เย่เทียนไม่ได้ไปไหนไกล พอเห็นเฉินหวั่นชิงหยิบมือถือออกมาโทรแล้ว เขาก็แอบโล่งใจ และหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ไม่รู้ว่าเพราะเฉินหวั่นชิงสร้างปมให้เขาไว้มากเกินไปมั้ย พริบตาที่หน้าตาเธอโกรธเกรี้ยวเมื่อกี้ เขาตกใจจนเหงื่อตก
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
เย่เทียนที่หลบเข้ามาในห้องน้ำมองตัวเองในกระจก นึกถึงความรู้สึกตึงเครียดเมื่อกี้ แล้วส่ายหัวอย่างขมขื่น
เขาล้างหน้าด้วยน้ำเย็น สงบจิตสงบใจ ก่อนจะเดินมาปลดทุกข์ที่โถฉี่
ในขณะที่เขาพ่นน้ำตามอำเภอใจ เหลียงเยว่หรูกลับบุ่มบ่ามบุกเข้ามา เย่เทียนตกใจจนสะดุ้งโหยง เกือบทำกางเกงเปียก
“เดี๋ยวๆๆ คุณจะทำอะไร ที่นี่ห้องน้ำชายนะ!”
เย่เทียนรีบเอียงตัวและตะโกนใส่เหลียงเยว่หรูเสียงดัง
ตอนที่เข้ามาเหลียงเยว่หรูได้ตั้งป้ายห้ามใช้หน้าห้องน้ำไว้แล้ว จึงไม่กลัวว่าจะมีคนไม่รู้เรื่องบุกเข้ามา
เธอไม่สนเลยว่าชายหญิงไม่เหมือนกัน กระทืบรองเท้าส้นสูงปึ้งๆมาอยู่ด้านหลังเย่เทียน ก่อนจะยื่นแขนเรียวยาวออกมากอดเย่เทียนไว้
“เย่เทียน ฉันได้ยินพี่หวั่นชิงพูดแล้วนะ พวกคุณแต่งงานกันมานานขนาดนี้ แต่ยังไม่ได้ทำสิ่งที่สามีภรรยาพึงจะทำเลย”
เหลียงเยว่หรูเขย่งปลายเท้านิดหน่อย และแนบริมฝีปากสีแดงเข้ากับหูของเย่เทียน พ่นลมหายใจรัวๆ “คุณไม่มีความคิดแบบนั้นสักนิดเลยเหรอ?”
ขณะที่พูด เหลียงเยว่หรูพยายามแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตรงหน้าอกเย่เทียนอย่างใจกล้า หน้าตาเย้ายวนอย่างพูดไม่ถูก
“เดี๋ยวก่อน เยว่หรู คุณฟังผมก่อน”
เย่เทียนรีบยัดเจ้านั่นกลับเข้าไปในกางเกง หันไปจับไหล่ของเหลียงเยว่หรูไว้ และพูดด้วยท่าทีจริงจังขึงขัง “ผมเห็นคุณเป็นแค่น้องสาว ไม่ได้คิดแบบนั้นกับคุณ…..”
“คุณไม่คิด แต่ฉันคิดนี่!”
ไม่ต้องรอให้เย่เทียนพูดจบ เหลียงเยว่หรูก็ขัดขึ้นทันที เธอสลัดพันธนาการของเย่เทียน ก่อนจะคล้องคอเขา พูดด้วยสายตาพราวเสน่ห์ “ฉันเคยบอกคุณแล้วนี่คะ ว่าถ้าคุณรับได้ ไม่รังเกียจที่จะเป็นคนรักลับๆของคุณ”
“เยว่หรู คุณอย่าทำแบบนี้ได้มั้ย? ไม่อย่างนั้นผมจะโกรธแล้วนะ!”
เย่เทียนขมวดคิ้วเป็นปม และผลักเหลียงเยว่หรูออกอย่างแรง
ล้อเล่นรึเปล่า แค่เรื่องเซ่เจียเขาก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว ถ้ามีเหลียงเยว่หรูมาอีกคน เฉินหวั่นชิงรู้เข้าได้ตัดเนื้อส่วนนั้นของเขาแน่
“เย่เทียน ฉันชอบคุณ…..”
