันพาพวกคุณไปดู”

“ไม่จำเป็น”

ไม่รอให้เฉินหวั่นชิงตอบ เย่เทียนก็ชิงส่งเสียงขึ้นมาก่อน “พวกเราเอาชุดนี้แหละ”

“หืม?!”

คราวนี้เป็นตาเจ๊หยกอึ้ง เธอมองเย่เทียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะทอดสายตาไปที่เซ่อันด้วยความฉงน

ความจริงแล้ว เซ่อันก็ผงะไปเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะใจใหญ่ขนาดนี้

เขารู้ตื้นลึกหนาบางของเฉินหวั่นชิงดี แต่จะเสียเงินเกือบสามล้านเพื่อซื้อชุดแต่งงานที่ไม่มีประโยชน์อื่นใดจริงๆเหรอ?

“เย่เทียน ไม่ต้องก็ได้มั้ง?”

เฉินหวั่นชิงได้สติกลับมา และหันไปส่ายหัวให้เย่เทียน “ของแพงขนาดนี้ ฉันใส่ได้แค่ครั้งเดียวด้วย สิ้นเปลืองเกินไป”

“ไม่เป็นไร”

เย่เทียนยักไหล่ และพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้ผมกวาดสายตาดูคร่าวๆแล้ว ที่นี่มีแค่ชุดแต่งงานชุดนี้ที่พอคู่ควรกับคุณอยู่บ้าง”

เจ๊หยกได้ยินดังนั้นก็กลอกตามองบนทันที นี่ชุดแต่งงานราคาเกือบสามล้านเลยนะ พอคู่ควรอยู่บ้าง? เก๊กเกินไปรึเปล่า?

“ทั้งสองท่าน ลองคุยกันดูก่อนนะคะ”

คิดมาถึงตรงนี้ เจ๊หยกบอกกับเย่เทียนสองคนก่อนจะเดินไปอยู่ข้างๆเซ่อัน และลากเขาไปด้านข้างสองสามก้าวอย่างเงียบเชียบ

“เสี่ยวอัน สองคนนี้ที่นายพามาเป็นมายังไงเหรอ ผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้หลอกขายฝันฉันใช่มั้ย?”

เจ๊หยกกดเสียงให้เบาลง และสอบถามกับเซ่อัน

“คนผู้ชายผมไม่รู้จริงๆ แต่….”

เซ่อันยิ้มอย่างอ่อนใจ “คนผู้หญิงเป็นประธานบริษัท ทรัพย์สินของเธออย่างน้อยๆก็หลักร้อยล้าน ถ้าเธอยอม ร้านของพี่ได้เปลี่ยนของดีประจำร้านแน่”

“ที่แท้ก็เป็นแมงดา”

เจ๊หยกหันไปมองเย่เทียนด้วยสัญชาตญาณ และมองบนพร้อมกล่าว “ฉันก็ดีใจเก้อเลยล่ะสิ คนที่ตัดสินใจได้ก็เป็นผู้หญิงอยู่ดี”

“ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคิดอะไรอยู่ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดูหล่ออะไรเท่าไหร่เลย ทำไมถึงชอบคนเกาะผู้หญิงกินแบบนี้นะ?”

เย่เทียนไม่รู้หรอกว่าเจ๊หยกมองเขายังไง เขาในตอนนี้กำลังหารือกับเฉินหวั่นชิง

“เย่เทียน เราลองดูชุดอื่นกันเถอะ ชุดนี้แพงเกินไปจริงๆ”

แม้ว่าเฉินหวั่นชิงจะชอบชุดแต่งงานนี้ แต่ที่ซื้อมาก็ได้แค่ถ่ายรูปแต่งงาน ใช้เงินมากขนาดนั้นออกจะผลาญเงินเกินไปหน่อย

“ไม่เป็นไร”

เย่เทียนยิ้มเล็กน้อย “คราวนี้คุณอุตส่าห์พาผมมาถ่ายรูปแต่งงานใหม่ ในเมื่อคุณชอบ เราก็ซื้อไว้สิ ยังไงซะก็แค่สามล้าน ไม่ใช่เงินก้อนใหญ่อะไร”

“เดี๋ยวสิ เย่เทียน…..”

แม้ว่าน้ำเสียงของเย่เทียนจะอ่อนโยนมาก แต่เฉินหวั่นชิงกลับรู้สึกได้ลางๆถึงความปฏิเสธไม่ได้ แต่พอนึกถึงประโยชน์ในการใช้จริงของชุดแต่งงานนี้ เธอก็ยังอยากปฏิเสธเพราะความมีเหตุผล

“เอาล่ะๆ เมื่อก่อนผมฟังคุณมาตลอด คราวนี้คุณฟังผมแล้วกัน!”