เหลียงเยว่หรูขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ก้าวขาหมายจะเข้าใกล้อีก
“เยว่หรู ในเมื่อพูดกันมาขนาดนี้แล้ว ผมหวังว่าคุณจะให้เกียรติตัวเองด้วย!”
ไม่รอให้เหลียงเยว่หรูพูดจบ เย่เทียนก็ส่งเสียงขัดขึ้นมา พูดจบก็เดินอ้อมเหลียงเยว่หรูออกจากห้องน้ำ ทิ้งเหลียงเยว่หรูที่กระอักกระอ่วนไว้
“เย่เทียน! คุณบังคับฉันเองนะ! ทั้งหมดเป็นเพราะคุณบังคับฉัน!”
เหลียงเยว่หรูนิ่งงันอยู่พักใหญ่ และแล้วในที่สุดใบหน้างดงามนั้นก็ฉายแววชิงชัง
เธอเข้าหาขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทิ้งศักดิ์ศรีไปหมด
แต่เธอไม่คิดเลยว่ากับการเข้าหาของตัวเอง เย่เทียนกลับปฏิเสธ
“คุณรักเดียวใจเดียวไม่ใช่เหรอ ฉันจะดูซิว่าถ้าเฉินหวั่นชิงหายไป คุณจะยังรักเดียวใจเดียวอยู่รึเปล่า!”
“คุณเป็นของฉัน ใครก็ห้ามไม่ได้!”
เย่เทียนที่กลับมายังเลานจ์วีไอพีไม่รู้หรอกว่าเหลียงเยว่หรูวางแผนอะไรอยู่ เขาคุยเล่นสนุกสนานกับพวกเฉินหวั่นชิงสามคนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหลียงเยว่หรูก็ไม่ได้กลับมา เพียงแต่ส่งข้อความบอกเฉินหวั่นชิงว่ามีเรื่องด่วนเข้ามาต้องไปจัดการ
ทำให้เย่เทียนแอบโล่งอก เขากลัวเหลือเกินว่าเหลียงเยว่หรูจะกลับมาแบไต๋กับเฉินหวั่นชิง ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้คงจบดีๆไม่ได้แล้ว
ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็รอต่อไปอีกชั่วโมงกว่า ในที่สุดทั้งสี่คนก็อยู่บนเครื่องบิน มุ่งหน้าไปที่เกาะนกนางนวล
เกาะนกนางนวลเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวภายในประเทศที่นิยมกันมากที่สุด เกาะไม่ใหญ่แต่สวย เขาไม่สูงแต่งาม โดยเฉพาะน้ำทะเลที่ขึ้นชื่อเรื่องใส มีคนมากมายตั้งใจมาถ่ายรูปแต่งงานที่นี่
และด้วยเหตุนี้ บนเกาะนี้จึงมีร้านถ่ายรูปแต่งงานไม่น้อย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมเฉินหวั่นชิงไม่เลือกชุดแต่งงานที่เมืองเจียงหนันมาก่อน
แม้ว่าเซ่อันและเจียงเชี่ยนสองคนจะอินดี้สุดๆ แต่มีทักษะสูงมาก ตอนอยู่บนเครื่องบินก็คุยเรื่องรายละเอียดการถ่ายรูปแต่งงานกับเฉินหวั่นชิงอยู่ตลอด
เย่เทียนไม่เข้าไปแทรก เขายังไงก็ได้ ถึงเวลาก็แค่โพสต์ท่าอย่างเชื่อฟังก็พอ
ไม่ว่ายังไง ตอนที่ทั้งสี่คนลงจากเครื่องบินและมาถึงโรงแรมก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว พวกเขานำสัมภาระไปเก็บและพักผ่อนนิดหน่อย ก่อนจะไปร้านชุดแต่งงานที่เซ่อันสนิท