ไม่รอให้เฉินหวั่นชิงพูดจบ เย่เทียนก็ขัดขึ้นทันที

พอเห็นสีหน้าจริงจังของเย่เทียน เฉินหวั่นชิงก็ยอมจำนน แม้จะนึกเสียดายในใจอยู่บ้าง แต่ความดีใจมีมากกว่า

เจียงเชี่ยนอีกด้านมองเฉินหวั่นชิงด้วยหน้าตาอิจฉา แม้ว่าเธอจะทำตัวทอมๆ แต่ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง จะไม่ให้หวังได้ยังไงว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งที่รักใคร่เธอแบบนี้?

“เป็นยังไงบ้างคะ? หารือกันเสร็จรึยัง?”

ขณะนั้น เจ๊หยกรู้สึกได้อย่างเฉียบแหลมว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะคุยกันเสร็จแล้ว เธอรีบบอกเซ่อัน และเดินเข้ามาถาม

“เอา!”

เย่เทียนพยักหน้าแรงๆ “จำเป็นต้องจ่ายเงินก่อนแล้วค่อยลองมั้ย ถ้าใส่แล้วไม่พอดีตัวล่ะจะทำยังไง”

“เรื่องนี้คุณสบายใจได้เลยค่ะ ชุดแต่งงานนี้มีความยืดหยุ่นอยู่ระดับหนึ่ง”

เจ๊หยกอมยิ้ม นัยน์ตาคู่สวยที่มองเย่เทียนฉายแววดูถูกลางๆอย่างยากจะสังเกต

ที่ชุดแต่งงานชุดนี้ที่ตั้งมานานหลายปีขายออกได้ไม่มีเหตุผลให้เธอไม่พอใจ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดูหมิ่นผู้ชายเกาะผู้หญิงกินอย่างเย่เทียน

ผู้ชายที่หน้าด้านไร้ยางอาย ใช้เงินของผู้หญิงสร้างบารมีให้ตัวเอง เชื่อว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องไม่ชอบอยู่แล้ว!

เย่เทียนไม่รู้หรอกว่าเจ๊หยกคิดอะไรอยู่ เมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจนแล้ว ก็หยิบบัตรออกมารูดด้วยไม่อิดออด

เนื่องจากชุดแต่งงานนี้สวมใส่ไม่ง่าย เจียงเชี่ยนจึงตามเข้าไปช่วยเฉินหวั่นชิงในห้องลองชุด

“คนหล่อ ดูท่าทางคุณจะรักภรรยาคุณมากนะคะ ไม่ทราบว่าคุณทำอาชีพอะไรเหรอ?”

จังหวะนี้ เจ๊หยกก็เดินเข้ามาอยู่ข้างกายเย่เทียน และถามหยั่งเชิงไปเรื่อยๆ

แต่ความดูหมิ่นที่เจือมาในน้ำเสียงของเธอเล็กน้อยนั้น เป็นการแสดงสิ่งที่เธอคิดในใจออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย

“เมื่อกี้คุณไปถามเซ่อันมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ต้องมาถามผมอีกเหรอ?”

เย่เทียนเหลือบมองเจ๊หยกนิ่งๆ มุมปากกระตุกรอยยิ้มพิศวง

เจ๊หยกอึดอัดเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะได้ยินที่เธอไปถามเซ่อันมาเมื่อกี้

“คนหล่อ ฉันแค่สงสัยเท่านั้น คุณอย่าถือสานะคะ”

แต่ยังไงซะเจ๊หยกก็เจอคนมามาก จึงตั้งสติกลับมาได้ในไม่ช้า และพูดอย่างดูหมิ่น “ยังไงซะการที่คุณได้แต่งงานกับประธานบริษัทที่มีทรัพย์สินมหาศาลขนาดนั้น แสดงว่าตัวคุณเองก็ต้องเยี่ยมยอดมากด้วยใช่มั้ยคะ?”

เธอไม่เข้าใจจริงๆ เฉินหวั่นชิงในฐานะประธานบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ต้องพูดถึงความเยี่ยมยอดของเธอ แต่ทำไมเธอถึงหาแฟนที่เกาะผู้หญิงกินล่ะ?

“ผมจะเยี่ยมยอดหรือไม่ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับคุณนะ?!”

ถึงแม้คำพูดของเจ๊หยกถือว่ามีมารยาทอยู่ แต่เย่เทียนจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอต้องการสื่ออะไร แล้วจะตอบอย่างอารมณ์ดีได้ยังไง?!