ที่นี่เป็นร้านชุดแต่งงานที่ดีที่สุดบนเกาะนกนางนวล นอกจากขายชุดแต่งงานแล้วยังมีการบริการการขายอีกด้วย ในร้านมีชุดแต่งงานทำมือล้วนที่มีมูลค่าสามล้านกว่า
น่าเสียดายที่เซ่อันมาตั้งหลายปี ของดีประจำร้านก็ยังอยู่ที่นี่ ไม่มีคนซื้อ
ยังไงซะสำหรับคนส่วนใหญ่ ชีวิตนี้ใส่ชุดแต่งงานแค่ครั้งเดียว ไม่มีประโยชน์ในการใช้เท่าไหร่ หากจะเสียเงินซื้อสู้เช่าดีกว่า
ต่อให้ซื้อจริง ก็น้อยมากที่จะซื้อตัวที่แพงขนาดนี้
ส่วนคนที่มีเงินจริงๆ ก็จะมีความต้องการสำหรับชุดแต่งงานสูงขึ้นไปอีก ยอมเสียเงินสั่งตัดดีกว่าไปเลือกซื้อที่ร้าน
เจ้าของร้านชุดแต่งงานชื่อว่าเจ๊หยกเป็นสตรีวัยกลางคนอายุสามสิบกว่า เนื่องจากบำรุงรักษาผิวดี ผิวจึงสวยอย่างกับคนอายุยี่สิบ แต่กลับมีเสน่ห์มากกว่าเด็กสาวอายุยี่สิบกว่าเยอะ
“เสี่ยวอัน นายไม่ได้มานี่สามเดือนกว่าแล้วนะ! ฉันนึกว่านายลืมพี่สาวอย่างฉันไปแล้วซะอีก!”
เห็นได้ชัดว่าเจ๊หยกและเสี่ยวอันรู้จักกันดี พอเห็นหน้าก็เข้ามาทักทายอย่างสนิทสนม
“เจ๊หยก ธุรกิจผมไม่ค่อยดีน่ะสิ เลยไม่โดนจ้างมาที่เกาะนกนางนวลเลย”
เซ่อันยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจอกันหลายเดือน พี่สวยขึ้นมากเลยนะ!”
“นายนี่เข้าใจพูดจริงๆ”
เจ๊หยกหัวเราะเสียงหวาน ก่อนจะถาม “เป็นยังไง? ครั้งนี้จะเช่าหรือว่าจะซื้อล่ะ?”
“สองคนนี้ต่างหากที่เป็นลูกค้า พี่ถามพวกเขาเองเลย!”
เซ่อันชี้นิ้วไปที่เฉินหวั่นชิงผู้วิ่งมาอยู่ตรงขอบหน้าต่างตู้แล้ว
แทบจะเป็นวินาทีเดียวกับที่เข้าประตูมา เฉินหวั่นชิงก็ตกหลุมรักชุดแต่งงานที่ตั้งอยู่ตรงกลางร้าน และยืนดูอยู่นาน ไม่ขยับเบนสายตาไปไหนเลยสักนิด
“คนสวยคนนี้ คุณนี่ตาดีจริงๆเลยนะคะ ชุดแต่งงานนี้เป็นของดีประจำร้านของร้านเลยค่ะ”
เจ๊หยกเห็นท่า รีบเดินเข้ามา
เธอเห็นแบบนี้มาเยอะจนไม่แปลกใจแล้ว ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในร้านมักจะถูกชุดแต่งงานนี้ดึงดูดสายตาไป
แต่หลังจากที่ทุกคนได้ยินราคาแล้ว ก็จะตกใจจนหยุดความคิดไว้แค่นี้
เฉินหวั่นชิงอุทานออกมา “ชุดแต่งงานชุดนี้สวยงามมากเลย!”
เจ๊หยกยิ้มเล็กน้อยและแนะนำสั้นๆ “ชุดแต่งงานนี้เรียกว่ารักมั่นตลอดชีวิต เป็นงานออกแบบและสร้างสรรค์โดยปรมาจารย์ต่างประเทศคนหนึ่ง ใช้เวลาตัดนานกว่าสองปีเต็ม หนึ่งเดียวในโลก!”